บทที่1.2 พญามารคืนชีพ
“องค์หญิง! ทางนี้เพคะ!!” เสียงเรียกดึงความสนใจของเวยเจียหลุนให้หันกลับไปมอง
เหล่าหญิงงามมากมายวิ่งกรูกันออกมาจากราชวัง ปีกใหญ่สีขาวพลันปรากฏขึ้นบนแผ่นหลัง ก่อนเริ่มสยายบินเพื่อหนีเอาชีวิตรอด เว้นสตรีนางหนึ่งที่ยืนนิ่งตัวสั่น นัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
“เจ้าต้องบิน น้องสาว! เจ้าต้องพยายามบินให้ได้”
“ไม่ได้ ข้าบินไม่ได้” เสียงสั่นเครือตอบกลับไป
เรือนร่างขาวผุดผ่องเร่งฝีเท้าออกมาจากกลุ่มควัน แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปที่ใดก็คล้ายจะหลงทางอยู่ในเขาวงกตซึ่งกำลังลุกไหม้
เวยเจียหลุนนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ จ้องมองสตรีนางนี้ไม่วางตา กระทั่งเห็นนางล้มลงต่อหน้า บุรุษก็พุ่งทะยานเข้าไปโอบอุ้มร่างงามขึ้นมาทันที
คราแรกสตรีปักษาไม่ได้สังเกตเห็นว่าผู้มีพระคุณของนางคือใคร นางเพียงยกมือขึ้นโอบรอบคอหนาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตกลงไปยังพื้นเบื้องล่าง ซุกหน้าลงกับอกแกร่งด้วยเพราะยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญ
“เลี่ยงซิ่ว” เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้นเบาๆ ที่ข้างหู
เจาจวินเงยหน้ามองผู้เรียก เห็นใบหน้าคมคายอยู่ใกล้เพียงปลายจมูกก็ผงะตกใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ทะ...ท่านจะทำอะไร!” หญิงสาวตวาดเสียงดัง
เจาจวินสัมผัสได้ถึงพลังความมืดที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของบุรุษ ลมหายใจนางเริ่มติดขัดและหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นกลัว
“เลี่ยงซิ่ว เจ้าเป็นอะไร”
“ข้าไม่ได้ชื่อเลี่ยงซิ่ว ข้าชื่อเจาจวิน”
“เจาจวิน?” คิ้วเข้มขมวดมุ่น แววตาคมกริบดูแปลกใจและงุนงงในคราวเดียว “เจ้าไม่ใช่เลี่ยงซิ่ว”
เจาจวินส่ายหน้า
“แล้วเหตุใดเจ้ากับนาง... ไยหน้าตาถึงเหมือนกันเช่นนี้”
แต่แล้วคำพูดก่อนหน้านี้ของเจาจวินกลับสะกิดความทรงจำบางอย่างของเวยเจียหลุน “เจ้า...เป็นปักษาแต่บินไม่ได้งั้นหรือ”
เจาจวินผงกศีรษะ
“แต่เลี่ยงซิ่วบินได้” เวยเจียหลุนพึมพำ ก่อนจะก้มลงมองร่างบางที่สั่นเกร็งอยู่ในอ้อมแขน “แล้วนางก็ไม่เคยกลัวข้าด้วย”
เจาจวินกะพริบตาปริบ นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร กระทั่งถูกเวยเจียหลุนพามาส่งยังยอดเขาแห่งหนึ่ง จากนั้นบุรุษสะบัดแขนเสื้อหนึ่งทีทะเลเพลิงเบื้องหน้าก็ค่อยๆ สลบลงและจางหายไป
เวยเจียหลุนชำเลืองมองมาทางเจาจวินครู่หนึ่ง เห็นนางทำท่าหวาดกลัวตัวสั่นราวลูกนกจับไข้ มุมปากหยักหนายกยิ้มอย่างขมขื่น รู้สึกปวดร้าวภายในใจอย่างน่าประหลาด
“เจ้ายังมีพี่น้องคนอื่นอยู่อีกหรือไม่”
“ข้ามี...มีพี่สาวอีกยี่สิบเอ็ดคน”
“แล้วมีคนไหนชื่อเลี่ยงซิ่วหรือไม่”
“ไม่มี พี่น้องข้าหรือกระทั่งคนที่ข้ารู้จักในแดนปักษา ไม่มีสตรีนามเลี่ยงซิ่ว”
เวยเจียหลุนคอตกด้วยความผิดหวัง เขาผงกศีรษะรับหนึ่งที ก่อนจะดีดนิ้วแล้วร่างบุรุษก็มลายหายวับไปกับตา
“เอ๊ะ! ขะ...ข้ายังไม่รู้จักชื่อท่านเลย” เจาจวินร้องเรียก อยากรู้จักผู้มีพระคุณของตน เพราะหากมีโอกาสนางก็อยากทำคุณทดแทนเขากลับเช่นกัน
“เวยเจียหลุน” เสียงนุ่มละมุนกระซิบบอก หากแต่ไร้ซึ่งเงาของเจ้าของเสียง “พญามารผู้ยิ่งใหญ่ เวยเจียหลุน จำไว้ให้ดีเล่า”
เจาจวินตกใจแทบสิ้นสติ แม้ไม่เคยได้พบเจอกับพญามารมาก่อน อีกทั้งตอนเกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ เจาจวินยังไม่ถือกำเนิดเสียด้วย
พญามารถูกจองจำอยู่ในคุกมืด เรื่องความชั่วช้าเลวทรามถูกเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่น ใครๆ ล้วนหวาดกลัวพญามาร แต่สำหรับเจาจวินนั้นต่างออกไป นางไม่เคยเชื่อว่าพญามารมีอยู่จริง เขาเป็นเพียงเรื่องเล่าในนิทาน เรื่องหลอกเด็กทั้งนั้น พญามารอะไรนั้นเป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้น
กระทั่งวันนี้นางได้ประจักษ์แก่สายตา เวยเจียหลุน...เขามีตัวตน และเขาได้แหกคุกออกมาแล้ว มาเพื่อทวงคืนทุกสิ่งและล้างแค้นผู้ที่กักขังตนไว้ให้ทนทุกข์ทรมานมานานนับร้อยปี
