1 บรรณาการแสนสวย (1)
ชีคกาหริบ อิมฮาซา อนุชาต่างมารดาของชีคริยาร์ด ผู้ซึ่งฉลาดปราดเปรื่อง เรียนรู้ศาสตร์แห่งศิลป์แขนงต่าง ๆ ได้แตกฉานตั้งแต่อายุยังน้อย หากแต่รักสันโดษ มีจิตใจอ่อนโยน ชื่นชอบการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และปรารถนาให้ชาวเมืองอยู่ดีกินดีจึงออกเสาะแสวงหาเมล็ดพันธุ์พืชมาเพาะปลูกในดินแดนของตนตลอด
ด้วยอุปนิสัยที่ขัดกับชีคริยาร์ดนี่ล่ะ จึงทำให้ชีคริยาร์ดมอบหมายให้อนุชาออกปราบโจรทะเลทรายแทนตนเองอยู่เนือง ๆ หรือแม้นแต่ส่งไปทำสงครามกับนครอื่น ๆ ที่แข็งข้อด้วยเพื่อฝึกฝนให้ชีคกาหริบเป็นผู้กล้าที่สมบูรณ์แบบ
“ท่านชีคกาหริบนำชัยชนะกลับมาสู่นครแล้ว!”
ม้าเร็วตัวที่สองพร้อมธงสามเหลี่ยมวิ่งผ่านเข้ามาในประตูเมืองพร้อมส่งเสียงตะโกนมาแต่ไกล ประชาชนผู้ออกมาจับจ่ายใช้สอยต่างเฝ้ารอการกลับมาจึงพร้อมใจเปิดทางเป็นสองฝ่ายในทันที ซึ่งการกลับมาของท่านชีคกาหริบรูปงามซึ่งสาว ๆ เฝ้าฝันถึงนี้เองจึงสร้างความคึกคักให้กับนครแห่งนี้นัก
“ท่านชีคกาหริบกลับมาแล้ว”
เสียงบรรดาเด็กน้อยและสาว ๆ ต่างเอ่ยขึ้นด้วยความยินดี ไม่เพียงบรรดาสาวงามจะออกมาต้อนรับหน้าชื่นตาบาน พวกนางทั้งหลายยังนำดอกไม้หลากสีมาโปรยปรายต้อนรับให้สมเกียรติชีคหนุ่มอีกด้วย
กว่าขบวนม้าอันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมทาสเชลยซึ่งเป็นจอมโจรทะเลทรายเคลื่อนผ่านไป ดอกไม้สีสดหลากสีจึงกระจายจนเกลื่อนพื้นอย่างยินดีในชัยชนะอันงดงาม
และการกลับมาพร้อมชัยชนะของชีคกาหริบซึ่งใช้เวลานานถึงครึ่งปีในการล่าหัวจอมโจรทะเลทรายผู้ยิ่งใหญ่นี่เองจึงทำให้ชีคริยาร์ดจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่เพื่อฉลองชัยชนะให้กับอนุชา รวมทั้งต้อนรับธิดาตัวน้อยคนที่สิบเอ็ดซึ่งเกิดขึ้นในวันเดียวกันนี้ด้วย…
เสียงดนตรีจังหวะสนุกดังขึ้นสอดคล้องกับท่าเต้นอันพลิ้วไหวอ่อนช้อยของเหล่านางระบำแสนสวยทั้งห้า ซึ่งเผยหน้าท้องแบนราบกับเสียงลูกกระพรวนยักย้ายส่ายสะโพกไปมา
รอบ ๆ บริเวณห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างซึ่งโยงระย้าด้วยผืนผ้าสีเหลืองทองตัดผนังสีส้มอ่อนกับลวดลายฉลุบนโค้งหน้าต่างทรงหัวหอมคงเต็มไปด้วยขุนนางชั้นผู้ใหญ่ซึ่งนั่งเรียงแถวและหันหน้าเข้าหากันเพื่อรับชมการแสดง โดยมีผู้ปกครองทั้งสองนั่งอยู่บนเบาะนุ่มกับพื้นยกระดับซึ่งสูงกว่าเล็กน้อย
“ขอฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้แด่อนุชาแห่งข้า วีรบุรุษผู้ซึ่งสร้างชื่อเสียงและความน่าเกรงขามให้นครฟาติน”
