บท
ตั้งค่า

บทที่4.1 ใจเสน่ห์หา

ทิวทัศน์บริเวณโดยรอบหาได้มีที่ที่น่าอภิรมย์ให้สตรีชื่นชมแต่อย่างใด หากไม่พ้นมีกองกระดูกเกลื่อนกลาด ก็คงจะเป็นเงาดำที่แวบไปแวบมาอยู่ตามด้านหลัง

เจาจวินกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ เร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้เวยเจียหลุนและยกมือขึ้นกอดแขนของบุรุษไว้ด้วยความกลัว

แต่แขนของชายผู้นี้คือพญามารนะ ไม่น่ากลัวกว่าหรือไง พวกปีศาจที่แฝงตัวอยู่บริเวณนั้นกลอกตาลอบคิด

“ราชวังเพิ่งสร้างเสร็จ ยังไม่มีการจัดระเบียบให้เรียบร้อย บางครั้งก็มีพวกปีศาจนิสัยเสียแอบลอบเข้ามาก่อความวุ่นวาย ข้าจึงสั่งไม่ให้เจ้าออกมาจากห้องอย่างไรเล่า”

“ข้าเข้าใจแล้ว” เจาจวินตอบเสียงเบา “แต่ท่าน...เป็นผู้นำของเหล่าปีศาจไม่ใช่หรือ ทำไมถึงถูกก่อกวนเล่า”

“ข้าเป็นพญามาร ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดครองหมู่มวลปีศาจได้ ถึงจะมีผู้ที่เชื่อฟังเพราะชมชอบในความเก่งกาจของข้า อีกทั้งข้ายังเคยเป็นที่ปรึกษาขององค์จักรพรรดิแห่งเผ่าสวรรค์ คล้ายกับทูตสัมพันธ์ไมตรีระหว่างเทพและปีศาจ จึงได้รับความเคารพอยู่พอสมควร”

เจาจวินทำท่าคิดตาม พญามารเวยเจียหลุนจึงอธิบายต่อ “หากจะมองหาผู้มีอำนาจแท้จริง เจ้าต้องไปหาราชาปีศาจนู้น คู่อริขององค์จักรพรรดิที่แท้จริง เทียบกับข้า...ข้าเป็นเพียงปีศาจชั้นปลายแถว”

“ไม่จริงเสียหน่อย! ท่านเป็นปีศาจที่เผ่าปักษาข้าหวาดกลัวมากนะ ท่านเจ้าเล่ห์ใช้กลอุบายหลอกล่อ ทั้งยังเป็นจอมวางแผนอันดับหนึ่ง ราชาปีศาจอะไรนั่นเทียบท่านไม่ติดหรอก”

เวยเจียหลุนเม้มปากซ่อนรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าคำเมื่อครู่คือคำชมหรือด่ากันแน่ แต่ใจกลับรู้สึกยินดีไม่น้อยที่เจาจวินพูดยกยอตนเอง

ทั้งคู่เดินพูดคุยกันสักพักก็มาถึงทางเข้าป่าแห่งหนึ่ง อยู่ไม่ไกลจากราชวัง เดินมาเพียงหนึ่งเค่อก็ถึงแล้ว

“ที่นี่คือป่ามรณะ แม้ชื่อไม่น่าอภิรมย์แต่ภายในมีสถานที่พิศวงน่าสนใจมากมาย”

เวยเจียหลุนเปลี่ยนจากจับมือมาเป็นโอบเอว ดึงเจาจวินให้แนบชิดตนก่อนร่ายมนตร์คล้ายม่านน้ำตกสีใสห้อมล้อมพวกเขาทั้งคู่ไว้ข้างใน

“อากาศข้างในเป็นพิษ ล้วนเต็มไปด้วยปีศาจที่ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่ามีชนิดใดบ้าง เพราะฉะนั้นอย่าอยู่ห่างข้า”

เจาจวินพยักรับอย่างว่าง่าย ค่อยๆ เดินตามร่างสูงช้าๆ ขณะเวยเจียหลุนอธิบายสถานที่โดยรอบคล้ายเป็นคนนำเที่ยว มีต้นไม้หลายหลากชนิดที่ไม่เคยพบเห็น บ้างเรืองแสง บ้างส่งเสียงร้องโหยหวน กระทั่งมีสัตว์หน้าตาพิลึกกระโจนเข้าใส่พวกเขา

