บทที่3.1 เหมือนแต่ไม่เหมือน
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ร่างเล็กจึงเริ่มขยับตัวตื่น บิดขี้เกียจสองสามทีก่อนจะมองไปรอบๆ ห้อง นี่มันชักจะมืดเกินไปแล้ว
เจาจวินไม่ชินกับการต้องมาอยู่อุดอู้อยู่แต่ในห้อง โดยเฉพาะกับห้องที่อึมครึมเช่นนี้ ไม่ไหวๆ เจาจวินสาวเท้าเข้าไปใกล้บานหน้าต่าง ตั้งใจจะเปิดให้แสงเข้ามาเสียหน่อย
“อย่าเปิดนะ!”
เจาจวินสะดุ้งโหยง หันหน้ากลับมาก็พบกับสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ทางด้านหลัง ใบหน้านั้นอ่อนเยาว์แต่แฝงความดุดันไว้หลายส่วน
“ยามกลางคืนไม่ควรเปิดหน้าต่าง จะชักนำพวกค้างคาวเข้ามาเจ้าค่ะ”
“ค้างคาวหรือ?”
“ค้างคาวที่ไม่ใช่ค้างคาว”
เจาจวินเบิกตากว้าง ทำสตรีตรงหน้าหลุดหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก้าวมาแนะนำตัวอย่างสุภาพ “ข้าชื่อหนิงอวี่ ตั้งแต่วันนี้จะมารับหน้าที่ดูแลท่าน”
คำพูดของหนิงอวี่แม้ฟังดูแข็งกระด้าง ไม่รื่นหูแต่รับรู้ได้ว่านางไม่ได้มาประสงค์ร้าย
“ขะ...ข้าชื่อ”
“ข้ารู้ ท่านชื่อเจาจวิน หญิงงามเลื่องชื่อจากเผ่าปักษา สตรีพระราชทานจากองค์จักรพรรดิ เป็นนายหญิงของข้า”
เจาจวินหน้าแดงพยักหน้า รู้สึกเขินอายที่ถูกเรียกว่านายหญิง
หนิงอวี่ตบมือเรียกสตรีอีกสองนางเข้ามา พร้อมถืออาภรณ์เครื่องประดับหลากสีสัน เจาจวินยืนนิ่งเอียงศีรษะด้วยความงุนงง
“นายท่านอยากร่วมรับประทานอาหารค่ำกับนายหญิง มาเถิด ข้าจะช่วยชำระกายและเปลี่ยนชุดให้”
“ขะ...ข้าทำเองได้”
“ชักช้าเสียเวลา ให้พวกข้าช่วยเถิด”
กล่าวจบเจาจวินก็ถูกลอกคราบออกทั้งตัว ทั้งหนิงอวี่และสาวใช้อีกสองนางจ้องมองเรือนร่างงามด้วยความตื่นตะลึง อะไรมันจะอวบอิ่มเย้ายวนเพียงนี้ ขนาดพวกนางเป็นหญิงยังรู้สึกชื่นชอบระคนอิจฉากลายๆ
เจาจวินสวมอาภรณ์สีขาวสะอาดดุจเทพธิดาลงมาจากสรวงสวรรค์ก็มิปาน ชายกระโปรงปักลวดลายบุปผาทั้งฟ้าและชมพู เผยให้เห็นถึงความสดใสและน่ารักน่าเอ็นดูในคราวเดียว
หนิงอวี่เดินนำเจาจวินมาที่ห้องโถงขนาดใหญ่ ที่ซึ่งบรรยากาศไม่ต่างจากห้องนอนของหญิงสาวมากนัก ดำมืดและน่าเกรงขามยิ่ง
มีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องพร้อมอาหารละลานตา เวยเจียหลุนนั่งนิ่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ใบหน้าสงบนิ่งเย็นชา กระทั่งเห็นเจาจวินเดินเข้ามา นัยน์ตาดำก็คล้ายวูบไหวเล็กน้อย
“มานั่งตรงนี้” เสียงทุ้มออกคำสั่ง
เจาจวินผงกศีรษะและเดินมาตรงที่เวยเจียหลุนบอก ทาสรับใช้คนหนึ่งเดินตรงเข้ามาเลื่อนเก้าอี้ให้นางนั่งลงพร้อมรินน้ำเปล่าจากเหยือกใส่แก้วให้
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชอบกินอะไร จึงสั่งพ่อครัวให้ทำมาทุกอย่าง ลองดูว่าถูกปากหรือไม่”
เจาจวินเงยหน้ามองเวยเจียหลุนด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกว่าพญามารอย่างเขาจะเอาใจใส่นางถึงเพียงนี้ เจาจวินรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมา จัดการคีบอาหารขึ้นมากินทีละอย่าง
ขณะเดียวกันเวยเจียหลุนก็แอบลอบสังเกตเจาจวินเป็นระยะ ใบหน้างามชวนมอง กิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อย บางครั้งก็ดูร้อนรน บางครั้งก็ดูเคอะเขิน ดูอย่างไรก็แตกต่างจากเลี่ยงซิ่วของเขาเสียเหลือเกิน
“อันนี้อร่อยนัก” เจาจวินเงยหน้าสบตากับเวยเจียหลุนพร้อมเผยรอยยิ้มกว้าง
เวยเจียหลุนหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ก่อนเขาจะทุบมือลงยังโต๊ะเสียงดัง ปัง! และยืนขึ้นกล่าวเสียงแข็ง “อิ่มแล้วก็รีบกลับห้องไป อย่าโผล่หน้าออกมาหากข้าไม่ได้เรียก”
เจาจวินอ้าปากค้าง มองตามร่างสูงที่วิ่งพรวดพราดออก ในใจนึกสงสัยว่าตนทำสิ่งใดผิดหรือ ทำไมอยู่ๆ เวยเจียหลุนถึงเมินนางเสียอย่างนั้น
เจาจวินถอนหายใจ วางตะเกียบในมือลง และหันไปบอกหนิงอวี่ที่ยืนอยู่ทางด้านหลังว่าตนอยากกลับไปนอนพักแล้ว
กลางดึกเวยเจียหลุนจิตใจว้าวุ่นหนักขึ้น เขาไม่อาจข่มตาให้หลับสนิทได้เหมือนอย่างเคย หรือเพราะรู้ว่ามีเจาจวินร่วมอาศัยอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือไม่
สุดท้ายพญามารก็ทนไม่ไหวแอบหายตัวเข้ามาในห้องนอนของเจาจวิน ย่องช้าๆ มาที่เตียงและนั่งลงที่ด้านข้าง จ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะเผลอตัวยื่นมือออกไปลูบแก้มเนียนจนเจ้าของร่างลืมตาโพล่ง
ดูท่านางคงไม่คุ้นที่จึงหลับไม่สนิทเป็นแน่
“ทะ...ท่าน ทำไมถึงเข้ามาในห้องข้า” เจาจวินขยับตัวถอยจนชิดหัวเตียง สองมือยกผ้าห่มคลุมร่างกายไว้
