บทที่4
หรือการที่เธอเข้ามาในชีวิตของเขามันจะยิ่งทำให้ชีวิตเขาวุ่นวายมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ก็ไม่รู้ ไม่รู้และไม่อยากรู้คำตอบเลยจริงๆ
ลลินตัดสินใจนอนรอการกลับมาของภีมวัจน์อยู่ที่โซฟาตัวเดิมที่เคยอยู่ แต่รอนานเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าคนที่เธอกำลังจะรออยู่นั้นจะไม่ยอมกลับมาโดยง่ายจนหญิงสาวเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียจึงเผลอหลับไปนานก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นจากหน้าบ้าน นั่นเลยทำให้เธอต้องรีบลุกขึ้นเพื่อเดินไปเปิดประตูบ้าน
“คุณภีม!!” หญิงสาวร้องเรียกคนตรงหน้าที่กำลังเดินโซเซเข้ามาด้านในเสียงหลง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสภาพแบบนี้เขาจะสามารถขับรถกลับมาจนถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน เขาทำแบบนี้มันค่อนข้างอันตรายมาก และเธอไม่แน่ใจหรอกว่าเขาจะโชคดีได้กลับมาครบสามสิบสองเหมือนอย่างคืนนี้ไปทุกๆ วันรึเปล่า
“อืม…” เสียงเข้มขานตอบเบาๆ ก่อนจะเดินโซเซมาล้มตัวลงนอนที่โซฟาตรงหน้ากันหน้าตาเฉย หนำซ้ำยังคร่อมเธอเอาไว้ทั้งตัว
“อุ้ย! คุณภีมลินหนักนะคะ!!” ลลินเอ่ยประท้วงขึ้นเบาๆ ก่อนจะรวยรวมกำลังที่พอมีผลักอกคนตรงหน้าให้ออกไปให้พ้นตัวเธอ หญิงสาวลอลมองคนที่กำลังนอนหมดสภาพบนโซฟาพร้อมส่ายหน้าไปมาก่อนจะตัดสินใจปล่อยให้เขานอนที่นี่คืนนี้เพราะเธอคงแบกเขาขึ้นชั้นบนไม่ไหว เมื่อคิดได้เช่นนั้นหญิงสาวจึงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมด้วยผ้าชุบน้ำในมือ เธอค่อยๆ บรรจงเช็ดตัวให้คนเมาที่ตอนนี้หลับไปแล้วอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ไม่นานก็ต้องชะงักมือเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้แน่นพร้อมกับริมฝีปากหนาที่เอ่ยบางสิ่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่เว้าวอนจนคนฟังสะท้อนหัวใจไปไม่น้อยเมื่อได้ยินมันจากปากเขา
“อย่าทิ้งผมไปนะครับพีช…อย่าทิ้งผมไปเลยนะครับ…” ขนาดเมาหนักขนาดนี้ก็ยังอุตส่าห์เพ้อถึงคนรักเก่าไม่หยุดปาก ช่างน่าอิจฉาผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ที่ได้รับความรักที่มั่นคงจากเขาไปแบบนี้
หญิงสาวลอบคิดกับตัวเองในใจก่อนจะปล่อยให้ภีมวัจน์กำชับมือของเธอเอาไว้ตามที่เขาต้องการโดยไม่คิดขัดขืน หากนี่จะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เธอช่วยอะไรเขาได้บ้างเธอก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้กับเขา แม้ว่ามันจะเป็นการสวมรอยเป็นใครอีกคนก็ตามที…
ภีมวัจน์ตื่นสายในรอบหลายปีพร้อมด้วยอาการปวดหัวอย่างหนักก่อนสิ่งแรกที่ได้เห็นจะทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับกายไปไหน มันคือภาพของร่างบอบบางของใครบางคนที่กำลังนอนฟลุบหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขอยู่ข้างๆ โซฟาที่เขากำลังนอนหลับอยู่
นี่อย่าบอกนะว่าเธอนอนเฝ้าเขาทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย!
ชายหนุ่มคิดกับตัวเองในใจก่อนจะได้รับคำตอบเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นผ้าชุบน้ำที่ถูกวางเอาไว้ข้างๆ กันในนาทีต่อมา ไม่บ่อยนักที่จะมีใครสักคนแสดงความห่วงใยเขา นั่นเลยทำให้ความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่ได้เกิดเคยมานานหลายปีเริ่มท่วมล้นภายในใจ แต่ครั้นทำท่าจะเอ่ยเรียกคนที่กำลังหลับอยู่อีกฝ่ายกลับเป็นคนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยตัวเองก่อนจะส่งยิ้มหวานละมุนมาให้กันทันทีที่ตื่นลืมตา
“ตื่นแล้วเหรอคะคุณภีม เป็นยังไงบ้างคะ” ลลินเอ่ยถามคนที่เอาแต่นอนจ้องหน้ากันไม่ยอมพูดยอมจาอะไรเป็นคนแรกพร้อมก้มมองสำรวจอีกคนอย่างตั้งอกตั้งใจว่าเขาปกติดีครบทุกๆ อย่างรึเปล่า
“ปวดหัว!” แหงสิ! มันคงแปลกหากเขาจะไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย
“ลุกไหวไหมคะ มาค่ะเดี๋ยวลินช่วย” เสียงหวานเอ่ยถามและไม่รอคำตอบจากอีกคน เธอลุกขึ้นพร้อมกับช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นมานั่งตามก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวอย่างถือวิสาสะและกลับมาพร้อมน้ำขิงอุ่นๆ เมื่อคิดว่ามันน่าจะพอช่วยทุเลาอาการปวดหัวได้ดี
“ดื่มสักหน่อยนะคะ มันจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นค่ะ”
“ขอบคุณ” ภีมวัจน์เอ่ยเพียงสั้นๆ ก่อนจะรับเอาถ้วยขิงมาจิบเบาๆ ซึ่งมันก็เป็นไปตามคำบอกเล่าที่เขารู้สึกดีขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อแค่เพียงจิบไม่กี่ครั้ง ภาพนั้นเรียกเอารอยยิ้มจากอีกคนได้ในทันที
“คุณภีมไม่ควรขับรถทั้งๆ ที่เมาไม่ได้สติแบบนั้นนะคะ อาจเกิดอุบัติเหตุได้…” เมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านเริ่มมีท่าทีเป็นกันเองลลินจึงตัดสินใจเอ่ยบางอย่างที่มันยังค้างคาอยู่ภายในใจออกไปเบาๆ
“อืม” แต่เสียงที่ตอบรับกลับมาเหมือนขอไปทีนั้นทำให้เธอต้องพูดต่อด้วยกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอกังก้าวก่ายชีวิตเขา
“ลินแค่เป็นห่วงค่ะ…”
“รู้แล้วครับ คราวหน้าผมจะระวังไม่ขับรถตอนที่เมาอีกก็แล้วกัน แบบนี้โอเคไหม” หญิงสาวรับคำด้วยรอยยิ้มแสนหวานก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำแปรงฟันในนาทีต่อมาทิ้งให้ภีมวัจน์นั่งจิบน้ำขิงของตัวเองต่อไปตามลำพังอย่างที่เขาชอบทำ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นร่างบางในชุดลำลองธรรมดาก็เดินออกมาพร้อมข้าวต้มหอมกรุ่นในมือ