แม้ทุกอย่างจะดูน่ากลัวแต่เจาจวินกลับรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากกว่า รวมทั้งรู้สึกปลอดภัยอย่างมากยามมีเวยเจียหลุนอยู่เคียงข้าง

เจาจวินถามเสียงเจื้อยแจ้วตลอดทาง ส่วนเวยเจียหลุนเองก็ไม่นึกรำคาญในคำถามใสซื่อของนาง

“พอใจหรือยัง จะได้กลับ”

“วันหน้ามาอีกได้หรือไม่”

“เจ้าเห็นข้าว่างขนาดนั้นเลย?”

เจาจวินทำหน้าสลด ชำเลืองส่งสายออดอ้อน

เวยเจียหลุนขบกรามหน้าแดงเล็กน้อย หัวใจแข็งกระด้างอ่อนยวบอย่างฉับพลัน นางไปเรียนรู้วิธีวิธีการส่งสายตาเช่นนี้มาจากไหนเนี่ย

“ข้าจะเก็บไปคิดดู”

เจาจวินยิ้มกว้างอย่างดีใจ สองมือกระชับแขนที่ตนกอดไว้อย่างไม่รู้ตัว ทำเวยเจียหลุนหน้าแดงขึ้นไปอีกเมื่อรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มที่สัมผัสถูกกล้ามแขน

ทั้งสองกลับมาถึงราชวังเป็นเวลายามเว่ย เวยเจียหลุนเรียกหาหนิงอวี่ ถามว่าทำไมปล่อยให้เจาจวินออกมาได้ หากเขาไม่บังเอิญมาเจอแล้วเจาจวินเป็นอะไรขึ้นมาจะว่าอย่างไร

“ชีวิตเจ้าชดใช้ได้หรือไง!!”

เสียงคำรามพิโรธยิ่งกว่าฟ้าคำราม หนิงอวี่ก้มหมอบตัวสั่นด้วยความกลัว เจาจวินที่เห็นอดสงสารไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งนางก็ผิดที่แอบหนีออกมาตามอำเภอใจ

แม้ใบหน้ายามนี้ของเวยเจียหลุนจะน่ากลัวจนแทบจะฉีกกระชากร่างของคนคนหนึ่งให้ขาดได้ แต่จากที่ได้สัมผัสคนผู้นี้ทำเจาจวินลดความหวาดหวั่นในใจลงได้หลายส่วน

หญิงสาวเดินเข้ามาเกาะแขนของเวยเจียหลุน ลูบแขนของเขาเบาๆ เพื่อหวังทุเลาโทสะ

“ท่านพญามารอย่าตำหนิหนิงอวี่เลย เป็นข้าไม่ดีเอง ข้าทำอะไรขาดความยั้งคิด ต่อไปจะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ท่านให้อภัยข้าได้หรือไม่”

เจาจวินเลือกใช้ประโยคที่ว่า ให้อภัยข้าได้หรือไม่ แทนประโยค ให้อภัยหนิงอวี่ได้หรือไม่ เพราะตัวนางรู้อยู่แล้วว่าเวยเจียหลุนนั้นใจอ่อนกับตน หากนางเอาตัวเข้ารับผิดแทน อย่างไรเสียเขาคงไม่ถือโทษ

และก็เป็นจริงดังนั้น เวยเจียหลุนคลายใบหน้าที่บึ้งตึงลง ก้มลงมองร่างบางที่ส่งยิ้มอ่อนหวานมาให้ ก่อนจะผงกศีรษะ

หนิงอวี่และบรรดาองครักษ์โดยรอบพลันอ้าปากค้าง สตรีนางนี้สยบพญามารได้อย่างนั้นหรือ?

“เจ้าไปพักเถิด ไว้เจอกันตอนมื้อค่ำ”

เจาจวินยิ้มรับ

เวยเจียหลุนตบไปที่หลังมือเล็กก่อนจะหันหลังเดินออกมา ตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ นั่งประจำยังตำแหน่งประมุขของราชวังแห่งนี้ รอคอยพบหน้าแขกผู้มาเยือนจากสวรรค์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel