บทที่2.1 บรรณาการ
เวยเจียหลุนหายตัวไปนับตั้งแต่วันนั้น มิมีผู้ใดทราบถึงข่าวคราวหรือกระทั่งเห็นเขาปรากฏตัว ณ ที่แห่งไหนอีกนานนับเดือน ก่อนกลิ่นอายความมืดจะแผ่กระจายวงกว้างขึ้นอีกครั้ง
ปราสาทดำทะมึนสูงเสียดฟ้าพร้อมบรรดาลูกสมุนปีศาจคอยคุมกัน
ที่แท้ที่หายหน้าไปนานก็เพราะกำลังไปสร้างบ้านใหม่นี่เอง
องค์จักรพรรดิได้แต่ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ชำเลืองมองเศษเส้นด้ายเรืองแสงบางอย่างที่หมุนวนอยู่เบื้องหน้า
“สิ่งนี้คือ...สิ่งที่เพิ่มพูนพลังแก่เวยเจียหลุนหรือพ่ะย่ะค่ะ” ซีห่าว ที่ปรึกษาฝ่ายซ้ายกล่าวถาม
“อืม แม้จะแค่พริบตาเดียว แต่เห็นชัดๆ ว่ามันออกจากตัวเวยเจียหลุน ตอนข้าฟาดกระบี่เข้าใส่เขา”
ซีห่าวขานรับก่อนเดินเข้าไปใกล้ สังเกตเจ้าเส้นด้ายลักษณะแปลกประหลาดอย่างระวัง ลักษณะคล้ายด้ายยาวที่ไว้ใช้เย็บผ้า ทว่าเรืองแสงเงางามดูทรงอำนาจมากนัก อีกทั้งยัง...บริสุทธิ์ แสงสว่างเจิดจ้าจนไม่น่าเชื่อว่าจะแฝงอยู่ในกายของพญามารได้
“เรื่องนี้คงต้องตรวจสอบกันอีกยาว หาให้ได้ว่าใครเป็นผู้ปลดปล่อยเวยเจียหลุนออกมา”
ซีห่าวหันกลับมามององค์จักรพรรดิ ยกมือขึ้นประสานพร้อมทูลรายงาน “กระหม่อมตามสืบเรื่องนี้แล้ว เห็นว่าเป็นนางปีศาจตนหนึ่งนามเยี่ยนฟางพ่ะย่ะค่ะ”
“ปีศาจงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้ ปีศาจปลดเขตอาคมของข้ามิได้”
“เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากตัวของเวยเจียหลุนเอง ไม่ผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าพวกเขาทั้งสองจะเข้าวิวาห์สมรส เฉลิมฉลองที่พญามารได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง”
องค์จักรพรรดิหลับพระเนตรลงพลางถอดถอนหายใจ วิวาห์งั้นหรือ เรื่องชื่นมื่นของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ทว่าสร้างความทุกข์ใจต่อชาวสวรรค์ยิ่งนัก การสมรสนี้อาจเรียกชุมนุมปีศาจได้อีกมากโข ไม่แคล้วคงเกิดการรวมพลเป็นกองทัพใหญ่ หาเรื่องยึดครองแดนสวรรค์อีกครั้งเป็นแน่
ซีห่าวที่เห็นท่าทีกลัดกลุ้มขององค์จักรพรรดิก็แย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ ขยับเข้าไปใกล้พระพักตร์พลางกระซิบเสียงเบา “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ จะเป็นอะไรหรือไม่หากกระหม่อมจะเสนอความคิดบางอย่าง”
“ว่ามา”
“วันแรกที่เวยเจียหลุนแหกคุกออกมา เขาเที่ยวทำลายดินแดนอื่นเสียราบคาบ เว้นที่หนึ่งพ่ะย่ะค่ะที่เขาเกิดเปลี่ยนใจไม่ทำลาย” ซีห่าวว่าพลางหยิบลูกแก้วออกมาจากอกเสื้อ ปล่อยมันลอยค้างกลางอากาศก่อนลูกแก้วสีเงินจะสว่างวาบฉายภาพเหตุการณ์ในอดีต
พญามารกำลังโอบอุ้มสตรีนางหนึ่งอย่างทะนุถนอม
“นี่ใช่...บุตรสาวของเยว่หรานกับเจาหวังเฟ่ยหรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ เจาจวิน สตรีเผ่าปักษาผู้เลื่องชื่อ”
“นางกับเวยเจียหลุนรู้จักกันหรือ”
“ดูจากอาการตื่นกลัวของเจาจวิน กระหม่อมคิดว่าไม่น่ารู้จักพ่ะย่ะค่ะ แต่กับเวยเจียหลุน กระหม่อมว่า...กระหม่อมเห็นบางอย่างในแววตาของเขา”
องค์จักรพรรดิเลิกคิ้วทั้งสอง “เจ้าจะบอกว่าเวยเจียหลุนตกหลุมรักเจาจวินงั้นหรือ”
ซีห่าวแย้มยิ้ม “พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าคิดจะใช้เจาจวินควบคุมเวยเจียหลุน”
“ทรงพระปรีชา กระหม่อมคิดเช่นนั้นจริงๆ”
“แต่ว่า...” องค์จักรพรรดิทำท่าครุ่นคิดหนักขึ้น เพราะเจาจวินนั้นถูกวางตัวให้หมั้นหมายกับโอรสองค์ที่สามของตน องค์ชายจางหมิ่น
ก่อนหน้านี้หลายปี บุตรชายได้เข้ามาทูลขอสมรสพระราชทาน ทว่าองค์จักรพรรดิมัวแต่ยุ่งกับราชกิจจึงไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ แต่ก็รับปากเป็นมั่นเหมาะจะตบแต่งพวกเขาเป็นคู่กัน
“ฝ่าบาท ความอยู่รอดของประชาชนต้องมาก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ” ซีห่าวรู้ความกังวลในใจของบุรุษเบื้องหน้า จึงคะยั้นคะยอให้ทรงรีบตัดสินพระทัย
องค์จักรพรรดิพ่นลมหายใจจากนั้นผงกศีรษะ “หากเจ้าคิดว่าวิธีนี้จะหยุดความบ้าคลั่งของเวยเจียหลุนได้ ก็เอาตามที่เจ้าว่า”
สิ้นความเห็นชอบของผู้มีอำนาจสูงสุด ซีห่าวก็จัดการทำตามแผนของตนทันที ร่างสูงในอาภรณ์ขาวสะอาดปรากฏตัวยังแดนปักษาพร้อมพระบัญชาจากองค์จักรพรรดิ สั่งการนำตัวเจาจวินขึ้นเกี้ยวใหญ่เพื่อเดินทางไปยังปราสาทพญามาร
ทั้งบิดามารดาและพี่น้องนับยี่สิบเอ็ดตื่นตกใจหลั่งน้ำตาเป็นสาย วิ่งเข้ามากอดลาน้องสาวคนสุดท้องด้วยความห่วงหา ไม่เข้าใจพระประสงค์ขององค์จักรพรรดิว่าเหตุใดถึงโหดร้ายกับเจาจวินถึงเพียงนี้
เจาจวินพิการบินไม่ได้ยังไม่พอหรือไร ไยต้องซ้ำเติมเคราะห์กรรมของนาง ส่งไปบรรณาการพญามารจอมโฉดด้วย หากนางถูกสังหารตายขึ้นมาจะว่าอย่างไร
“ท่านพ่อท่านแม่ พี่สาวทั้งหลายมิต้องห่วงข้าหรอก พระบัญชาของฝ่าบาททำเพื่อปกป้องทุกคนจากความชั่วร้าย ข้าเองรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำเพื่อพวกท่าน ต่อไป...ขอพวกท่านรักษาสุขภาพด้วย”
