บทที่4.2 ใจเสน่ห์หา
“ท่านพญามาร” องครักษ์คู่ใจนาม ผู่เยว่ ปีศาจหนุ่มรูปงามเก่งกาจด้านการรบ ผู้ซึ่งร่วมรบเคียงข้างเวยเจียหลุนจนถูกคุมขังไว้ยังอีกฝั่งฝากของมหาสมุทรเฉกเช่นนายของตน
ผู่เยว่เพิ่งถูกเวยเจียหลุนแหกคุกช่วยออกมาได้และได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าองครักษ์ มีอำนาจคุมกองกำลังปีศาจภายในอาณาเขตนี้
“คราวนี้โอรสขององค์จักรพรรดิเดินมาหาท่านด้วยตนเอง”
“ข้ารู้ องค์ชายรัชทายาทลำดับที่สาม องค์ชาย...จางหมิ่น”
แววตาคมกริบสว่างวาบทันทีที่บุรุษในอาภรณ์สีขาวปรากฏกายพร้อมองครักษ์หลายสิบนาย
จางหมิ่น เป็นองค์ชายที่ได้ชื่อว่ารูปงามและมากความสามารถที่สุดในบรรดาโอรสทั้งหมดขององค์จักรพรรดิ แม้จะไม่ได้ถูกวางตัวให้เป็นว่าที่องค์รัชทายาทอันดับหนึ่งแต่บุรุษหาได้โกรธเคืองหรือนึกน้อยใจในตัวบิดาแต่อย่างใด
จิตใจของจางหมิ่นเรียกว่าสว่างไสวดุจแสงสว่างของดวงตะวันก็มิปาน สุขุมใจเย็นและฉลาดล้ำลึกอย่างมาก ขณะถูกสายตาดูแคลนจ้องมองมาเขาก็หาได้รู้สึกเคืองขัดแม้แต่น้อย
“ท่านพญามาร”
“องค์ชายจางหมิ่น”
ทั้งสองมองสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายจางหมิ่นที่เริ่มต้นบทสนทนาสงบศึกระหว่างสองเผ่าพันธุ์
“ข้าได้เดินทางไปยังแดนปีศาจ พูดคุยตกลงกับราชาปีศาจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“แล้วอย่างไร องค์ชายคิดว่าข้าเชื่อฟังคำสั่งของราชาปีศาจขนาดนั้นเชียวหรือ หากข้าคิดจะทำการใด มิจำเป็นต้องขอคำอนุญาตจากใครทั้งนั้น”
“ข้าพอเดาออก เพราะการศึกครั้งนั้น มีท่านเป็นผู้นำเพียงคนเดียว”
เวยเจียหลุนยกยิ้ม “งั้นคงจะรู้ด้วยว่าข้านั้นเก่งกาจแค่ไหน หากไม่เพราะถูกรุมจากบรรดา...สุนัข พูดเช่นนี้แรงไปหรือไม่” เวยเจียหลุนเอียงศีรษะไปทางผู่เยว่ หมายอยากจะหยามเกียรติจางหมิ่น
ทว่าองค์ชายเผ่าสวรรค์กลับมิได้บันดาลโทสะแต่อย่างใด ดวงตานิ่งสงบปราศจากคลื่นอารมณ์
“ข้าไม่ได้อยากรื้อฟื้นอดีตที่บาดหมางระหว่างเรา แต่อยากขอเจรจาสงบศึกในอนาคต ไม่อยากให้เกิดการนองเลือดอีก”
แวบหนึ่งจางหมิ่นเผลอคิดถึงเจาจวิน สตรีที่เขาปั้นใจรักมาเนิ่นนาน ทว่าดันถูกส่งมาบรรณาการพญามารเวยเจียหลุนเสียอย่างนั้น แม้จะเจ็บปวดเสียใจจนแทบคลั่งแต่จางหมิ่นก็เข้าใจในเจตนารมณ์และมีเหตุผลมากพอจะไม่โวยวายออกมา
“เจาจวิน... นางเป็นอย่างไรบ้าง”
จู่ๆ พลันเผลอพลั้งปากออกไปอย่างไม่ตั้งใจ ทำเวยเจียหลุนชะงัก ดวงตาสีดำคมปราบทำองครักษ์โดยรอบสะดุ้งไปตามๆ กัน
“รู้จักนางหรือ”
“เดิมทีข้าตั้งใจจะสู่ขอนางมาเป็นชายา แต่นึกไม่ถึงว่านางจะถูกส่งบรรณาการท่านเสียก่อน” จางหมิ่นกล่าวอย่างตรงไปมา ไม่คิดปกปิด
เวยเจียหลุนหัวเราะเสียงต่ำ ไม่รู้ว่าที่จางหมิ่นยกเอาเรื่องเจาจวินมาพูดนั้นมีเจตนาใดแอบแฝงหรือไม่
“ข้าเสียนางให้ท่านไปแล้ว อย่าให้ข้าต้องเสียอะไรอีกเลย ทุกคนที่อยู่ใต้การปกครองหวังพึ่งข้า อยากสงบศึกกับท่าน ไม่ก้าวก่ายหรือรุกรานซึ่งกันและกันอีก”
จางหมิ่นซื่อสัตย์ในทุกคำพูด เขาจำต้องตัดใจจากเจาจวิน เขาและนางคงไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อคู่กัน ทั้งสองต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
เจาจวินสละตนเพื่อดับความรุนแรงในใจของเวยเจียหลุน รักษาความปลอดภัยของเผ่าปักษา
ส่วนจางหมิ่นก็เป็นองค์ชาย มีหน้าที่ที่ต้องรักษาชีวิตและความสงบสุขของราษฎร หน้าที่มาก่อน เรื่องรักใคร่เป็นเรื่องรองลงมา
ทว่ากับเวยเจียหลุนนั้นหูดับไปแล้ว เขาไม่ได้ยินคำอื่นนอกจากคำว่า เดิมทีข้าตั้งใจจะสู่ขอนางมาเป็นชายา บุรุษกำหมัดทั้งสองแน่น กระทืบเท้าหนึ่งทีราชวังทั้งหลังพลันสะเทือนจนอิฐปูนร่วงหล่นลงมา
“คุยมาพอแล้ว” เสียงทุ้มกล่าวอย่างไม่คลายโทสะ ลุกขึ้นยืนและพุ่งตัวออกไปทันที
ควันดำพุ่งทะยานมาที่ห้องฝั่งตะวันตก ประตูเปิดพรวดเข้ามาจนร่างบางสะดุ้งโหยง
“ออกไป!” เวยเจียหลุนสั่งหนิงอวี่
หนิงอวี่ลังเล หันมองไปทางเจาจวินด้วยความเป็นห่วง เพราะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเวยเจียหลุน
เมื่อครู่ยังดูอ่อนโยนกับเจาจวินอยู่แท้ๆ ไฉนตอนนี้ดูอารมณ์เสียขึ้นมาเสียได้
“ไม่ได้ยินที่สั่งหรือไง!”
เมื่อเวยเจียหลุนขึ้นเสียงอีกครั้ง หนิงอวี่ก็รีบขยับตัวถอยหลังไปทางประตูทันที
เจาจวินเหลือบมองร่างทะมึนที่จ้องมาอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่เข้าใจว่าตนไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือไม่ “ท่านพญามาร...มีอะไร”
เวยเจียหลุนสาวเท้าเข้าประชิดตัวเจาจวิน ผลักร่างบางติดกำแพง ยกมือทั้งสองยันผนังไว้ไม่ให้สตรีถอยหนีได้ “เจ้ากับองค์ชายจางหมิ่นมีความสัมพันธ์อย่างไรกัน”
“องค์ชายจางหมิ่น?”
“เขาบอกว่าอยากได้เจ้าเป็นชายา เรื่องนี้เจ้ารู้หรือไม่”
เจาจวินส่ายหน้า “ขะ...ข้าไม่เคยรู้ ข้ากับเขาเคยเจอกันก็จริง แต่ไม่คิด อื้อ!”
คนตัวเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ริมฝีปากแดงถูกบดจูบอย่างรุนแรง ขบกัดทั้งบนและล่าง อาศัยจังหวะที่เจาจวินเผลอเปิดปากสอดลิ้นของตนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
สัมผัสหอมหวานทำใจเวยเจียหลุนล่องลอยจนไม่อาจหยุดการกระทำของตนได้ มือหนึ่งจับไปที่ท้ายทอยของเจาจวิน บังคับให้นางเงยหน้ารับรสจูบของเขา อีกมือโอบรัดรอบตัวนางไว้ให้แนบชิดมากขึ้น
หัวใจของทั้งสองเต้นแรง ความร้อนแผ่ออกมาจากอกแกร่งที่กระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด บุรุษกดปากของตนลงซ้ำๆ เจาจวินส่งเสียงอื้ออึงเมื่อถูกดูดลิ้นหนักขึ้นจนหายใจไม่ทัน
เวยเจียหลุนช้อนตัวเจาจวินขึ้น อุ้มนางเดินตรงไปยังเตียงนอน วางร่างบางลงอย่างเบามือ มือลูบไล้ใบหน้างามและโน้มตัวจูบนางอีกครั้ง อาภรณ์เบาบางถูกถอดออกทีละชิ้นพร้อมกายร้อนที่บดเบียดจนแทบจะหลอมละลายร่างกายของทั้งคู่เข้าด้วยกัน
