บท
ตั้งค่า

บทที่ 17 ให้คำอธิบาย

ไม่นานหลี่จื่อเฉิงก็เข้าใจขึ้นมา คนคนนี้คงจะเป็นสามีไม่เอาไหนของหลงเหม่ยซินที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองจินห่าย

แต่ว่าสายตาเมื่อสักครู่นั้น ไม่เหมือนสิ่งที่คนไม่เอาไหนคนหนึ่งควรจะมี รัศมีอันทรงพลังที่สามารถกลืนกินโลกได้ทั้งใบแบบนั้นทำให้เขารู้สึกไม่อาจเทียบได้ ความกลับตาลปัตรเช่นนี้ทำให้เขาไม่เข้าใจนัก

เขาเกก็บสายตากลับคืนมา เตรียมพาพรรคพวกไปจุดธูป

แต่ทว่าจู่ ๆ ก็มีเงาร่างร่างหนึ่งพุ่งเข้าไปหาหลงเหม่ยซินและหวางเย๋ แล้วตะโกนขึ้นมา: “พวกแกฆาตกรฆ่าคนมาที่นี่ทำไม? โดยเฉพาะหลงเหม่ยซินยัยลูกผสมคนนี้ อย่าคิดว่าหล่นเป็นหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลหลง ไม่ช้าก็เร็วหล่อนจะต้องปั่นหัวจนตายแน่”

คำพูดนี้ทำให้หวางเย๋เองยังต้องตกตะลึง เพราะนั่นเป็นคำพูดที่เขาอยากจะพูดให้หลงเหม่ยซินแต่ไม่กล้าพูด

แต่ว่าดูหมิ่นภรรยาของเขาต่อหน้าเขา แบบนี้เขาทนไม่ได้!

หวางเย๋ก็ไม่พูดอะไรมาก เดินขึ้นมาแล้วตบลงไปทันที ตบจนคนคนนั้นลงไปกองอยู่บนพื้น เขามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา: “วันนี้คนตายใหญ่สุด ดังนั้นฉันไม่อยากจะให้นองเลือด ไม่อย่างนั้นละก็เพียงเพราะแกดูหมิ่นภรรยาของฉัน แกก็ต้องตายสถานเดียว

เมื่อกล่าวขึ้นก็ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง คนอื่น ๆ ต่างปากอ้าตาค้าง

รากฐานของตระกูลหลี่และตระกูลหลงไม่ต่างกันนัก เขยแต่งเข้าบ้านอย่างหวางเย๋กลับกล้าบอกว่าจะฆ่าคนของตระกูลหลี่ เขาเอาความกล้าและความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนกัน มันจะไม่อวดดีเกินไปหน่อยเหรอ?

เห็นหวางเย๋ปกป้องตัวเอง หลงเหม่ยซินจะไม่ตื้นตันใจนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ว่ามันค่อนข้างจะบุ่มบ่ามเกินไป เธอตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรมเล็กน้อยไม่เป็นไร แต่นี่มันเป็นการผลักตระกูลหลงเข้าสู่ใจกลางพายุหมุนอีกครั้ง

แต่เรื่องมันได้เกิดขึ้นแล้ว เธอก็ไม่อาจว่าอะไรหวางเย๋ได้

“หลี่เหว่ยเจี๋ย คุณดูหมิ่นฉันได้ แต่คุณจะใส่ร้ายตระกูลหลงไม่ได้ ล้างปากให้สะอาด เรื่องราวเป็นยังไงทางตำรวจยังสอบสวนไม่เสร็จเลย ทำไมคุณต้องสาดโคลนใส่ตระกูลหลงของพวกเราแบบนี้ด้วย?” หลงเหม่ยซินเอ่ยถามด้วยใบหน้าเยือกเย็น

ในเวลานี้ หลี่จื่อเฉิงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง มองดูตำแหน่งที่หลี่เหว่ยเจี๋ยถูกตบแวบหนึ่ง รอยนิ้วสีแดงทั้งห้าหนิ้วถูกทิ้งเอาไว้บนใบหน้า จากตรงนี้สามารถดูออกว่าหวางเย๋พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ตบหน้าหลานชายของเขาต่อหน้าเขาที่เป็นคุณปู่แบบนี้มันชักจะหยามกันเกินไปแล้ว

หลงอ้าวเทียนยังไม่กล้าอวดดีต่อหน้าเขาแบบนี้!

“คุณหลง ผมต้องขอโทษคุณสำหรับความหุนหันพลันแล่นของหลี่เหว่ยเจี๋ยด้วย แต่ว่าสามีของคุณได้ลงมือทำร้ายคนแบบนี้ ควรจะมีคำอธิบายหน่อยไหม?” หลี่จื่อเฉิงแสร้งทำเป็นขอโทษของโพยก่อน จากนั้นก้เบนหัวข้อสนทนา สายตาคมกริบจับจ้องไปที่หวางเย๋

ไม่รอให้หลงเหม่ยซินเอ่ยปาก หวางเย๋ชิงพูดขึ้นมาก่อน: “นายท่านตระกูลหลี่สินะ ผมอยากจะถามคุณหน่อย ถ้าหากมีคนมาพูดต่อหน้าคุณว่าลูกชายทั้งหมดของคุณล้วนเกิดจากภรรยาของคุณกับผู้ชายคนอื่น ส่วนคุณหลงดีใจที่ได้เป็นพ่อ แล้วคุณจะทำยังไงกับคนคนนั้น?”

หลังจากที่หลงเหม่ยซินได้ยินคำพูดนี้ ก็พูดไม่ออก นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะพูดพวกนี้อีก แต่พอคิด ๆ ดูก็รู้สึกว่าวิธีนี้ของหวางเย๋นั่นค่อนข้างจะเหนือชั้น โยนปัญหาให้กับหลี่จื่อเฉิง

หลี่จื่อเฉิงหรี่ตาพิจารณาหวางเย๋ชั่วขณะ ชายหนุ่มคนนี้ไม่ง่ายเลย!

คำถามนี้เขาไม่สามารถตอบได้ มันเป็นกับดักชัด ๆ ไม่ว่าจะตอบยังไงล้วนไม่เป็นผลดีทั้งนั้น ดูเหมือนว่าผู้คนทั่วทั้งเมืองจินห่ายล้วนถูกภาพลักษณ์ที่หวางเย๋แกล้งแสดงออกมาเมื่อก่อนหน้านี้หลอกเข้าให้แล้ว

“แกพูดจาเหลวไหล คุณย่าของฉันไม่ใช่ผู้หญิงเสเพลแบบนั้น ไม่มีทางที่จะมีเรื่องแบบนั้นได้” เห็นหลี่จื่อเฉิงถูกชายหนุ่มคนหนึ่งโต้จนพูดไม่ออก หลี่เหว่ยเจี๋ยจับจ้องหวางเย๋ด้วยดวงตาแดงก่ำ แทบอยากจะฆ่าเขาให้ตาย

หวางเย่ยกมุมปากขึ้น เขาต้องการคนที่หัวร้อนอย่างหลี่เหว่ยเจี๋ยพอดี เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม: “นายท่านตระกูลหลี่ คุณก็เห็นแล้ว ผมแค่พูดแบบนี้ หลานของคุณก็มีท่าทีอยากจะฆ่าผมแล้ว”

“ถ้าเปลี่ยนเป็นคุณ เกรงว่าคงต้องแยกชิ้นส่วนของคนที่ปล่อยข่าวลือนั่นออกเป็นชิ้น ๆ แน่ ฆ่าเขาทั้งตระกูลยังไม่หายโมโห เช่นนั้นเหตุผลเดียวกันหลานชายของคุณดูหมิ่นภรรยาของผม ผมแค่ตบเขาหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการสั่งสอน คุณก็จะต้องให้ผมอธิบายให้ได้ แบบนี้มันจะไม่ลำเลียงไปหน่อยเหรอ เกรงว่าชื่อเสียงของตระกูลหลี่คงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย”

พูดมาถึงตรงนี้เขาจงใจหยุดไปสักพัก และกวาดสายตาดูปฏิกิริยาของผู้คนที่อยู่โดยรอบ แต่ละคนต่างมีท่าทีที่สลับซับซ้อน

“พูดถอยกลับมาอีกก้าว ทุกคนต่างก็รู้ว่าหลงอ้าวเทียนรักทะนุถนอมหลงเหม่ยซินหลานสาวคนนี้ที่สุด เมื่อกี้หลานชายของคุณว่าเธอเป็นลูกผสมต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ เขาไม่เพียงดูหมิ่นภรรยาของผม และยิ่งเป็นการดูหมิ่นตระกูลหลง เรียนถามนายท่านตระกูลหลี่แบบนี้คุณควรอธิบายยังไง?”

ความหมายที่แฝงอยู่ข้างในนั้นชัดเจนมาก ถ้าหากคุณให้คำอธิบายที่ไม่เป็นที่น่าพอใจกับผม เช่นนั้นทั้งสองตระกูลตั้งเป็นศัตรูกันอย่างแน่นอน

คำพูดอย่างต่อเนื่อง ราวกับได้รวมกันเป็นหมัดชกจนหลี่จื่อเฉิงต้องพ่ายแพ้

“คุณปู่ ผม......” ต่อให้หลี่เหว่ยเจี๋ยโง่เขลาถึงเพียงใด ก็เข้าใจว่าเหมือนตัวเองได้สร้างปัญหาเข้าแล้ว

ทันใดนั้นหลี่จื่อเฉิงก็ถลึงตาใส่เขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง พลางตวาดด่า: “คนไม่ได้เรื่อง ดูซิว่ากลับไปแล้วฉันจะจัดการกับแกยังไง ตอนนี้แกยืนบื้ออยู่ทำไม ยังไม่รีบไปขอโทษคุณหลงอีก?”

“คุณปู!” หลี่เหว่ยเจี๋ยสีหน้าไม่เต็มใจ ถ้าหากขอโทษก้เท่ากลับว่าตระกูลหลี่ยอมก้มหัวให้ตระกูลหลง

เวลานี้คนตระกูลหลี่ที่ยังหนุ่มยังสาวต่างมองหวางเย๋ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แทบอยากจะกินเขาทั้งเป็น แต่หวางเย๋เป็นใครกัน ครั้งหนึ่งเคยถูกกลุ่มสิงโตล้อมในทุ่งหญ้าสะวันนาของแอฟริกาหน้ายังไม่เปลี่ยนสี สายตาของพวกเขาเป็นเหมือนกับเกาจุดที่คันผ่านรองเท้า มันไม่มีประโยชน์เลยสักนิด

เมื่อเห็นว่าคุณปู่ไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนความคิดเลยสักนิด หลี่เหว่ยเจี๋ยเดินไปที่ด้านหน้าหลงเหม่ยซินอย่างไม่เต็มใจ และกล่าวอย่างขอไปที: “ขอโทษนะ คุณหนูหลง!”

พูดจบเขาก็จะจากไป แต่กลับถูกหวางเย๋เรียกเอาไว้

“เดี๋ยวก่อน นายท่านตระกูลหลี่นี่น่ะหรือหลานชายที่คุณสั่งสอนมา ขอโทษอย่างขอไปทีแบบนี้ ไม่ใช้ใจเลยสักนิด ผมพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก” หวางเย๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองหลี่จื่อเฉิงพลางกล่าว

ได้ยินดังนั้น หลี่จื่อเฉิงกัดฟันกรอด ไฟที่อยู่ในใจลุกโชน แต่จนใจที่หลี่เหว่ยเจี๋ยไอ้โง่คนนี้ไม่มีสมองเลยสักนิด ได้กระโดดเข้าไปในหลุมพรางที่หวางเย๋ขุดไว้ตรง ๆ ทำให้ตอนนี้เขาต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำ

“เหว่ยเจี๋ย แกกลับมาขอโทษต่อ ต้องทำให้เขาพอใจให้ได้ ไม่อย่างนั้นแกก็ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว”

ในตอนนี้เอง จ้าวเหลยก็ได้เดินเข้ามาและกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด: “วันนี้เป็นพิธีฝังศพของตระกูลผม หวังว่าทั้งสองตระกูลจะเห็นแก่หน้าผม อย่าก่อเรื่องที่นี่อีกเลย”

หลงเหม่ยซินเองก็ไม่อยากจะให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงพูดกับหวางเย๋: “พอเถอะ อย่าซักไซ้อีกเลย ฉันเองก็ไม่ได้โกรธอะไรมาก”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวางเย๋ก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจอย่างเงียบ ๆ ผู้หญิงคนนี้ใจดีเกินไปจริง ๆ ทว่าภายนอกก็ยังคงยิ้มกล่าว: “ได้ คุณภรรยาว่ายังไงก็ว่าตาม พวกเราไม่เถียงกับพวกเขาแล้ว”

หลี่จื่อเฉิงโมโหจนใบหน้าเขียวคล้ำ แต่ก็ไม่อาจระเบิดออกมาได้ คิดอยู่ภายในใจว่ารอเขาหาของบางอย่างในปีนั้นเจอ ตระกูลหลงบ้าบออะไรนั่นก็ต้องถูกเหยียบไว้ใต้แทบเท้า

สถานการณ์ถูกคลี่คลายอย่างรวดเร็ว พิธีฝังศพดำเนินการต่อไป เพียงแต่เนื่องจากเหตุการณ์ในเมื่อสักครู่ บรรยากาศภายในห้องโถงเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างขึ้นมาแม้ว่าจะมีผู้คนมากมาย แต่คนที่พูดคุยกันนั้นน้อยมาก

เวลาประมาณ 16 นาฬิกา 15 นาที หลังจากที่ร่วมเป็นพยานในการเอาหีบลงหลุมนับสามสิบกว่าหีบ หลงเหม่ยซินและหวางเย๋ก็ได้จากมา

ระหว่างทางกลับบ้าน หลงเหม่ยซินได้รับข้อความฉบับหนึ่ง ใบหน้าเล็ก ๆ ที่เคร่งเครียดมาโดยตลอดนั้นถึงได้ดูมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย เธอรีบกล่าวกับหวางเย๋: “เมื่อกี้ประธานไมค์แห่งไมค์กรุ๊ปบอกว่าพิธีลงนามร่วมมือทางธุรกิจกำหนดจัดในวันพรุ่งนี้ พอถึงตอนนั้นจะมีการเชิญสื่อจำนวนมากมาร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลานี้ร่วมกัน ในที่สุดก็มีเรื่องดี ๆ พอให้ฉันดีใจสักเรื่องแล้ว”

พูดไปพลางยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

ทำให้หวางเย๋ถึงขนาดมองดูอย่างลุ่มหลง ผู้หญิงสวยยิ้มออกมายิ่งสวยกว่าเดิมจริง ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel