ตอนที่ 8 อย่าให้เกลียดไปมากกว่านี้
หน้าประตูรั้วรอบข้างล้อมด้วยกำแพงสูงมองไม่เห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ข้างใน
รถยนต์คันหรูของธนากำลังจอดรอประตูรั้วไฟฟ้าบานใหญ่เพื่อเข้าไปยังคฤหาสน์ พอดีกับปุ้นสะพายกระเป๋าสวมเสื้อผ้าทะมัดทะแมงแลกบัตรกับยามแล้วกำลังจะเดินออกจากประตูรั้วเล็กซึ่งเป็นทางเดินเข้าออก ธนามองอย่างแคลงใจปุ้นหยุดงานอาทิตย์ละวันแต่นี่พึ่งหยุดไปไม่กี่วันก็จะหยุดอีก เขาจึงบีบแตรรถเปิดกระจกรถแล้วชะเง้อเรียกปุ้น
“จะไปไหนพึ่งหยุดไปไม่ใช่เหรอ?”
“แม่หนูไม่สบายค่ะ ความดันขึ้นด้วยคุณแบมเลยให้หนูกลับไปดูแลแม่ที่บ้านก่อน” ปุ้นเสียงแผ่วกลัวถูกตำหนิ ธนาไม่ได้บ่นอะไรแล้วหยิบเงินแบงก์พันยื่นให้ปุ้น
“นี่ค่าเดินทาง”
“คุณแบมให้เงินหนูมาแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไรเอาไปเพิ่มเผื่อซื้อของกินอร่อย ๆ ฝากแม่กินตอนหายป่วย”
“ขอบคุณค่ะคุณธนา” ปุ้นยกมือไหว้ยิ้มซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเจ้านายทั้งสองแล้วมองรถยนต์คันหรูของธนาเข้าไปในรั้วคฤหาสน์
“ถ้าคุณธนาใจดีกับคุณแบมบ้างก็น่าจะดี” ปุ้นบ่นพึมพำตามประสาคนที่เห็นความหมางเมินของสามีที่มีต่อภรรยาตัวเอง ทำให้อัญญารินทร์ต้องนั่งเศร้าเสมอ......
ช่วงกลางดึก
ภายในห้องนอนของอัศวิน
อัศวินนอนอยู่บนเบาะของที่นอนเล็กล้อมด้วยเบาะรอบข้าง ส่วนอัญญารินทร์นอนตะแคงมือเรียวแตะก้นลูกอยู่บนที่นอนใหญ่เตียงชิดใกล้ ๆ กันเพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอพลิกไปทับลูกในขณะที่นอนหลับสนิท ธนาแทรกตัวเข้าผ้านวมข้าง ๆ แล้วโน้มลงห่มผ้านวมให้ภรรยาเบา ๆ ทว่าการยุบลงของที่นอนนุ่มทำให้อัญญารินทร์ผวาตื่นลืมตาเห็นลูกยังนอนอยู่ดีแต่ลมหายใจอุ่นที่กระทบแก้มก็ทำให้ผงะรีบเขยิบตัวหนีห่าง
“พี่เอง”
“แบมล็อกห้องแล้วเข้ามาได้ไง!” กายบางยันขึ้นเหล่มองประตูสลับกับจ้องหน้าผู้บุกรุก
“วาปเข้ามา” เขาผละห่างเอนหลังพิงหัวนอนแล้วหยิบแท็บเล็ตข้างกายมาเลื่อนเช็กตารางวันพรุ่งนี้
“ออกไป”
“นอนไปเถอะ ไม่ทำอะไรหรอก”
“ใช่สิออกไปตั้งแต่เช้าจัดกับคนรักยันดึกคงจะเปรมมากน่าดู” ปากบางเบะเหยียดมองเหวี่ยงกระแหนะกระแหนคนที่ออกไปหาความสุขบนความทุกข์ของเธอ
“อื้ม วันนี้กินจนอิ่มแปล้มีความสุขมาก.......” เสียงทุ้มลากยาวยกยิ้มยียวนกระตุ้นให้คนเป็นเมียของขึ้นคว้าหมอนขว้างใส่หน้าเขาอย่างแรง
“ออกไป ! แบมไม่ให้นอนห้องนี้ พี่มันน่ารังเกียจยิ่งเห็นหน้าพี่แบมยิ่งขยะแขยง!” เธอมองเหยียดรังเกียจตะคอกดังลั่นโวยวายผลักตัวเขาให้ออกจากที่นอน
“อย่ามองพี่ด้วยสายตาแบบนั้น!”
“ทำไม สายตาเหยียดหยามดูถูกมันทำให้จิตตกล่ะสิ พี่เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่จะกลัวอะไร” ริมฝีปากบางยกยิ้มเยาะจ้องมองเย้ยหยันสามีที่มีปมฝังใจกับการถูกดูแคลนมาตั้งแต่เด็กตอนยากจนและลำบาก เมื่อแม่ของเขาจะจับผู้ชายรวยได้เลี้ยงให้เขาเติบโตมีหน้าที่การงานดีก็ไม่อาจลบล้างสายตาเดียดฉันท์ของญาติพ่อเลี้ยงที่รู้กำพืดแท้จริงของเขาไปได้
ธนาขบกรามจ้องมองเกรี้ยวกราดโผเข้าหาภรรยาประกบสองมือใหญ่บนหน้าสวยกดริมฝีปากจูบแรงล็อกหน้าเธอไม่ให้หนี หน้าสวยพยายามเอนห่างแต่ไม่พ้นได้ร้องประท้วงในลำคอเสียงอู้อี้ก่อนที่เสียงจะเบาลงเพราะลิ้นอุ่นเข้ามาตวัดเย้าลิ้นน้อยในอุ้งปากทำให้เธอเปล่งเสียงออกมาไม่ชัดจึงจิกปลายเล็บข่วนทั้งมือทั้งแขนของเขาด้วยความโมโห เพียงไม่นานนักเขาก็ผละออกยิ้มเยาะ
“ลิ้นคนน่ารังเกียจเข้าไปอยู่ในปากคุณหนูสูงส่ง เป็นไงขยะแขยงพอไหมล่ะ!” เสียงทุ้มแหบเหี้ยมจ้องมองเธออย่างดุดัน อัญญารินทร์ขบเม้มริมฝีปากขยี้กรุ่นโกรธง้างมือตบหน้าสามี “เพี้ยะ!” และง้างตบซ้ำ เขาหันหนีฝ่ามือจึงฟาดเข้ากกหูของสามีจนหัววิ้งได้ยินเสียงวีดในหูยิ่งกระตุ้นให้คนขุ่นมัวคลั่งหนักกระโจนตัวโถมเข้าใส่ภรรยาจนหงายหลังบนที่นอนนุ่มแล้วจับยึดข้อมือเรียวตรึงแน่นไว้
“โดนคนน่าขยะแขยงเอาก็ขยะแขยงตัวเองไปด้วยแล้วกัน!” สายตาคมแข็งกร้าวโมโหที่โดนดูถูกเลือดขึ้นหน้าโน้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนลากไล้รุนแรงทำให้เธอแสบเจ็บกับหนวดสากที่ครูดบนผิวกาย
“หยุดพี่ธนา หยุด อย่าให้แบมต้องเกลียดพี่ไปมากกว่านี้” หน้าสวยแดงก่ำร้องโวยวายพลางถีบส้นเท้าบางดันบนที่นอนเพื่อยันตัวหนี
“แน่ใจเหรอว่าเกลียด ทุกครั้งที่นอนอ้าให้เอาก็เรียกว่าที่รักทุกที”
“เมื่อก่อนใช่ แต่ตอนนี้ไม่รักแล้ว ไม่รักแล้ว ได้ยินไหม!” เธอตะโกนกรอกหูหนาที่ใบหน้ายังคงซุกไซ้กายสาวจนแดง ทว่าเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“อย่าพี่ธนา! แบมบอกให้หยุดไง” กายบางดิ้นสุดชีวิตยกขายกเข่ามั่วไปหมดจนเข่าแหลมกระแทกเข้าชายโครงสามี
“โอ๊ย!” ธนานิ่วหน้าจุกชายโครง อัญญารินทร์ได้ทีกระชากแขนตัวเองออกจากการจับกุมผลักเขาออกห่างแล้วรีบกระเสือกกระสนวิ่งหน้าตาตื่นหนีเข้าไปในห้องน้ำล็อกกลอนประตูเนื้อตัวสั่นเทาปิดปากร้องไห้กลั้นสะอื้นทรุดนั่งหมดเรี่ยวแรง คนข้างนอกยังคงเงียบไม่มีแม่แต่เสียงเรียกหรือเคาะประตู แต่ไม่นานนักเสียงลูกชายก็ร้องไห้งอแงขึ้นภายในห้อง อัญญารินทร์เลิ่กลั่กหวาดระแวงว่าสามีจะซุ่มอยู่ข้างนอกแต่ก็เป็นห่วงไม่อยากให้ลูกร้องไห้นานเพียงลำพัง เธอจึงรวบรวมความกล้าและเรี่ยวแรงที่มีลุกขึ้นมาปลดล็อกแง้มประตูห้องน้ำกวาดสายตาส่องดูบนที่นอนตัวเองกับลูกและรอบห้องไร้เงาของสามี
เมื่อเห็นว่าปลอดภัยอัญญารินทร์รีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปล็อกประตูห้องแล้ววิ่งกลับมาอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมกอดอย่างกระหืดกระหอบโอ๋ลูกไปพร้อม ๆ กับหัวใจที่เต้นแรงน้ำตาชุ่มหน้าคาดไม่ถึงว่าสามีนายแพทย์ผู้มาดขรึมใจเย็นพอถูกยั่วยุปูมหลังที่ฝังใจจะกลายเป็นคนดุดันเกรี้ยวกราดได้ในพริบตา
ด้านธนายืนพิงประตูตัวงอเจ็บที่ชายโครงท่ามกลางความมืดหลังจากได้ยินเสียงล็อกกลอนประตูห้องนอนแล้วเขาก็ถอนหายใจหนักลูบหน้าเคร่งเครียดอย่างหัวเสียเพราะอารมณ์ชั่ววูบจึงเผลอใช้กำลังกับภรรยาให้เธอกลัวลนลานอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้นและไม่น่าให้อภัย......
