บท
ตั้งค่า

บทที่5.1 อยู่ในความทรงจำ

“ข้าเชื่อใจท่านนะ เจียหลุน”

จู่ๆ เวยเจียหลุนพลันชะงักงัน เสียงหวานระคนสะอื้นแวบเข้ามาในความทรงจำ หัวใจที่เต้นแรงด้วยความตื่นเต้นเมื่อครู่เกิดสงบลงอย่างกะทันหัน ร่างใหญ่ปล่อยมือที่ตนตรึงไว้ออกก่อนยันตัวขึ้นนั่งและยกมือขึ้นกุมศีรษะ

ข้าทำไม่ได้... เลี่ยงซิ่ว ข้าทรยศเจ้าไม่ได้

เจาจวินดันตัวลุกขึ้นนั่งตาม หญิงสาวลอบสังเกตอาการที่ไม่สู้ดีของเวยเจียหลุนก่อนเอ่ยถาม “ท่านเป็นอะไรหรือไม่”

ทว่าขณะกำลังจะยื่นมือออกไปสัมผัส เวยเจียหลุนกลับปัดมือของนางออกและลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีขึงขัง คว้าเสื้อคลุมที่ถอดทิ้งไว้มาใส่พร้อมกล่าวเสียงเย็นชา

“เจ้าไม่ใช่นาง เจ้าแค่หน้าตาเหมือนเท่านั้น หาใช่นาง”

เจาจวินขมวดคิ้วแน่น ในใจของนางทั้งสับสนและมึนงงไปหมด กระทั่งรู้ตัวอีกทีร่างของเวยเจียหลุนก็หายไปเสียแล้ว

เป็นบ้าอะไรของเขา

เจาจวินถอนหายใจ พยายามรวบรวมสติของตัวเองก่อนจะหยิบอาภรณ์ขึ้นมาสวมกายไว้ดังเดิม นางนั่งนิ่งอยู่ในห้องเป็นเวลาเนิ่นนานกว่าหนิงอวี่จะเคาะประตูและนำถาดอาหารเข้ามาในห้อง

“เอ๊ะ ข้าไม่ต้องไปทานมื้อค่ำกับ...”

“นายท่านรับสั่งให้นายหญิงทานมื้อค่ำในห้อง และหากไม่มีคำสั่ง ห้ามท่านแอบออกไปข้างนอกอีก มิเช่นนั้น...เอ่อ ท่านจะต้องถูกลงโทษสถานหนักเจ้าค่ะ”

เจาจวินที่ได้ยินก็ถึงกลับงงงันไปชั่วครู่ แต่ก็ไม่ได้กล่าวถามอะไรต่อ

“ท่านทานอาหารเถิด เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมน้ำให้อาบ”

“ข้าไม่หิว อยากนอนแล้ว เจ้าเอาไปกินเถิด” เจาจวินพูดตัดบทและเอนตัวนอนทันที ในใจเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ตนไม่สามารถหาคำตอบได้ ท่าทีเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายนั่นคืออะไร เจาจวินตามอารมณ์ของบุรุษผู้นี้ไม่ทันจริงๆ

เจาจวินทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห นางพลิกตัวไปมาอยู่พักใหญ่กว่าจะข่มตาให้หลับลงได้

หนิงอวี่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ นางไม่เคยรู้สึกอยากกลับลงนรกเท่านี้มาก่อน ปวดหัวนักที่ต้องมาเจอเจ้านายเอาแต่ใจทั้งสอง สตรีลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง หันซ้ายหันขวามองว่าพญามารจะเดินมาแถวนี้หรือไม่ ครั้นเห็นว่าทางสะดวกก็หยิบหมั่นโถวลูกใหญ่เข้าปาก

“นี่! ทำอะไรของเจ้า”

หนิงอวี่สะดุ้งตกใจ รีบเหลียวหลังกลับไปมอง เห็นเป็นบุรุษในชุดดำเดินตรงมาหาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “โธ่ ผู่เยว่ ทำข้าตกใจหมด”

“เจ้ากำลังทำอะไร แอบกินของเจ้านายหรือ”

“แอบกินที่ไหน นายหญิงยกให้ข้าต่างหาก”

ผู่เยว่ชำเลืองมองอาหารที่วางเรียงอยู่เต็มถาด มือเอื้อมไปหยิบหมั่นโถวขึ้นมากินบ้าง “นางไม่ยอมกินหรือ”

“อือ ไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆก็บอกว่าไม่หิวแล้วก็ล้มตัวลงนอน” หนิงอวี่ตอบพลางเคี้ยวหมั่นโถวในปากไปด้วย

“ทางข้าก็เหมือนกัน ท่านพญามารไม่แตะต้องอาหารอะไรเลย บ่นว่าปวดหัวและเดินกลับเข้าห้องไปแล้ว”

ทั้งสองหันมองหน้ากันราวกับอ่านใจของกันและกันออก พ่นลมหายใจพลางส่ายศีรษะอย่างระอา หรือพวกเราจะกลับลงนรกดี

คล้ายกับเวลาไม่เดินไปข้างหน้าแม้แต่น้อย หลายวันมานี้เจาจวินใช้เวลานั่งๆนอนๆเบื่อแสนเบื่อ นางรู้สึกใกล้จะประสาทเสียเต็มที

“ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว!!!”

หนิงอวี่ที่กำลังนั่งสัปหงกสะดุ้งตื่น เงยหน้ามองหญิงสาวที่กำลังตั้งท่าข่วนประตู

“ข้าไม่ใช่นักโทษนะ ทำไมต้องขังข้าไว้แบบนี้ด้วย”

“นายหญิงใจเย็นก่อน ข้าว่าไม่พรุ่งนี้ก็มะรืน ท่านจะต้องได้ออกไปแน่นอนเจ้าค่ะ”

เจาจวินกลอกตามองบน “หนิงอวี่ คำพูดนี้ข้าได้ยินเจ้าพูดมาหลายครั้งแล้ว ข้ารอแล้วรอเล่า รอจนไม่รู้แล้วว่าตะวันขึ้นหรือตก อยู่แต่ในห้องมืดๆ ข้าจะทน...”

ทันใดประตูใหญ่กลับถูกเปิดออกพร้อมองครักษ์หนุ่มท่าทางทะมัดทะแมงเดินยิ้มร่าเข้ามาข้างใน

“เสียงของท่านช่างดังกังวานราวเสียงร้องของนกนัก” ผู่เยว่กล่าวแนะนำตัวเองแก่เจาจวิน “ท่านพญามารให้ข้ามาคอยคุ้มกันท่านระหว่างออกไปเดินเล่นข้างนอก”

เจาจวินเหลือบมองบุรุษอย่างไม่ไว้ใจ เขามีใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตา ท่าทางดูขี้เล่นและไม่ถือตน ยามยิ้มแย้มก็ดูเป็นมิตร น่าเข้าหายิ่งนัก

“ข้าออกไปได้แล้วหรือ”

“หนึ่งชั่วยาม ท่านมีเวลาเที่ยวเล่นหนึ่งชั่วยาม”

เจาจวินไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปข้างนอกโดยเร็ว และทันทีที่วิ่งออกมายังสวนด้านนอก นัยน์ตาหวานพลันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ดินที่แห้งแล้งดูอุดมสมบูรณ์ขึ้นพร้อมต้นไม้สีเขียวชอุ่มขึ้นเรียงราย ตรงกลางมีสระบัวขนาดใหญ่ห้อมรอบด้วยเถาวัลย์และพุ่มบุปผางาม เหนือขึ้นไปจะเป็นศาลาลอยฟ้าประดับอัญมณีทั้งฟ้าชมพูและขาว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel