บทที่5
“ทานอะไรร้อนๆ หน่อยนะคะ จะได้ดีขึ้น” เสียงที่เอ่ยขึ้นทำให้ภีมวัจน์จ้องมองใบหน้าอ่อนหวานด้วยความสับสน มาแค่วันเดียวแต่เจ้าหล่อนกลับทำตัวคล้ายเมียเขาไปทุกที แถมยังหยิบจับข้าวของภายในบ้านอย่างถนัดราวกับว่าเคยอยู่มันมานานหลายปีก็ไม่ปาน
“จริงๆ คุณไม่ต้องทำก็ได้ อีกเดี๋ยวมะลิคงเอาข้าวเช้ามาส่ง”
“วันนี้มะลิไม่มาค่ะ เห็นว่าคุณแม่ของแกป่วยน่ะค่ะก็เลยฝากบอกคุณว่าขอลาหยุดหนึ่งวัน แต่ไม่ต้องห่วงนะคะงานของมะลิลินจะทำให้เองค่ะ” ลลินรับอาสาเพราะตลอดเวลางานบ้านทั้งหมดเธอก็แทบจะทำเองอยู่แล้ว ดีเสียอีกเธอจะได้ไม่ต้องรู้สึกเกรงใจที่ต้องอยู่บ้านของเขาอย่างฟรีๆ อย่างน้อยก็ให้เธอได้ทำอะไรตอบแทนบ้าง
“ตามใจแล้วกัน” เพราะขัดไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรภีมวัจน์จึงรับคำสั้นๆ ก่อนจะลงมือทานข้าวต้มที่ถูกปากกว่าทุกวันไปโดยมีแม่ครัวจำเป็นยืนยิ้มละมุนมาให้กันอยู่ข้างๆ ไม่ยอมห่างกายไปไหน
“คุณชื่ออะไรนะ” จู่ๆ คนที่เงียบไปนานก็เอ่ยขึ้น
“ลลินค่ะ แต่คุณภีมจะเรียกลินว่าลินเฉยๆ ก็ได้นะคะ” ลลินตอบพร้อมรอยยิ้ม ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรที่เขาเพิ่งจะคิดได้ว่ายังไม่ได้ไถ่ถามชื่อของตัวเองเลย เพราะเธอเข้าใจดีกว่าเขาคงจำกันไม่ได้จริงๆ
“คุณจะอยู่ที่นี่อีกกี่วัน ผมจะได้ทำตัวถูก” แต่แล้วคำถามที่ตามหลังก็ทำเอารอยยิ้มที่เคยมีอยู่บนใบหน้าอ่อนหวานมลายหายไป
“ลินทำให้คุณภีมรู้สึกอึดอัดเหรอคะ”
“เปล่า ผมแค่ไม่ชินที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับคนอื่น อีกอย่างเรื่องที่คุณแม่ของผมขอร้องคุณมันก็คงไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน! ผมว่าคุณควรตัดใจแล้วกลับไปเถอะ อย่ามาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้อีกเลย เพราะว่ามันไม่มีวันสำเร็จ!” คำพูดตรงๆ ที่ว่าเจ็บแล้วกลับเทียบไม่ได้เลยกับแววตาเย็นชาไร้ความรู้สึกของเขา ที่กำลังมองกัน
“ลินรู้ค่ะว่าลินทำให้คุณภีมลำบากใจ แต่ลินกลับไปไม่ได้ถ้าตราบใดที่ยังไม่ได้ทำให้ความต้องการของคุณท่านเป็นจริงขึ้นมาก่อน คุณภีมให้โอกาสลินสักครั้งเถอะนะคะ ลินให้สัญญาว่าจะทำตามที่คุณภีมต้องการทุกอย่าง” แม้แต่ตอนนี้แม่คุณก็ยังดื้อดึงที่จะอยู่ต่อให้ได้ ยิ่งเห็นอย่างนั้นมันยิ่งทำให้ภีมวัจน์รู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นไปอีก
“แต่ตอนนี้ผมไม่ต้องการส่วนเกินในชีวิต!! ทำไมคุณถึงได้เข้าใจอะไรยากเย็นแบบนี้นะลลิน! ผมอยากอยู่คนเดียวคุณเข้าใจรึเปล่าห๊ะ!!” เสียงตวาดที่ดังขึ้นสร้างความตกใจแก่หญิงสาวอยู่ไม่น้อย ท่าทางที่บ่งบอกว่ารำคาญเธอสิ้นดีทำให้หญิงสาวเริ่มเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แต่ก็ต้องพยายามหลบซ่อนมันเอาไว้เท่าที่เธอจะพอทำได้
“ลิน…ขอโทษค่ะ ตอนนี้คุณภีมคงหงุดหงิดอยู่ ถ้างั้นลินขอตัวก่อนนะคะ” เพราะขืนพูดอะไรออกไปในตอนนี้ก็มีแต่ทำให้เสียเรื่องไปกันใหญ่หญิงสาวจึงตัดบทก่อนจะหมุนตัวเดินหนีออกมานอกบ้านเพื่อปล่อยให้อีกคนได้อยู่ตามลำพังอย่างที่เขาต้องการ แม้จะรู้ว่าหนทางข้างหน้ายังคงมืดมน หากแต่ลลินกลับไม่อยากที่จะตัดใจยอมแพ้ทั้งๆ ที่ยังไม่เริ่ม อย่างน้อยเธอก็ยังอยากพยายามให้ถึงที่สุดก่อน และเมื่อถึงวันนั้นหากเขายังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ต้องการส่วนเกินในชีวิตเธอก็ยินดีที่จะพาตัวเองออกไปซะตามที่เขาต้องการ
แต่คงไม่ใช่วันนี้ตอนนี้แน่!!
ลลินหายตัวไปตั้งแต่เช้าจนกระทั่งตกบ่ายเข้าไปแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าหญิงสาวจะกลับเข้ามานั่นยิ่งทำให้คนที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจเริ่มที่จะกระวนกระวายใจขึ้นมาบ้างแล้วเพราะข้าวของของเธอยังคงอยู่ครบทุกชิ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่คุณป่านนี้เตลิดไปเสียที่ไหนถึงได้ไม่ยอมกลับมาเสียที สุดท้ายความอดทนของเขาก็หมดสิ้นลง ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะรีบเดินออกมาจากบ้านพักเดินตามหาตัวปัญหาที่ทำให้เขาวุ่นวายใจมาตลอดทั้งวัน กระทั่งเมื่อลองเดินเลียบเลาะชายหาดสายตาดุดันก็พบเข้ากับคนที่กำลังตามหาตัวอยู่
แต่ภาพของหญิงสาวที่กำลังค่อยๆ เดินลงน้ำทะเลไปนั้นทำให้เขาแทบจะออกตัววิ่งไปหาหล่อนอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าหล่อนกำลังจะฆ่าตัวตาย เพราะไม่สมหวังกับสิ่งที่เธอตั้งใจหมายจะทำมัน