ชีคริยาร์ดชูจอกทองเหลืองขึ้นเหนือศีรษะด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้มนำเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกัน ก่อนดื่มฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้ชีคกาหริบที่สามารถปราบโจรทะเลทรายผู้ดุร้าย และสามารถพิชิตเมืองใต้มาครอบครอง ซ้ำยังกวาดต้อนบรรดาโจรร้ายร้ายพร้อมเหล่าสาวงามที่โจรร้ายจับไว้เป็นเชลยกลับเข้ามาในนครฟาติน
“แด่ความยิ่งใหญ่ ของเชษฐาแห่งข้าเช่นกัน”
ผู้ได้รับเกียรติยิ้มละมุนเอามือแตะหน้าอกพร้อมค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อม ซึ่งกิริยานี้เรียกเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจจากชีคริยาร์ดจนดังกังวานไปทั่วห้อง ก่อนหันไปหอมแก้มสาวงามซึ่งคอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ
“เรามาดื่มฉลองให้กับน้องข้าอีกครั้ง” ทั้งหมดปฏิบัติตามคำสั่งของชีคริยาร์ดด้วยใบหน้าอิ่มเอมด้วยความสุข และสนุกไปพร้อมกับเหล่านางระบำทั้งห้า
“เจ้ากลับมาครั้งนี้ดูซูบผิดตาไปมาก ดูว่าข้าใจร้ายเหลือเกินที่ส่งเจ้าไปทำลายรังโจรถึงเมืองใต้เพียงลำพัง”
“โอ้ไม่เลยขอรับ เพื่อความสงบสุขของชาวเมืองข้าผู้เป็นน้องย่อมต้องช่วยแบ่งเบาภาระอันยิ่งใหญ่แห่งพี่ข้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พูดได้ดี ยังไงข้าต้องขอบใจเจ้ามากนะกาหริบ” มือหนาสวมธรรมรงค์น้ำงามตบลงบนไหล่หนาสมชายชาตรีของอนุชาต่างมารดาอย่างรักใคร่ ผู้เจียมตัวเสมอมาจึงค้อมศีรษะให้ดังเดิม
“ตอนข้ากลับเข้าเมืองมา ยินว่าพี่ข้าเพิ่งกลับจากการท่องทะเลทรายและแวะเยี่ยมเยียนนครคามิล่า ไปคราวนี้บรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ประการใด?”
น้ำเสียงเนิบ ๆ ของชีคกาหริบคราถามถึงนครปลายก้อยซึ่งมิยอมสวามิภักดิ์แต่ขอเป็นพันธมิตรทางการค้าสร้างความอึดอัดให้ชีคริยาร์ดนัก เพราะตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ทางนครฟาตินพยายามกดดันและหาแนวทางหลอมรวมนครเล็ก ๆ นามคามิล่าเป็นดินแดนเดียวกับนครฟาตินตลอด
แต่นครผู้โดดเดี่ยวก็มีกุศโลบายต่าง ๆ มารับมือ ซ้ำยังเปิดช่องทางการค้าและส่งบรรณาการเป็นม้าศึกมาให้ตลอด นอกจากนี้ยังส่งเมล็ดพันธุ์พืชมาให้เนือง ๆ
ดังนั้นชีคริยาร์ดจึงตัดสินใจตีนครเล็ก ๆ แห่งนี้มิได้ แต่พอรู้ข่าวว่านครแห่งทาสกำลังให้ความสนใจและเจริญสัมพันธไมตรีกับชีคฮาซันผู้เป็นวานิชแห่งตะวันออก ชีคริยาร์ดจึงทำใจเย็นอีกต่อไปไม่ได้จึงตัดสินใจออกท่องทะเลทรายพร้อมแวะเยี่ยมเยียนนครคามิล่าอีกครั้ง
