บท
ตั้งค่า

บทที่5.2 อยู่ในความทรงจำ

“เดิมทีที่ดินตรงนี้อยากปล่อยให้รกร้างหรือสร้างเป็นประติมากรรมโบราณเพื่อสร้างความน่าเกรงขามให้สมกับเป็นที่อยู่ของเหล่าปีศาจ แต่ไม่รู้ทำไมท่านพญามารถึงเปลี่ยนใจ”

ผู่เยว่บ่นพึมพำกับหนิงอวี่ ซึ่งนางก็หัวเราะเบาๆ ให้กับความซื่อบื้อขององครักษ์หนุ่ม “เจ้านี่โง่ไม่มีใครเกิน”

ผู่เยว่อ้าปากค้างทำท่าจะเถียงแต่หนิงอวี่ได้เดินหนีเขาไปหาเจาจวินก่อนแล้ว

เจาจวินดีใจมากที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่นางโปรดปราน ปักษานั้นเดิมทีก็เติบโตมากับต้นไม้ใบหญ้าอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเจาจวินที่ครั้งหนึ่งชอบแอบออกมาเล่นซนข้างนอกบ่อยๆ นางชอบนอนเอกเขนกบนพื้นหญ้า เงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามและจินตนาการว่าสักวันหากตนกลับมาบินได้อีกครั้งจะเป็นเช่นไร

เจาจวินนั่งยืดตัวตรงก่อนปีกใหญ่สีฟ้าสลับขาวจะปรากฏขึ้นบนหลังของนาง ทว่าเมื่อนางพยายามจะกางปีกกลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างจนต้องล้มเลิกความพยายามของตน

แม้จะแค่ช่วงแวบหนึ่งแต่หนิงอวี่และผู่เยว่นั้นสังเกตเห็นบางอย่างบนปีกของเจาจวิน เป็นรอยไหม้คล้ายถูกบางอย่างที่มีฤทธิ์เดชมากแผดเผา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งสองรู้ดีว่าคืออะไร เพราะต่างฝ่ายนั้นเคยได้สัมผัสมาแล้วตอนถูกจองจำอยู่ในคุก

ไฟนรกโลกันตร์

เจาจวินใช้เวลาเริงร่าจนครบหนึ่งชั่วยามตามกำหนด แม้นางจะอ้อนผู่เยว่ขออยู่ข้างนอกนานกว่านี้ ทว่าคำสั่งของพญามารเวยเจียหลุนนับเป็นสิทธิ์ขาด หากฝ่าฝืนมีโทษถึงตาย เจาจวินจึงจำใจต้องเชื่อฟังอย่างขัดไม่ได้

และทุกอย่างก็ดำเนินเช่นนี้ร่วมสัปดาห์ ตื่น กิน เดินเล่น และเข้านอน วนเวียนไปไม่รู้จบ คล้ายกับว่าเจาจวินถูกเลี้ยงดูเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งก็ไม่ปาน

“วันนี้ท้องฟ้าดูผิดแปลกพิกล” หนิงอวี่พูดพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ส่งเสียงคำรามแปลกๆ

“เหมือนกับว่ามีใครหรืออะไรกำลังพยายามฝ่าเขตอาคมเข้ามาอย่างนั้นแหละ” ผู่เยว่คาดเดา

“ฝ่าเขตอาคมหรือ ใครมันจะสิ้นคิดเพียงนั้น”

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ จะเป็นไปได้ไหมหากเป็นองค์ชายสาม”

“องค์ชายสาม? หมายถึงโอรสขององค์จักรพรรดิหรือ เป็นไปไม่ได้หรอก ทำเช่นนั้นมิเท่ากับประกาศสงครามหรืออย่างไร อีกอย่างท่านพญามารก็หาได้ออกไปก่อความเดือดร้อนที่ไหนมิใช่หรือ”

“นี่เจ้าไม่รู้หรือว่าองค์ชายสามมีใจเสน่ห์หาในตัวนายหญิงของเจ้า”

หนิงอวี่กะพริบตาถี่ นางหันมาพลางเขย่าตัวของผู่เยว่ “อะไรนะ?! จริงหรือที่เจ้าพูด เล่าให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้ เรื่องมันเกิดอะไรขึ้น เล่าๆๆ”

ขณะผู่เยว่ถูกหนิงอวี่คาดคั้นอยู่นั้น เจาจวินที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนศาลาเกิดจับสัมผัสอะไรได้บางอย่าง กลิ่นอายนั่นเบาบางทว่ามีอานุภาพในการดึงดูดให้เข้าใกล้ เจาจวินเดินตามหาอย่างระวัง ภาวนาขอไม่ใช่ปีศาจร้ายเช่นที่ตนเคยพบ

หญิงสาวออกเดินตามหามาเรื่อยๆ จนไม่ทันสังเกตเห็นว่าตัวเองนั้นเดินเลยออกมาจากสวนพฤกษาที่ตนอยู่ นางเดินผ่านสะพานโค้งเข้ามายังส่วนที่อึมครึมที่สุดของราชวัง แต่แล้วกลิ่นอายนั่นพลันหายไป เจาจวินจับสัมผัสอะไรไม่ได้อีก

“มันยังไงกันเนี่ย”

เจาจวินหมุนตัวซ้ายขวาอยู่ครู่หนึ่ง บริเวณโดยรอบเงียบสงัดอีกทั้งยังมืดสนิทจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า ดูเผินๆ คล้ายตำหนักร้างอย่างไรอย่างนั้น เจาจวินตั้งท่าจะเดินกลับแต่แล้วหางตาดันเหลือบไปเห็นหน้าต่างบานหนึ่งถูกเปิดทิ้งไว้ ด้วยความอยากรู้จึงค่อยย่องเข้าไปแอบชำเลืองดู

ร่างบางเขย่งปลายเท้าขึ้นมอง เห็นว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยชั้นหนังสือและม้วนกระดาษ บนโต๊ะมีจดหมายฉบับหนึ่งถูกเขียนทิ้งไว้ เจาจวินสอดส่องสายตา เมื่อเห็นว่าข้างในไม่มีผู้ใดอยู่จึงกลายร่างเป็นนกตัวเล็กและเดินลอดผ่านเข้าไปทางช่องหน้าต่างนั้น

นกเจาจวินยืนบนโต๊ะ กวาดสายตาอ่านจดหมายนั้นอย่างสงสัย

นี่มัน...จดหมายรัก?

อีกทั้งยังลงท้ายว่า แด่เลี่ยงซิ่วของข้า

หัวใจของเจาจวินกระตุกวูบ นัยน์ตาคลอเล็กน้อย เลี่ยงซิ่ว คือสตรีที่เวยเจียหลุนบอกว่าหน้าเหมือนกันกับข้า งั้นนี่ก็คงเป็นลายมือของเขางั้นสิ เขากำลังเขียนจดหมายถึงหญิงคนรักงั้นหรือ

เจาจวินหน้าเศร้าคอตก ไม่รู้ทำไมตนถึงต้องรู้สึกเศร้าเพียงนี้ด้วย พญามารจะรักจะชอบใจ นางไม่เห็นมีความจำเป็นต้องใส่ใจเสียหน่อย อย่างไรตนก็เป็นเพียงเชลยที่ถูกส่งมาบรรณาการเขาเท่านั้น

“เลี่ยงซิ่ว”

เจาจวินเสียวสันหลังวาบ หันไปมองตามเสียงที่ได้ยินก็ยืนตัวแข็งค้างด้วยความตกใจ แย่แล้ว...

เวยเจียหลุนจ้องมองนกสีฟ้าตาไม่กะพริบ เขาก้าวเท้าเข้ามาอย่างช้าๆ สำรวจมองเจ้าสิ่งมีชีวิตนั้นอย่างระวัง เมื่อเห็นว่ามันเอาแต่ยืนนิ่งไม่ได้คิดจะบินหนี บุรุษก็ค่อยๆ ยื่นมือไปลูบหัวของเจ้านกน้อยเบาๆ

“ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”

ใบหน้าที่อ่อนโยนของเวยเจียหลุน เจาจวินเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก นัยน์ตาเข้มสีรัตติกาลของเขาช่างอบอุ่น ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหงาและว้าเหว่

หัวใจดวงน้อยสั่นไหวและเผลอขยับเข้าใกล้ เอียงศีรษะคลอเคลียกับฝ่ามือใหญ่ของเวยเจียหลุน

“เลี่ยงซิ่วเองก็ชอบอ้อนข้าแบบนี้ หากเป็นนางก็คงจะดีไม่น้อย”

เจาจวินหยุดชะงัก เหลือบตาขึ้นมองเวยเจียหลุนก่อนจิกเข้าที่มือของบุรุษเต็มแรง คำก็เลี่ยงซิ่ว สองคำก็เลี่ยงซิ่ว โมโหแล้วนะ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel