บทที่ 15 ถูกขวางประตู
ในที่สุด ภายใต้สายตาที่พร้อมตะครุบเยื่อของทุกคน ผู้ชายท่าทางไม่ธรรมดาคนหนึ่งก็ได้เดินขึ้นมา
ผู้คนไม่น้อยต่างมองดูผู้ชายคนนี้ และทอดถอนใจอย่างเงียบ ๆ ว่าตัวเองไม่มีโอกาสแล้ว
เพียงแค่ทั้งตัวสวมชุดสั่งตัดจากอาร์มานี่และนาฬิกาปาเต็ก ฟิลิปป์รุ่นใหม่ล่าสุดนั่น เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าฐานะของอีกฝ่ายเหนือกว่า จะต้องเป็นคุณชายของตระกูลใหญ่ท่านหนึ่งแน่ เพียงแค่จุดนี้พวกเขาก็ถูกทิ้งห่างไม่เห็นแม้ฝุ่นแล้ว
ที่สำคัญผู้ชายคนนั้นยังหน้าตาหล่อเหลา แบบฉบับของความทั้งหล่อทั้งรวย
“คนสวย มาคนเดียวเหรอ?”
หญิงสาวได้ยินดังนั้น ก็วางแว่นกันแดดลงเล็กน้อย เมื่อดวงตาที่งดงามมองอีกฝ่าย ก็ได้ปรากฏรอยยิ้มขี้เล่นออกมา “ใช่ค่ะ สุดหล่อ!”
เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็แอบได้ใจ เขารู้ว่าการแต่งตัวและหน้าตาของเขาเพียงพอที่จะทำให้ผู้หญิงมากมายหัวใจเต้นแรง เห็นได้ชัดว่าสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เริ่มมีความรู้สึกดีกับตัวเองแล้ว
เพียงแค่เขาใช้แผนอีกเล็กน้อย พาขึ้นเตียงก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น แต่ที่ผู้ชายไม่รู้ก็คือ ผู้หญิงที่เขากำลังตอแยอยู่นั้นคือจิ้งจอกพันหน้าที่ทำให้คนทั่วทั้งโลกแห่งนักฆ่าหวาดผวาเมื่อได้ยินชื่อ คือหงส์แดงหนึ่งในผู้คุมกฎแห่งองค์กรฮั๋ว
ถ้าเขารู้ละก็ต่อให้เขากล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าเข้าไปตอแย แต่น่าเสียดายมันสายเกินไปแล้ว
เนื่องด้วยหวางเย๋ได้แต่งานกับหลงเหม่ยซิน ทำให้หงส์แดงเก็บความโมโหเอาไว้เต็มท้อง อยากจะฆ่าคนเอามาก ๆ
“คนสวย คุณมาเที่ยวเมืองจินห่ายสินะ? ถ้าไม่รังเกียจ ผมเป็นไกด์ให้คุณได้”
“ไม่รังเกียจ สุดหล่อดีแบบนี้ ฉันจะรังเกียจได้ยังไง?”
......
สวนหมิงแห่งจินห่ายเป็นเขตสุสานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง ตระกูลใหญ่มากมายเมื่อมีคนในครอบครัวเสียชีวิตล้วนเลือกที่จะฝังไว้ที่นี่ และงานศพของตระกูลจ้าวนั้นก็ได้จัดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ของสวนหมิงนั่นเอง
เรื่องตระกูลเจ้าถูกฆ่าล้างตระกูลในครั้งนี้นั้นได้สั่นคลอนไปทั่วทั้งเมืองจินห่ายแล้ว ตระกูลใหญ่หลายตระกูลต่างได้สืบหาสาเหตุ แต่สุดท้ายกลับไม่พบอะไรเลย รู้เพียงว่าตระกูลจ้าวได้ล่วงเกินบุคคลใหญ่โตท่านหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้
ตระกูลเจ้าถูกข้ายกครัว เหลือจ้าวเหลยเพียงคนเดียว
งานศพที่จัดในวัน หลายตระกูลที่มีการติดต่อทางธุรกิจกับตระกูลเจ้าต่างส่งคนมาแสดงความเสียใจ ส่วนหลงเหม่ยซินและหวางเย๋เองก็กำลังแสดงบทบาทเช่นนั้น
เพียงแค่ระหว่างทางที่มา แม้ว่าทั้งสองคนจะนั่งในรถคันเดียวกัน แต่กลับคุยกันน้อยมาก
มาจนถึงวันนี้ หลงเหม่ยซินก็ไม่อาจลืมภาพเหตุการณ์ที่เกินขึ้นด้านล่างบริษัท ที่ศีรษะของชายร่างอ้วนคนนั้นกลิ้งมาอยู่ที่ด้านหน้าของเธอ สองตาเบิกโพลง จ้องมองเธอด้วยสายตาดุร้ายแฝงไปด้วยความไม่ยอมแพ้
เมื่อนึกถึงความเหน็บหนาวก็เกิดขึ้นมาในใจของเธอ
“หวางเย๋ ฉันรู้ว่าเรื่องในวันนั้นคุณไม่มีทางเลือก แต่ฉันขอถามคุณ ตระกูลจ้าวถูกฆ่ายกครัว ใช่ฝีมือของคุณหรือเปล่า?” ดวงตาทั้งสองข้างของหลงเหม่ยซินจ้องมองหวางเย๋ เธอต้องการคำตอบ
แต่เมื่อพูดออกไป เธอก็กลัวที่จะได้ยินคำตอบในเชิงยอมรับ จากนี้ไปก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับหวางเย๋ยังไงดี
เมื่อได้ยินคำพูดนี้หวางเย๋ก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เขาได้อยู่ที่ข้างกายหลงเหม่ยซินมาระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนจะยังอยู่ในขั้นที่ไม่ดีและก็ไม่เลว แต่ทำไมเธอถึงได้คิดว่าเป็นคนโหดเหี้ยมแบบนั้น?
ถึงแม้ว่าฟังดูแล้วจะเป็นเหมือนการกระทำของเขา แต่เขาและตระกูลจ้าวไม่ได้มีความแค้นใหญ่หลวงอะไร
เมื่อเห็นหลงเหม่ยซินที่มีท่าทางอึดอัด หวางเย๋ก็ชะงัก และถามกลับ: “เหม่ยซิน ถ้าหากวันนั้นหลงอ้าวเทียนเป็นคนฆ่าสองคนนั้น คุณจะถามคำพูดเมื่อกี้ต่อฟหน้าของเขาไหม?”
หลงเหม่ยซินกัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
ภายในรถเงียบไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นบรรยากาศเช่นนี้ หวางเย๋ทอดถอนใจอย่างเงียบ ๆ และไม่ถามอะไรมากอีก
ดีที่ไม่นานเท่าไหร่ ก็ได้มาถึงจุดหมาย ที่ประตูสวนหมิงได้มีผู้คนอยู่เต็มไปหมด ส่วนมากเป็นประชาชนที่มามุงดู พวกเขาต่างอยากจะรู้ว่าเป็นคนตระกูลไหนได้เสียชีวิต ถึงได้ดูใหญ่โตเช่นนี้
หวางเย๋ขับหาที่จอดรถและจอดลง ลงจากรถและเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมัว แววตาดูเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย ปากก็บ่นพึมพำ: “วันนี้ถูกกำหนดให้เป็นวันที่ไม่ปกติ”
ทั้งสองคนพึ่งลงจากรถก็ได้ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย หลัก ๆ แล้วยังคงเป็นเพราะหลงเหม่ยซิน วันนี้เธอสวมชุดทางการสีดำทั้งตัว บวกกับใบหน้าที่เปรียบเสมือนบัวแย้มน้ำของเธอ รัศมีอันสง่างามกดทับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นไปภายในพริบตา
“นี่ นั่นคือเหม่ยซินสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองจินห่าย โดดเด่นมากจริง ๆ”
“ไม่เคยเจอผู้หญิงที่สวยแบบนี้มาก่อนเลย!”
“ผู้ชายที่เดินอยู่ข้างเธอเป็นใครกัน?”
หวางเย๋แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกไทยมุงเหล่านั้น หลังจากที่แต่งเข้าบ้านเขาก็ได้ฟังมาจนหูแทบจะเป็นหนอนอยู่แล้ว พวกเขาก็แค่อิจฉาตาร้อนเท่านั้นเอง
เมื่อเดินมาถึงประตู กลับถูกขวางเอาไว้
“ที่นี่ไม่ต้อนรับคนตระกูลหลง รีบออกไปซะ!” ชายในชุดสูทสีดำ มีดอกไม้สีขาวเหน็บที่หน้าอกคนหนึ่งตะโกนขึ้น
เสียงนี้ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดสนใจของผู้คน
หลงเหม่ยซินขมวดคิ้ว และกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: “สวัสดีค่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลงและตระกูลเจ้าไม่เลว มีการร่วมมือทางธุรกิจกันมากมาย ทำไมถึงไม่ให้พวกเราเข้าไปล่ะคะ?”
ส่วนหวางเย๋นั้นได้หรี่ตาพิจารณาดูผู้ชายคนนั้น สายตาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“หึ ความสัมพันธ์ไม่เลวงั้นเหรอ?” ชายคนนั้นทำเสียงหึอย่างเย็นชา จากนั้นก็กล่าวอย่างมพอใจ: “เธออย่ามาทำเป็นแมวร้องไห้แสร้งเป็นเห็นใจหนูอยู่ที่นี่เลย ทุกตระกูลในเมืองจินห่ายต่างก็รู้ดี พวกนายท่านทั้งหมดล้วนถูกตระกูลหลงของพวกแกฆ่าตาย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั่วทั้งบริเวณก็อื้ออึงขึ้นมาทันที
หลงเหม่ยซินสีหน้าเปลี่ยนไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ไม่มีหลักฐานคุณพูดเหลวไหลอะไร ทางตำรวจยังไม่ทันได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเลย คุณถืออะไรถึงได้เอาเรื่องนี้มาโยนใส่หัวตระกูลหลงขอเรา? "
ชายคนนั้นหัวเราะเยาะหนึ่งครั้ง เสียงดังขึ้นมาไม่น้อย “ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าตระกูลหลงของพวกเธออำนาจล้นฟ้า แค่จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถปิดหูปิดตาผู้คนได้แล้ว แต่ว่าครั้งนี้พวกแกรอดไปได้ แต่ก็คงหนีได้ไม่ตลอดชีวิต ต้องมีสักวันที่สวรรค์จะจัดการพวกแก”
หลังจากที่ได้พูดแบบนั้น สายตาของผู้คนที่อยู่โดยรอบใช้มองหลงเหม่ยซินและหวางเย๋ก็เปลี่ยนไป แฝงไปด้วยความดูถูกและการประณามอย่างรุนแรง ราวกับกำลังมองฆาตกรสองคนอยู่ แต่ก็กลัวอิทธิพลของตระกูลหลง เลยไม่มีใครกล้าพูดอะไร
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ในดวงตาของชายคนนั้นก็ปรากฏแววความได้ใจที่สังเกตเห็นได้ยากขึ้นมา แต่ก็ถูกหวางเย๋จับได้โดยบังเอิญ
“สรุปก็คือวันนี้ทุกคนสามารถมาร่วมงานศพของตระกูลจ้าวของเราได้ แต่ตระกูลหลงของพวกแกไม่ได้ รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไม่เกรงใจแล้วนะ” ชายคนนั้นกล่าวไปพลางจะเข้ามาผลักหลงเหม่ยซิน ในสายตายังแฝงไปด้วยราคะเล็กน้อย
หวางเย๋เห็นมือของอีกฝ่ายกำลังจะสัมผัสโดนตัวหลงเหม่ยซิน ก็รีบเดินขึ้นไปด้านหน้าและตีอย่างแรง พลางกล่าวด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ: “เหอะ ๆ ดูแกพูดซะเป็นตุเป็นตะแบบนี้ พูดอย่างทุ่มเทเช่นนี้ ดูแล้วคงรับเงินมาไม่น้อยสินะ”
เมื่อชายคนนั้นได้ยินเช่นนี้สายตาก็กะพริบแว็บหนึ่ง พลางกล่าวด้วยความโมโหทันที: “แกหมายความว่ายังไง?”
เดิมทีหวางเย๋ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นปฏิกิริยาก็มั่นใจขึ้นมาทันที หมอนี่เป็นคนที่หลงอ้าวเทียนส่งมา
มิน่าถึงได้บอกให้เขามาด้วย ที่แท้ก็มีแผนแบบนี้นี่เอง แต่ว่าหลงอ้าวเทียนมองฉันหวางเย๋ต่ำไปเสียแล้ว ฉันใช่คนที่จะถูกแผนที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้จัดการได้ง่าย ๆ เหรอ?
