ตอนที่ 10 แค่พ่อของลูก
ภายในห้องประชุม
ผู้ร่วมหุ้นนับสิบกำลังรุมเล่นงานเมลินดาตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารที่บกพร่องรวมไปถึงประธานกรรมการคนใหม่ด้วยเช่นกัน เมลินดาลอยหน้าลอยตาตอบโต้ทุกคนเพราะคิดว่าตัวเองกับลูกถือหุ้นเกินครึ่งไม่มีใครทำอะไรได้
“แล้วคุณอัญญารินทร์อยู่ไหน?”
“แบมได้สิทธิ์ลาคลอดเก้าสิบวันตามกฎหมาย ส่วนหน้าที่บริหารใครอยู่เฮดก็ดูแลสร้างผลประกอบการของแต่ละแผนกไปสิคะ คงไม่ต้องถึงมือกรรมการบริษัทซะทุกเรื่อง” เมลินดาเสียงแหลมจิกตามองผู้ร่วมทุนรอบห้องที่จ้องจะหาเรื่องกดดันเธอ
“เราทำธุรกิจนะครับคุณลิน ถ้าพนักงานระดับล่างลาคลอดก็ไม่กระทบอะไรแต่งานบริหารถ้าไม่มีโปรเจคสำหรับไตรมาสเราจะร่วงกันหมด พวกเราต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ถ้าไม่พัฒนาอีกหน่อยเราจะถูกคู่แข่งที่เข้มแข็งกว่าแซงไปได้” ผู้ร่วมทุนชาติชายสวนกลับขึงขัง ขืนปล่อยให้คนไม่ได้เรื่องบริหารมีแต่รอวันเจ๊งกับเจ๊ง
“ถ้าผู้นำอ่อนแอเราจะแย่กันหมด ได้ยินว่าลูกชายคุณพิพัฒน์เรียนจบกลับมาจากเมืองนอก ฉันเห็นว่าสมควรที่จะได้นั่งตำแหน่งประธานกรรมการนะคะ” วรวรรณแทรกขึ้นและนำเสนอลูกชายของผู้ร่วมทุน ซึ่งผู้บริหารคนอื่นต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย
“จะทำได้ยังไงในเมื่อหุ้นของพวกคุณน้อยกว่าฉันกับแบม ลูกสาวฉันมีสิทธิ์นั่งตำแหน่งนี้!” เมลินดาทุบโต๊ะฉุนเฉียวนั่งไม่ติด ธนาเหลือบมองแม่ยายของเขาอย่างเฉยชา
“แต่การไม่ใส่ใจงานบริหารเอาแต่เลี้ยงลูกมันไม่เกิดประโยชน์ ในเมื่อคุณอัญญารินทร์ไม่รู้ถึงหน้าที่ก็ปล่อยให้เธอไปเลี้ยงลูกเถอะครับ” พิพัฒน์ร่วมแย้งเพราะอยากผลักดันลูกชายตัวเอง
“ถึงหุ้นจะน้อยกว่าแต่กรรมการบริหารทุกคนสามารถออกเสียงโหวตได้ในเมื่อเจ้าของตำแหน่งเดิมไม่คู่ควร” ทัตชาติเสียงเอื่อยแสร้งหนักใจ เมลินดาหายใจหอบแรงโกรธหน้าแดงก่ำรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนหักหลัง
“สวัสดีค่ะทุกคน ขอโทษมาช้านะคะ คราวหน้าแบมจะปรับปรับปรุง” เสียงหวานดังแทรกขึ้นในระหว่างการประชุมดุเดือด อัญญารินทร์สวมชุดกระโปรงผ้าไหมเปิดประตูเข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับยกมือไหว้ทุกคนอย่างอ่อนน้อม
ทัตชาติสะดุ้งทำหน้าไม่ถูกอุตส่าห์สกัดไม่ให้อัญญารินทร์รู้ว่ามีประชุมสำคัญแต่เธอดันปรากฏตัวที่นี่ได้นั่นทำให้สงสัยหันขวับไปจ้องธนาที่นั่งอยู่ใกล้กันซึ่งธนาก็อ้าปากหน้าเหวอตกใจที่อัญญารินทร์มาอยู่ที่นี่จึงทำให้ทัตชาติยิ่งคิดหนักหากไม่ใช่ธนาก็ไม่น่าใช่เมลินดาผู้ไม่สนใจอะไรเลยไม่มีทางบอกอัญญารินทร์เรื่องนี้แน่แสดงว่าอาจมีหนอนบ่อนไส้ในทีมลับเฉพาะกิจ…….
อัญญารินทร์เดินสวยสง่ามานั่งหัวลงเก้าอี้โต๊ะของผู้บริหาร ผู้ร่วมทุนต่างพากันสีหน้าเครียดอารมณ์เสียเพราะมีการพูดคุยนอกรอบว่าจะปลดอัญญารินทร์จากตำแหน่งและโหวตภาณุเดชลูกชายของพิพัฒน์ขึ้นตำแหน่งแทน
“เก้าอี้ประธานไม่ใช่จะมานั่งสวย ๆ นะครับ” ชาติชายกระตุกยิ้มเยาะกับผู้ร่วมทุนท่านอื่น
“คุณอัญญารินทร์มีโปรเจคอะไรนำเสนอเกี่ยวกับการเพิ่มรายได้ของไตรมาสนี้บ้างไหมคะ เพราะถ้าไม่มีศักยภาพมากพอก็ควรพิจารณาตัวเองออกจากตำแหน่งให้คนเก่ง ๆ เข้ามาบริหารแทน” วรวรรณเสริมขึ้นกะจะกดปราบให้จมดิน อัญญารินทร์ยิ้มอ่อนก่อนจะผายมือไปทางชายหนุ่มลูกครึ่งสูงหล่อสมาร์ตที่ยืนอยู่ข้างห้องประชุม
“ก่อนอื่นแบมขอแนะนำที่ปรึกษาส่วนตัวก่อนนะคะ คุณแซมมัว หรือคุณแซมมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาทางธุรกิจของแบมค่ะ” เมื่อเอ่ยแนะนำที่ปรึกษาธนาจ้องมองตาขุ่นไม่ค่อยพอใจเพราะแซมมัวหล่อเหลาเกินไปที่จะอยู่ใกล้กับภรรยาของเขา แซมมัวโน้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วยื่นแฟ้มเอกสารให้กับผู้ช่วยนำไปแจกผู้ร่วมทุน
“นี่เป็นเอกสารการเพิ่มยอดรายได้ส่วนแบ่งกำไรและโปรเจคที่กำลังจะเริ่มวิจัยหลังจากการประชุมครั้งนี้ครับ”
“ทางเรามีห้องแล็บมาตรฐานสามารถส่งผลตรวจได้ภายในหนึ่งชั่วโมง แบมจะขยายฐานรับจากของทุกโรงพยาบาลที่ต้องการผลรวดเร็วทันใจลูกค้า โรงพยาบาลโซนรถไฟฟ้าและใต้ดินเราจะมีพนักงานสแตนด์บายนำเลือดและสารคัดหลั่งมาส่งยังแล็บ ส่วนนอกเส้นทางใช้รถมอเตอร์ไซต์นำส่ง คอนเฟิร์มผลการตรวจภายในหนึ่งชั่วโมงทีมฝ่ายขายมีหน้าที่นำเสนอโรงพยาบาลเอกชนชั้นกลางและระดับพรีเมียม”
“ทุกโรงพยาบาลมีห้องแล็บอยู่แล้ว” พิพัฒน์เสียงเข้มเปิดแฟ้มเอกสารแรง ๆ ไม่สบอารมณ์
“แต่ใช้เวลานานสามถึงหนึ่งสัปดาห์หากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายผู้ป่วยจะรอไหวเหรอคะและที่สำคัญลูกค้าเอกชนส่วนมากยอมจ่ายเพื่อบริการที่ไวขึ้นไม่อย่างนั้นจะมีใครมาจ่ายแพง ๆ เพื่อรักษาที่โรงพยาบาลของเราคะ”
“การเสนอขายสิ่งที่ทางโรงพยาบาลอื่นก็มีค่อนข้างยากที่เราจะเข้าไปชิงตลาด อาจทำให้เราเสียงบโดยใช่เหตุ” วรวรรณแย้งขึ้นเพราะฝ่ายขายอยู่ใต้การบริหารของเธอ
“ยังไม่ได้ลงมือทำก็คิดว่ายากแล้ว ถ้าคิดว่าไม่ไหวพิจารณาตัวเองออกจากตำแหน่งแล้วให้คนเก่ง ๆ เขามาทำแทนดีไหมคะ” อัญญารินทร์เอาคำพูดของวรวรรณมาใช้แล้วจ้องมองสายตานิ่งเรียบอย่างท้าทาย วรวรรณข่มอารมณ์ขุ่นเคืองแทบจะระเบิดออกมาเจ็บที่ถูกเด็กเมื่อวานซืนลับคม
“ในเอกสารมีการคำนวณต้นทุนและกำไรไว้เรียบร้อยแล้ว และแบมกำลังติดต่อขอใบอนุญาตจัดตั้งโรงงานผลิตน้ำเกลือจากที่ต้องนำเข้าเราจะเป็นผู้ผลิตเองและคุมตลาดโรงพยาบาลไว้ทั้งหมดไม่ว่าที่ไหนก็ต้องซื้อของเรา เอาอีกสามเดือนข้างหน้าจะมีการชี้แจงความคืบหน้าของธุรกิจและผลประกอบการกันนะคะ” อัญญารินทร์ยิ้มอ่อนเชิดหน้ามั่นใจกวาดสายตามองผู้ร่วมทุนอย่างเหนือกว่า
เมลินดายิ้มกริ่มปลาบปลื้มในความสามารถของลูกสาว ส่วนทัตชาติฮึดฮัดข่มความหัวเสียไม่โจ่งแจ้ง ธนาขยับตัวหลบตาก้มหน้าลงจับกรอบแว่นเพื่อซ่อนรอยยิ้ม
เมื่อออกจากห้องประชุม
อัญญารินทร์เดินเคียงข้างกับแซมมัวที่กำลังเลื่อนหน้าจอแท็บเลตในมือพูดคุยกันถึงการวางแผนธุรกิจ ธนายืนหน้านิ่งมองตามหลังคนทั้งสองอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหันเดินไปอีกทาง ทว่าเพียงเดินไปไม่กี่ก้าวเขาก็หันกลับไปมองภรรยากับที่ปรึกษายื่นหน้าใกล้ชิดเดินเคียงคู่กันกะหนุงกะหนิง ทำให้เขาชักจะหงุดหงิดหันหลังขวับไม่อยากสนใจ
“เราต้องเรียกประชุมแผนกที่เกี่ยวข้องและสร้างทีมแยกแผนกขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะของทั้งสองโครงการเพื่อจะได้เจาะจงและมีการอัปเดตเรียลไทม์ในทุกอาทิตย์” แซมมัวหนุ่มหล่อลูกครึ่งพูดไทยค่อนข้างชัดกำลังคุยเกี่ยวกับการวางแผนงานต่าง ๆ กับอัญญารินทร์
“งั้นแบมจะให้เลขานัดประชุมประมาณวันมะรืน”
“วันมะรืน?”
“วันถัดไปจากวันพรุ่งนี้” หน้าสวยเงยขึ้นสบตากับแซมมัวพร้อมรอยยิ้มน่ารักขำที่เขาไม่รู้จักวันมะรืน
“ขอคุยด้วยหน่อย” เสียงทุ้มแทรกขึ้นขัดจังหวะอัญญารินทร์หุบยิ้มเหล่มองคุณสามีหน้าตึงไม่สบอารมณ์เขาฝืนเดินกลับห้องทำงานแต่ใจมันไม่ยอมบังคับให้ร่างกายเดินกลับมาขัดคนทั้งสองและยิ่งหงุดหงิดเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสที่เธอมีมาเสมอแต่หายไปตั้งแต่สูญเสียคุณตา
“ครับ” แซมมัวยิ้มให้เป็นมิตรคิดว่าจะมาพูดคุยด้วย
“ผมขอคุยส่วนตัวกับภรรยา” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมองจ้องหน้าชายหนุ่มลูกครึ่งหล่อเหลาแล้วยื่นแขนแกร่งระหว่างกลางคนทั้งสองดันภรรยาให้เขยิบตัวเบียดกายหนาแทรกคั่นกลางแบบเนียน ๆ
“อ๋อ คุณเป็นสามีของแบม” แซมมัวหันมองหน้าตาเหวอถูกเบียดไหล่จนต้องเขยิบออกเอง
“แค่พ่อของลูกน่ะ อีกไม่นานก็หย่ากันแล้ว” หน้าสวยบึ้งตึงเบี่ยงตัวออกห่างสามีแล้วเหล่มองที่เขาเสียมารยาท
“ยังไงนะ?” แซมมัวไม่เข้าใจความหมาย
“ช่างเถอะ เอาไว้พรุ่งนี้เรามาคุยเรื่องการวางแผนงานกันอีกทีนะ” อัญญารินทร์ยิ้มเล็กน้อยโบกมือบ้ายบายที่ปรึกษาส่วนตัวแล้วหันหลังเดินหนี ธนาหันมายิ้มให้แต่ทำไมไม่รู้แซมมัวถึงรู้สึกขนลุกจากสายตาพิฆาตคู่นั้น...
