เงารักในรอยทราย

154.0K · จบแล้ว
อาคาเซีย/แวววิวาห์/สลิลโรส/ผิงอัง
136
บท
3.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

... ‘ขอแสงสว่างจากดวงตะเกียง จงช่วยนำทางข้าไปพบนางผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ’...ด้วยคำอธิษฐานอันแรงกล้าของ ‘องครักษ์หนุ่มรูปงาม’ ที่มิได้ครองรักกับ ‘นางผู้อัปลักษณ์’จึงทำให้ทั้งสองหวนกลับมาพบกันอีกครั้ง เพื่อสานต่อความรัก ความผูกพันอันยาวนาน บนผืนทรายแห่งนี้“หมดทางหนีแล้วล่ะนางกำนัล เอาล่ะเงยหน้าขึ้นให้ข้ายลโฉมเจ้าสักหน่อยเถิด” ชีคกาหริบยังยื่นมือหนามาเชยคางมนซึ่งเอาแต่ก้มหน้าให้สบสายตาเขา ทว่าดาเนียนก็เมินหน้าหลบอีกจนได้“ไง ไม่เก่งจริงนี่เรา”“อย่าแตะต้องข้า” เสียงเล็กนั้นลอดไรฟันออกมาราวกับเสียงขู่ฟ่อของนางแมวป่า“โอ้ หวงตัวด้วย นึกอยู่แล้วเชียวว่าเจ้าเก่งแต่เพียงวาจาเท่านั้น พอเอาจริงกลับมิกล้าที่จักสู้หน้าข้า เอ้ ข้าจักลงโทษเจ้าอย่างไรดีหนอ ส่งตัวไปให้ท่านแม่นมมีนาญ่าทำโทษเพื่ออบรมมารยาทสักหน่อยจักเป็นไร หรือจังส่งตัวไปยังกรมอาญาเพื่อตัดสินความผิดของเจ้าดี เอ้... หรือว่าจักลงโทษให้เป็นคนสวนของข้าไปตลอดชีวิต”“ท่านชีค!” นางงามผู้ถูกรังแกเงยหน้าขึ้นสบสายตาหวานฉ่ำแลงดงามดั่งนิลกาฬในทันทีเมื่อชีคหนุ่มเสนอวิธีการทำโทษให้นางเช่นนั้น “ผู้มีอำนาจมากกว่าย่อมมิรังแกผู้ด้อยและต่ำต้อยกว่าเจ้าค่ะ และการที่ข้าเด็ดดอกกุหลาบของท่านก็ใช่ว่าจักได้รับโทษทัณฑ์ถึงเพียงนั้น”ถ้อยคำอันพร่างพรูออกมามาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มและวงหน้าใสอันปราศจากเครื่องประทินผิวซึ่งต้องแสงนวลของตะเกียงน้ำมันทำให้ชีคกาหริบชะงักไปนิดหนึ่ง

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักแม่ทัพองค์หญิงรักหวานๆเกิดใหม่สัญญาทางรักโรแมนติกพระเอกเก่ง

บทนำ เงารักในรอยทราย (1)

‘ฮาน่า’ นามที่ไม่รู้จัก...

‘ฮาน่า’ นามที่ไม่เคยได้ยินใครเอ่ยถึง...

‘ฮาน่า’ หากแต่ตรึงใจให้ถวิลหา แลจดจำอยู่ในวิญาณของผู้เอื้อนเอ่ย...

... ‘ขอแสงสว่างจากดวงตะเกียง จงช่วยนำทางข้าไปพบนางผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ’…

ถ้อยภาวนาอันหนักแน่นดังก้องในวิหารโบราณเก่าแก่สะท้อนกับผนังสีขาวราวบทสวดมนตร์อันศักดิ์สิทธิ์ ฝังปรารถนาแรงกล้าแลเจ็บปวดซึ่งถักทอในดวงวิญญาณ

ดวงตาสีมรกตแฝงฝังความเศร้ากับการรอคอยอันยาวนานคงไม่ละไปจากดวงตะเกียงซึ่งฉาบแสงสีส้มนวล ก่อนเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของสตรีจะดังก้องในโสตประสาทเมื่อคำวิงวอนปราศจากการตอบรับ!

“ฮาน่า!” ร่างเล็กของเด็กน้อยสะดุ้งเฮือกจากเตียงนอนตัวเตี้ยปูด้วยขนสัตว์แสนนุ่ม พร้อมเสียงหอบหายใจเหนื่อยราววิ่งมาไกลแสนไกล

หยาดเหงื่อเม็ดเล็กบนวงหน้าขาวเนียนท่ามกลางอากาศหนาวเย็นตอกย้ำดาเนียนชัดนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่ความฝัน... ริมฝีปากสีแดงสดคงขยับเอ่ยถึงนามซึ่งฝังในวิญญาณซ้ำ ๆ คล้ายเสียงพึมพำและไม่มีวันลบเลือน พร้อมตลบผ้าห่มขนแกะออกจากกายขยับตัวลุกจากเตียงนอนด้วยฝีเท้าเบาที่สุด

‘ตามปรารถนาแห่งแสงสว่างนั่นไป’

เสียงหนึ่งใต้จิตสำนึกบอกเช่นนี้ ทว่าเท้าน้อยสัมผัสพื้นพรมเท่านั้นเสียงลูกกระพรวนซึ่งผูกไว้ข้างเตียงจึงส่งเสียงกรุ้งกริ๊งขึ้นพลอยให้เด็กน้อยสะดุ้ง เหล่าพี่เลี้ยงซึ่งหลับใหลอยู่ข้างเตียงตัวเตี้ยจึงตื่นในทันที

“นั่นท่านหญิงจักไปไหนเจ้าคะ?!”

ดวงตามรกตแฝงฝังความเศร้าคล้ายมีหยาดน้ำตามาคลอเบ้าปรายมามองพี่เลี้ยงผู้ถามเสียงดุแวบหนึ่ง ก่อนเมินหน้าไปยังดวงตะเกียงฉลุลายซึ่งตั้งไว้กลางกระโจมเพื่อขับไล่ความมืดคล้ำ

“เดินเล่น ข้านอนไม่หลับ”

“มิใช่ออกตามหาฮาน่ารึ?” เป็นนางกำนัลลิมุสที่ย้อนถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง กระนั้นดาเนียนคงไม่ตอบนอกจากคว้าเสื้อคลุมขนสัตว์มาสวมทับแล้วก้าวขาออกจากกระโจมแสนอบอุ่นโดยไม่สนใจเสียงเรียกของบรรดาพี่เลี้ยงจอมวุ่นวายที่พร้อมใจกันจ้องจับผิดนาง

พ้นจากกระโจมอันอบอุ่นสู่ภายนอกอันหนาวเย็นเด็กน้อยจึงห่อกายเข้าหากัน กระนั้นดวงตามรกตแฝงฝังความเศร้าคงไม่ละสายตาจากดวงดาวสุกสว่างที่สุดบนโพ้นฟ้าพร้อมรอยยิ้มละมุนเปื้อนความสุข

“ฮาน่า... คอยก่อนเถิด ข้ากำลังเดินทางไปพบเจ้า”

คำรำพันดุจเดิมทุกราตรีคงแรงกล้า ทว่าเมื่อร่างน้อยสัมผัสความหนาวเย็นอันแห้งแล้งและหายใจเอาอากาศเย็นเข้าไปในโพรงจมูกดาเนียนจึงจามเสียงดังออกมา ก่อนรีบเร่งพาตัวเองหลบหลังกระโจมใหญ่ทันทีเมื่อเสียงเรียกของเหล่านางกำนัลพี่เลี้ยงดังขึ้น

ดาเนียนรอพี่เลี้ยงทั้งสี่นางวิ่งผ่านไปจึงเดินห่างออกมาจากกระโจมใหญ่ซึ่งมีเหล่าทหารองครักษ์อารักษ์ขาแขกคนสำคัญของนครคามิล่าอยู่ ทว่าอากาศอันเหน็บหนาวจึงทำให้เด็กน้อยต้องห่อกายเข้าหากันอีกครั้งเมื่อลมเย็นยะเยือกหอบเอาละอองทรายลอยคว้างในอากาศมาต้องผิวยิบ ๆ มือน้อยอันเย็นเฉียบยื่นไปรองประกายระยิบระยับดั่งเกร็ดดวงดาว ขณะดวงตาสีมรกตงดงามคงหยุดนิ่งยังดวงดาวสุกสว่างดุจดวงตะเกียงจากโพ้นฟ้าไกล

สองขาน้อยซึ่งสวมรองเท้าขนสัตว์และคงรักษาอุณหภูมิของร่างกายไว้เป็นอย่างดีคงย่ำไปข้างหน้า โดยมีจุดหมายอยู่ที่ดวงดาวสุกสว่างซึ่งมิเคยไขว่คว้ามาครอบครองได้ ทว่าพ้นจากกระโจมใหญ่สำหรับพักแรมได้ไม่เท่าไหร่นางกำนัลผู้ดูแลจึงเข้ามาฉุดรั้งข้อมือบางของท่านหญิงตัวน้อยเอาไว้ก่อน

“ดึกป่านนี้แล้วท่านหญิงจะไปไหนเจ้าคะ?!”

“ปล่อยข้า ฮาน่ากำลังรอข้าอยู่” เด็กน้อยพยายามขืนข้อมือจากการจับกุม พอหลุดออกจากมือลีมุสมาได้ ดาเนียนจึงชะงักเท้าไว้อีกเมื่อนางกำนัลพี่เลี้ยงอีกสามนางมาดักหน้าเอาไว้

“ให้ตายเถอะ! เมื่อไหร่พวกผู้ใหญ่ถึงเลิกวุ่นวายกับชีวิตของข้าสักที” ผู้มีศักดิ์เป็นท่านหญิงแห่งนครคามิล่าบ่นอุบกับตนเอง แต่ดูว่าถ้อยคำนั้นมิสามารถทำให้ผู้ดูแลเปลี่ยนความตั้งใจได้เลย

“กลับเข้ากระโจมเถิดเจ้าค่ะท่านหญิง หากท่านชีคฮาซันรู้ความนี้เข้าพวกข้าทั้งหมดอาจต้องอาญา” ลีมุสผู้ติดตามดูแลใกล้ชิดกำราบด้วยน้ำเสียงดุดัน กระนั้นผู้ถูกเรียกคงเพิกเฉยทำหูทวนลม แต่พอถูกคว้าข้อมืออีกครั้งดาเนียนจึงทำหน้ายุ่งพยายามขืนตัวออก

“ปล่อยข้านะ!”

“มิปล่อยเจ้าค่ะ ท่านหญิงต้องกลับเข้ากระโจมพร้อมข้าเดี๋ยวนี้!” ลิมุสทำตาโตน่ากลัวกว่าเดิม

“หยุดออกคำสั่งกับข้า ข้าปรารถนาจักอยู่ที่นี่”

“มิได้เจ้าค่ะ หากท่านหญิงยังดื้อดึงข้าจะนำความนี้บอกกล่าวกับท่านชีค”