บท
ตั้งค่า

บทที่3.2 เหมือนแต่ไม่เหมือน

เวยเจียหลุนเห็นท่าทีหวาดกลัวของนางก็กระตุกยิ้มก่อนดึงผ้าห่มออกจากมือเล็กและโยนทิ้งไปด้านข้าง ร่างใหญ่ขยับเข้าไปใกล้จนใบหน้าแนบชิด เจาจวินหัวใจเต้นรัวยกมือขึ้นดันแผงอกของเวยเจียหลุนไว้

“กลัวหรือ”

“ขะ...ข้าไม่ได้กลัว”

“หืม งั้นเหรอ” เวยเจียหลุนผลักร่างบางลงนอน ก่อนจะทาบทับร่างของตนลงตาม รอยยิ้มกริ่มปรากฏขึ้นจางๆ ทำเจาจวินตัวแข็งนิ่ง ใบหน้าซีดเผือดทันที

“ไหน เมื่อครู่ใครบอกไม่กลัว”

หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ นางยอมรับว่ากลัว กลัวมากจนแทบอยากจะกระโจนวิ่งหนีให้เร็ว แต่หากนางทำเช่นนั้น สู้ไม่ต้องมาที่นี่ตั้งแต่แรกจะไม่ดีกว่าหรือ

ข้ารับพระบัญชาจากสวรรค์ ยอมละทิ้งบ้านและครอบครัวเพื่อการใดกัน ข้าไม่ควรขลาดกลัวและทำหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมายให้ดีสิ!

เจาจวินงัดเอาความกล้าทั้งหมดออกมา สูดหายใจเข้าลึกและจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาดำสนิทของอีกฝ่าย ก่อนหญิงสาวจะดันตัวขึ้น ให้หน้าเข้าใกล้เวยเจียหลุน และทันทีที่ปลายจมูกสัมผัสโดนกัน นางก็จูบเขา

เวยเจียหลุนตกใจรีบผลักผละตัวออกจากเจาจวินทันที เขายกมือขึ้นปิดปาก ส่วนเจาจวินนั้นกะพริบตาใสซื่องุนงงว่าตนทำอะไรผิดอีก

เป็นเขาที่ต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือไง

“หน้าไม่อาย!” เวยเจียหลุนตวาดลั่น

“หน้าไม่อาย?”

“เจ้าเป็นสตรี มาจูบผู้ชายก่อนแบบนี้ได้อย่างไร”

เจาจวินย่นหัวคิ้ว “เช่นนั้นต้องรอให้ท่านจูบก่อนหรือ”

เวยเจียหลุนสะอึก ไม่รู้ควรตอบคำนางว่าอย่างไร ครั้นเห็นเจาจวินจ้องมาตาแป๋วราวลูกแมวน้อย บุรุษพลันหน้าแดงรีบกระแอมกลบเกลื่อนความเขิน

“ลืมมันไปซะ”

เวยเจียหลุนลุกขึ้น ตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง ทว่ามือเล็กของเจาจวินกลับคว้าเสื้อคลุมของเขาไว้ “ท่านจะไปแล้วหรือ”

หางตาเวยเจียหลุนกระตุก สตรีนางนี้กำลังให้ท่าเขาอยู่หรือไง ไร้ยางอายนัก! หากเป็นเลี่ยงซิ่วละก็ นางมิมีวันทำเช่นนี้แน่

“นอนซะ” พูดจบเวยเจียหลุนก็เร่งฝีเท้าออกจากห้องไปอย่างเร็ว

การกระทำผิดแปลกของเวยเจียหลุนทำเจาจวินฉงนสนเท่ห์นัก แต่แล้วนางก็สะบัดศีรษะและล้มตัวลงนอนและหลับไปอีกครั้ง

วันเวลาผ่านไปจนไม่รู้แล้วว่าข้างนอกเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน เพราะไม่สามารถออกนอกห้องได้ตามคำสั่งของเวยเจียหลุน อีกทั้งหน้าต่างยัง...

“ตอนกลางคืนมีค้างคาวผี ตอนกลางวันมีวิญญาณเร่ร่อน ท่านอย่าเสี่ยงเลยจะดีกว่าเจ้าค่ะ”

หนิงอวี่กล่าวเตือนพร้อมทำสีหน้าเคร่งขรึม

ด้วยเหตุนี้เจาจวินจึงเพียงแต่ผุดลุกผุดนั่ง เดินไปเดินมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ตอนนี้คล้ายจะเป็นคุกขังนางไปเสียแล้ว

“ท่านเบื่อหรือ”

“เจ้าไม่เบื่อหรือไง นั่งเฝ้าข้าทั้งวันทั้งคืนเยี่ยงนี้”

หนิงอวี่ส่ายหน้า “ปกติข้าก็ไม่มีอะไรทำมากอยู่แล้ว”

เจาจวินชำเลืองมองหนิงอวี่ที่นั่งเอนหลังพิงผนังห้องอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะพ่นลมหายใจและล้มตัวลงบนเตียง

น่าเบื่ออออออ เบื่อจนจะทนไม่ไหวแล้ว

เจาจวินโวยวายอยู่ในใจอยู่เกือบหนึ่งชั่วยาม กระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจเบาๆ สม่ำเสมอ เจาจวินดีดตัวลุกขึ้น เดินไปยืนอยู่หน้าหนิงอวี่ โบกไม้โบกมือก่อนจะพบว่าหนิงอวี่หลับไปแล้ว

เจาจวินคลี่ยิ้มบาง ค่อยๆ แง้มเปิดประตู สอดตัวออกมาช้าๆ และย่องออกไปที่ทางเดินด้านนอก มีโคมไฟถูกจุดไว้พอให้มองเห็นตามมุมต่างๆ รูปสลักหินอ่อนดูน่ากลัววางเรียงรายอยู่เต็มสองข้างราวกับต้องการข่มขวัญนางอย่างไรอย่างนั้น

เจาจวินกวาดสายตาด้วยความสนใจตามประสา กระทั่งเดินมาหยุดอยู่ที่บานประตูใหญ่บานหนึ่ง นางเอียงคอมองอยู่สักพักแต่แล้วก็ยักไหล่ไม่สนใจ กระทั่งได้ยินเสียงพึมพำดังลอดออกมาเบาๆ

“องค์หญิงน้อย องค์หญิงโปรดช่วยข้า...”

เจาจวินนิ่งชะงัก เขยิบเข้าใกล้ประตูและเงี่ยหูฟัง เงียบ... เจาจวินส่งเสียงฮึดฮัด มีคนตั้งใจจะเล่นตลกกับนางหรือไงกัน

แต่แล้วเสียงเย็นเยือกชวนขนหัวลุกก็ดังขึ้นอีกครั้ง “หากท่านช่วยข้า ข้าก็จะช่วยท่านเป็นการแลกเปลี่ยน”

เจาจวินได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นตามมา นางไม่มั่นใจว่าเสียงที่กำลังพูดกับตนเป็นชายหรือหญิง สัญชาตญาณในตัวนางบอกว่าเจ้าสิ่งนี้อันตรายและควรหนีห่างให้ไว

ทว่าแขนขากลับสั่นเทาจนก้าวไม่ออกเสียอย่างนั้น ขณะเดียวกันความรู้สึกคล้ายบางอย่างเลื้อยไปมาตามร่างกาย บังคับให้นางยื่นมือออกไปโดยมิได้ตั้งใจ

“มะ...ไม่นะ” เจาจวินพยายามยื้อมือตัวเองไม่ให้จับประตูบานนั้น ความหวาดกลัวทำน้ำตาเอ่อไหล กลิ่นอายความชั่วร้ายบางอย่างทำเจาจวินตื่นกลัวจนเกือบคุมสติไม่อยู่

“อย่ากลัวข้า ข้าไม่ทำอะไรเจ้า”

ฉับพลันเสียงของใครบางคนดังขึ้นจากหลังประตู เป็นเสียงของเวยเจียหลุนไม่ผิดแน่ ทว่าคล้ายกับเสียงสะท้อน ไม่ชัดเจนและอ่อนแรงนัก

ตู้ม!!!

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ประตูของห้องปริศนานั้นถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ฝุ่นผงฟุ้งตลบอบอวลพร้อมบุรุษร่างหนากำลังโอบกอดตัวเจาจวินไว้ มือข้างหนึ่งยังมีลูกไฟลุกโชนอยู่ เป็นหลักฐานว่าเขานี่แหละเป็นคนจุดระเบิดเมื่อครู่

“เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้า! หากข้ามาไม่ทันจะทำอย่างไร”

หัวใจเจาจวินกระตุกวูบหนึ่ง ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าคมคายไปมา สลับกับมองไปทางซากประตูนั้น

“ท่านตัวจริง แต่ว่า...ข้าได้ยินเสียงท่านออกมาจากหลังประตู”

“นั่นมันปีศาจลวงจิต มันสร้างภาพนึกคิดเพื่อล่อหลอกเจ้า หากเจ้าเข้าใกล้จนมันสัมผัสเจ้าได้ มันจะเข้าไปในความคิดและดึงเอาความทรงจำของเจ้าออกมา”

“แต่ว่าข้าได้ยินเสียงของท่าน...”

เดี๋ยวนะ ความทรงจำของข้าหรือ... พญามารเคยพูดประโยคเมื่อครู่กับข้าด้วยงั้นหรือ “อย่ากลัวข้า ข้าไม่ทำอะไรเจ้า” ไยข้ามิเคยได้ยินมาก่อน

“ข้าสั่งให้อยู่แต่ในห้อง เหตุใดไม่เชื่อฟัง”

เจาจวินหลุบตาสำนึกผิด ตอบเสียงอ่อย “ข้าขอโทษ ข้าเพียงแค่อยากออกมาเดินเล่น ท่านให้ข้าอยู่แต่ในห้องมืดๆ ทั้งวัน ข้าเบื่อ”

น้ำเสียงอ่อนหวานเจือความน่าสงสารไว้หลายส่วน ราวกำลังออดอ้อนเวยเจียหลุนอยู่อย่างไรอย่างนั้น

“ข้าขอโทษที่สร้างปัญหา”

เวยเจียหลุนไม่ตอบแต่กุมมือเจาจวินไว้และดึงให้นางเดินไปกับเขา

“เอ๊ะ ท่านจะพาข้าไปไหน”

“เจ้าอยากไปเดินเล่นไม่ใช่หรือไง ข้าจะพาไปเอง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel