บทนำ เงารักในรอยทราย (5)
ภายในกระโจมพักแรมอันงดงามของชีคฮาซัน...
เสียงแมลงกลางคืนซึ่งแว่วสะท้อนในท้องทะเลทรายอันหนาวเย็นในยามราตรีกาลที่กำลังหมดไปมิสามารถกล่อมให้ผู้ปกครองนครคามิล่าข่มตาให้หลับลงได้เลย
ยิ่งเสียงลมหวูดร้องนอกกระโจมสะบัดธงสามเหลี่ยมไปมาจนเกิดรูปเงาภายในกระโจมพร้อมกลิ่นเขม่าควันไฟจากคบเพลิงจาง ๆ ยิ่งสร้างความตึงเครียดให้ชีคฮาซันมากนัก
ตอนนี้ในคลังมีเหรียญทองและเหรียญเงินอยู่จำนวนน้อยนิด ทั้งหมดนั้นต้องสำรองเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในยามจำเป็น ซึ่งส่วนหนึ่งแบ่งไว้สำหรับค่าใช้จ่ายเรื่องม้าศึก รวมทั้งเม็ดพันธุ์พืชสำหรับการเกษตร
ดังนั่นเหรียญที่มีอยู่ในมือนี้คงมิใช่เครื่องบรรณาการชั้นเลิศสำหรับชีคริยาร์ดผู้ยิ่งใหญ่เป็นแน่ แต่ถ้าไม่มอบสิ่งใดให้ผู้มาเยือนติดไม้ติดมือกลับไปเลย คงไม่ใช่เรื่องยินดีเช่นกัน...
แล้วความคิดหนึ่งจึงแวบเข้ามาในหัว มันเป็นวิธีอันชาญฉลาดที่ปฏิบัติสืบมาช้านานแลสามารถรักษานครคามิล่าเอาไว้ไม่ให้เป็นเมืองขึ้นของนครใดจนถึงบัดนี้
“หรือยกท่านหญิงดาเนียนให้ท่านชีคริยาร์ดดี?” ชายวัยห้าสิบกว่าตั้งคำถามกับตัวเอง
แต่พอนึกถึงความเหมาะสมด้วยเรื่องของวัยแล้วชีคฮาซันจึงส่ายหน้า เพราะบุตรีคนเล็กที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในขณะนี้ยังเยาว์วัยนัก ดูว่าจักมีวัยไล่เลี่ยกับบุตรสาวคนโตของชีคริยาร์ดด้วยซ้ำ หากยกให้เป็นนางสนมก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่
“หรือจักรอให้นางโตเป็นสาวก่อนแล้วจึงส่งไป ?” ชีคฮาซันส่ายหน้าให้ตัวเองอีก ถ้ารอให้ดาเนียนโตเป็นสาวเต็มตัว มีหวังนครคามิล่าคงสิ้นนามและถูกลบออกจากแผนที่ตามคำทำนายของท่านผู้เฒ่าเป็นแน่ แต่เมื่อทำอันใดมิได้และไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ ชีคฮาซันจึงหันมาพึ่งคำทำนายด้วยการเสี่ยงทายแทน
เปลือกหอยมุกเนื้อหนาซึ่งตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ สืบทอดมาจากบรรพบุรุษหลายชั่วอายุคนทั้งสี่ชิ้นคืออุปกรณ์สำคัญของการเสี่ยงทาย ซึ่งผลคำทำนายอันแม่นยำตรงหน้าไม่แตกต่างไปจากความคิดของชีคฮาซันแม้นแต่น้อยนิด
“ดาเนียนเอ๋ย หากเป็นโชคชะตากำหนดไว้พ่อคงยากที่จักทัดทาน” ชีคฮาซันพึมพำก่อนปิดเปลือกตาลงพร้อมค้อมศีรษะอย่างน้อมรับผลคำทำนาย...
##### 1
บรรณาการแสนสวย
ณ นครฟาติน...
เสียงตะโกนโหวกเหวกของบรรดาพ่อค้าเร่ซึ่งมากับขบวนคาราวานดังแข่งกับเสียงตะโกนของพ่อค้าเจ้าถิ่นเพื่อแข่งกันขายสินค้าให้กับผู้เดินออกมาจับจ่ายใช้สอย เสียงเจรจาพูดคุยจับกระเด็นไม่ได้จึงสร้างความจอแจให้หน้ากำแพงเมือง อีกทั้งเสียงฝีเท้าขบวนรถม้า อูฐ ลาซึ่งสัญจรไปมาบนทางเดินจึงทำให้ฝุ่นทรายคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
กระนั้นนครแห่งความยิ่งใหญ่ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสาวงามและผ้าทอคงดึงดูดให้เหล่าพ่อค้าคาราวานแวะเวียนมาค้าขายเสมอ แม้นค่าผ่านประตูเมืองเพื่อเข้ามาทำการค้าจะมีราคาสูงลิบก็ตามที แล้วความวุ่นวายก็กลายเป็นความสงบขึ้นมาเมื่อม้าเร็วนำขบวนตรงดิ่งเข้ามาภายในประตูเมืองพร้อมคำสั่ง
“เปิดทาง! ท่านชีคริยาร์ด อิมฮาซากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้”
เมื่อผู้ขอทางเอ่ยถึงนามที่ชาวเมืองให้ความเคารพยำเกรงดังก้องไปทั่วบริเวณ ทุกความวุ่นวายอันเกิดขึ้นจากความไร้ระเบียบจึงอยู่ในความสงบเรียบร้อยทันที
ทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนถูกแหวกออกเป็นสองฝั่งโดยปริยาย และเมื่อม้าสีนิลขี่โดยบุรุษผู้สง่างามและทรงอำนาจพร้อมขบวนผู้ติดตามวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาภายในประตูเมือง
เหล่าประชาชนซึ่งอยู่ละแวกนั้นจึงพร้อมใจหมอบตัวลงบนพื้นทรายเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ปกครองนคร จนกระทั่งขบวนรถม้าเคลื่อนผ่านไปหมดแล้วนั่นล่ะ บรรยากาศการค้าขายชานเมืองจึงกลับมาครึกครื้นจอแจอีกครั้ง
นครฟาตินอันสวยงามและเจริญรุ่งเรืองแห่งนี้มีท่านชีคผู้ปกครองหนุ่มถึงสองคน หนึ่งคือชีคริยาร์ด อิมฮาซา ผู้มีอุปนิสัยเฉียบขาดดุดันซึ่งมีอำนาจสูงสุดของนคร และชื่นชอบการเสาะแสวงหาดินแดนที่ไม่รู้จักจนเกิดการทำศึกสงครามขยายดินแดนเป็นเนือง ๆ นอกจากนี้ยังออกล่าตระเวนพาสาวงามจากทุกดินแดนมาอยู่ในนครของตน
ดังนั้นนครแห่งนี้จึงเปิดค้าเสรีเรื่องทาสอย่างถูกกฎหมาย แต่ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้ความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย นั่นก็คือตัวทาส และตัวนายจ้าง ดังนั้นการไปมาของชีคริยาร์ดจึงสร้างความหวาดหวั่นให้ชาวทะเลทรายและผู้พบพานเสมอ ๆ ซึ่งผิดกับผู้ปกครองนครคนที่สองนัก
