บทนำ เงารักในรอยทราย (3)
“พาท่านหญิงกลับกระโจม หากพวกเจ้าปล่อยให้บุตรีแห่งข้าออกมาเดินเพ่นพ่านท่ามกลางอากาศเหน็บหนาวเช่นนี้อีก ข้าจะสั่งโบยให้หลังลาย” เจอคำสั่งเฉียบขาดของผู้ปกครอง ทั้งสี่พี่เลี้ยงจึงรีบรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง
“เจ้าค่ะ”
ชีคฮาซันรอจนบุตรีคนเล็กผู้เป็นดั่งดวงใจกลับกระโจมที่พักแล้วนั่นล่ะจึงผ่อนลมหายใจออกมายาวก่อนหันหลังกลับเข้ากระโจมใหญ่ซึ่งกำลังสนุกครื้นเครงด้วยเสียงดนตรีและนางระบำแสนสวย
ทว่าสีหน้าของผู้ปกครองนครซึ่งเปื้อนรอยยิ้มกลับเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัดหลังจากกลับเข้ามาในกระโจม และสีหน้านี้เองก็หารอดสายตาชีคริยาร์ดไม่
ชีคหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่แห่งนครฟาตินขมวดคิ้วยุ่งสงสัย “เหตุอันใดทำให้ท่านอาเป็นกังวล หรือท่านไม่ชื่นชอบการแสดงของนางระบำเหล่านี้?”
คำถามจากผู้มีอำนาจจนทุกแคว้นใกล้ไกลต้องเกรงกลัวและให้ความเคารพดึงความสนใจของชีคฮาซันซึ่งกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองได้
“มิใช่เลยท่านชีค หาใช่นางระบำแสนงดงามของนครฟาติน”
“แล้วท่านอาเป็นกังวลเรื่องใดเล่า? หวังว่ามิใช่เรื่องการเจริญมิตรไมตรีของข้าหรอกนะ” ดวงตาสีน้ำมันดิบของผู้มีอำนาจนั้นทำให้ชีคฮาซันซึ่งมีอายุอานามมากกว่าชักหายใจไม่ทั่วท้อง
“มิใช่อีกเช่นกัน ที่ข้าเป็นกังวลอยู่นี้หาใช่การเจริญมิตรไมตรีของท่าน แต่เป็นเรื่องบุตรีคนเล็กของข้าต่างหากที่ทำให้ข้าเป็นกังวลตลอด...”
น้ำเสียงและสีหน้าของผู้ปกครองนครคามิล่า อาณาจักรเล็ก ๆ เพียงปลายก้อยเมื่อเทียบกับนครฟาตินเรียกความสนใจจากชีคริยาร์ดดีนัก ด้วยเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อจึงปลอบไปตามสมควร เพราะตัวชีคริยาร์ดเองประจักษ์ดีว่าบุตรีคนเล็กของชีคฮาซันนั้นซุกซนถึงเพียงใด
“ท่านหญิงน้อยแค่ซุกซนตามวัย การที่นางหนีออกจากนครเพื่อตามท่านอาอาจดูไม่เหมาะสมสำหรับสตรี แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอันใด”
“เพียงเท่านั้นหรือมากกว่านั้นสักสิบเท่าข้าคงยินดี” เสียงทอดถอนหายใจราวแบกรับภูเขาทรายไว้ทั้งลูกยิ่งทำให้ผู้มีแต่บุตรีอย่างชีคริยาร์ดต้องแปลกใจและให้ความสนใจ
“โปรดเผยความกังวลแก่ข้า เผื่อข้าผู้นี้จักช่วยอะไรท่านอาได้บ้าง”
ชีคฮาซันเงียบไปอึดใจ ดวงตาผู้ผ่านโลกมามากเต็มไปด้วยความลังเลไม่แน่ใจว่าจักเอื้อนเอ่ยถึงสิ่งที่ทำให้เป็นกังวลกับผู้ยิ่งใหญ่ดีไหม
“หรือท่านอามิไว้ใจข้า?”
“หาใช่ไม่ ที่ข้ากังวลอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะคำทำนายจากพ่อเฒ่าผู้ดูแลจิตวิญญาณของเราต่างหาก” พอหลุดปากไปแล้วชีคฮาซันจึงถอนลมหายใจออกมายาวพร้อมปิดเปลือกตาลงราวน้อมรับโชคชะตาจากคำทำนายซึ่งยากจักเปลี่ยนแปลง
“น่ากลัวเช่นนั้นรึ สีหน้าท่านบอกเช่นนั้น”
ชีคฮาซันพยักหน้า “เป็นมากกว่านั้นอีก เพราะคำทำนายนี่ไงเล่าข้าถึงทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องรักษาดินแดนอันหวงแหนของบรรพบุรุษเอาไว้”
“จงบอกข้าเถิดท่านอา หากช่วยได้ ข้าริยาร์ดผู้นี้ยินดีให้ความช่วยเหลือ”
มีรอยยิ้มบางจากผู้ผ่านโลกมามากกว่าพร้อมขยับริมฝีปากซึ่งปกคลุมไปด้วยหนวด
“คำทำนายของผู้เฒ่าผู้ดูแลบอกกับข้าว่า หากบุตรหรือบุตรีเอื้อนเอ่ยถึงแสงสว่าง และเสาะแสวงหาปรารถนาอันแรงกล้าคราใด นั่นหมายความว่านครน้อยนิดเพียงปลายก้อยบนแผนที่นามคามิล่าจักถูกลบเลือนหายไป”
กระแสเสียงของชีคฮาซันเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เมื่อคำทำนายนั้นกำลังคืบคลานเข้าสู่ความเป็นจริงเข้ามาทุกขณะ...
นครคามิล่าเป็นนครเล็ก ๆ อยู่ภายใต้การปกครองดูแลยึดหลักด้วยเมตตาและความสงบสุขมาหลายชั่วอายุคน การค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าจำพวกพืชพันธุ์ธัญญาหาร รวมทั้งการค้าม้าศึกคืออาชีพหลักของชาวเมืองคามิล่า
จึงทำให้นครเล็ก ๆ ในหุบเขาสลับซับซ้อนกลายเป็นที่รู้จักของหมู่คาราวานเร่ในท้องทะเลทราย และความสมบูรณ์เรียบง่ายนี้เองจึงเป็นเหตุจูงใจเรียกร้องให้ผู้ไล่ล่าอาณานิคมอันกระหายชัยชนะจากสงครามและอำนาจต่างมุ่งหน้ามาที่นี่ หรือแม้นแต่ชีคริยาร์ดด้วยเช่นกัน
“มันเป็นเพียงคำทำนาย ขอท่านอาอย่าได้หวาดหวั่นเลย”
“ข้าวาดหวังให้เป็นเช่นนั้นมาตลอด ข้าภาวนาให้คำทำนายคาดเคลื่อน แต่ท่านชีคคงมิทราบ หลังจากดาเนียนพูดได้นางได้สร้างความหวาดหวั่นให้กับข้ามากนัก นางเอื้อนเอ่ยถึงแสงสว่างรวมทั้งนามที่ไม่รู้จัก นางร่ำร้องหาสิ่งนั้นทุกราตรี ฮาน่า ฮาน่า ฮาน่า มิรู้ว่านางพร่ำเพ้อหาผู้ใด”
ไม่เพียงน้ำเสียงเท่านั้น นัยน์ตาของผู้ปกครองนครคามิล่ายังเต็มไปด้วยความวิตกนานัปการ
