บท
ตั้งค่า

บทที่ 14 แพะรับบาป

ไม่นาน เวลาสิบห้านาทีก็ได้ผ่านไป

หลังจากที่หวางเย๋เอาเข็มเงินออกจนหมดและเก็เข้าที่เรียบร้อย เขามองดูหวางเจี๋ยฟ่าง แม้ว่าบนหน้าผากจะมีเหงื่อไหลออกมาไม่น้อย แต่สีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนหน้านี้มากอย่างเห็นได้ชัด เหมือนว่าได้มีน้ำมีนวลขึ้นมาไม่น้อย

“คุณปู่ครับ หลังจากวันนี้แล้วค่อยฝังเข็มอีกสองครั้ง อาการป่วยของอาจารย์ก็น่าจะหายดีแล้ว” หลังจากที่หวางเย๋จับชีพจรเสร็จ ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

หวางเจี๋ยฟ่างสวมเสื้อเรียบร้อย ปรากฏรอยยิ้มชื่นใจออกมา พยักหน้า: “คิดไม่ถึงว่าหวางเย๋อายุยังน้อย ฝีมือการรักษากลับยอดเยี่ยมแบบนี้ อาการป่วยของฉันเคยได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่าป่วยร้ายแรงเชียวนะ”

กล่าวจบ ในสมองของเขาพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาชะงัก

“หวางเย่ หลายวันก่อนนายบอกว่าเป็นหลานชายของสหายเก่าคนหนึ่งของฉัน พูดให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ไหม?”

ฟังมาถึงตรงนี้ หวางเย๋อดไม่ได้ที่จะลังเล ถ้าหากพูดไปแบบนี้แล้วเกรงว่าจะนำปัญหาที่ไม่จำเป็นมาให้หวางเจี๋ยฟ่าง แต่ถ้าหากไม่พูด เขาก็จะไม่สามารถทราบเบาะแสเพิ่มเติมได้

“คุณปู่ เรื่องนี้ตอนนี้ผมยังบอกไม่ได้ ทำแบบนี้ก็เพื่อพวกท่าน รอเมื่อถึงโอกาสที่เหมาะสมแล้วผมจะบอกกับท่านอย่างละเอียด” หวางเย๋คิดดูแล้วยังคงเห็นว่าปิดบังไว้ก่อนจะเป็นการดี ให้สถานการณ์ตรงหน้ามั่นคงก่อนแล้วค่อยว่า

แม้ว่าในดวงตาของหวางเจี๋ยฟ่างจะมีความสงสัยปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หายไป ตัวเองและหลานสาวนั้นไม่มีสมบัติติดกายแล้ว ไม่มีอะไรให้คนอื่นต้องอยากได้ เช่นนี้แล้วดูเหมือนว่าหวางเย๋จะเป็นลูกหลานของเพื่อนเก่าจริง ๆ

แต่จะเป็นสหายเก่าของเขาคนไหนกันนะ?

หลังจากที่คุยกันสักพัก หวางเยียนหรานก็เสนอตัวเป็นคนไปทำอาหารเที่ยงที่ห้องครัวเอง

รอหลังจากเธอออกไป หวางเย๋ได้มองเห็นท่าทางว่ามีอะไรจะขอร้องจากสายตาของหวางเจี๋ยฟ่าง เอายิ้มอ่อน ๆ : “คุณปู่ มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะครับ กับผมไม่ต้องระวังอะไร”

หวางเจี๋ยฟ่างมองไปทางห้องครัว และกล่าวเสียงเบา: “หวางเย๋ ฉันรู้ว่านายช่วยพวกเราหลายอย่าง ตามหลักแล้วฉันไม่ควรจะรบกวนอะไรนายอีก แต่เรื่องเกี่ยวข้องกับเยียนหราน ฉันจำเป็นต้องพูด......”

หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจแล้ว หวางเย๋ถึงรู้ว่าใกล้ถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว เป็นธรรมดาที่หวางเยียนหรานจะคอยอยู่กับหวางเจี๋ยฟ่างตลอดเวลาไม่ได้ ยังต้องไปมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนหนังสือ แต่อยู่ที่เมืองจินห่ายนั้นตระกูลหลิวถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่บ้าง หวางเจี๋ยฟ่างกังวลว่าหลิวตงจะตามไปหาเรื่องถึงมหาลัยฯ

เมื่อฟังจบ หวางเย๋ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณปุ่หมายความว่าให้ผมไปปกป้องเยียนหราน?”

หวางเจี๋ยฟางพยักหน้า ทอดถอนใจกล่าว: “เยียนหรานเด็กคนนี้น่าสงสาร พ่อแม่ของเธอเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก เมื่อก่อนฉันยังพอจะดูแลปกป้องเธอได้ แต่ตอนนี้ฉันแก่มากแล้ว ไร้เรี่ยวแรงที่จะทำตามใจ ฉันทนเห็นอนาคตของเยียนหรานถูกทำลายไม่ได้”

เมื่อเห็นเช่นนี้ หวางเย๋ก็อดสงสารไม่ได้

“ไม่มีปัญหา ผมเคยพูดไว้ว่า จากนี้ไปท่านคือคุณปู่ของผม เยียนหรานแป็นน้องสาวของผม ผมหวังเย๋จะไม่ยอมให้ใครมารังแกน้องสาวของผมอย่างแน่นอน”

หวางเจี๋ยฟ่างเห็นหวางเย๋รับแก ก็ดีใจจนน้ำตาแทบไหลออกมา ลุกขึ้นมาจากโซฟาและจะคุกเข่าลง

“คุณปู่ครับ ท่านอย่าเกรงใจแบบนี้สิ ผมรับมันไม่ไว” หวางเย๋รีบห้ามเอาไว้

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ หวางเย๋ก็บอกลา และเรียกไอ้สกินเฮดมาหาหลังจากที่เดินออกมาแล้ว “รอหลังจากที่หวางเยียนหรานไปเข้าเรียน นายรับผิดชอบส่งคนไปคุ้มครองเธอ ถ้าหากไม่สามารถจัดการได้ก็โทรหาฉัน”

ไอ้สกินเฮดพยักหน้าอย่างจริงจัง “ทราบแล้วครับ คุณผู้ชาย!”

หลังจากที่กลับมาจากคฤหาสน์ หวางเย๋เตรียมจะไปซื้อผักที่ตลาด ตอนเย็นทำอาหารรถเลิศเพื่อเป็นการขอโทษหลงเหม่ยซิน ระหว่างสามีภรรยาจะเย็นชาต่อกันนานเกินไปไม่ได้

ตอนนี้เอง หลงเหม่ยซินก็ได้โทรเข้ามา

หวางเย๋ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นี่ถือว่าสามีภรรยาใจตรงกันหรือเปล่า?

“ฮัลโหล คุณภรรยาตอนเย็นผมจะทำปลาราดน้ำแดงที่คุณชอบให้ทาน ตอนนี้ผมกำลังเตรียมจะออกไปซื้อพอดี”

ถ้าหากให้คนขององค์กรฮั๋วได้ยินเข้าละก็ จะต้องตะลึงตาค้างแน่ ท่านชายผู้น่าเกรงขาม ที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบ ยินยอมที่จะเข้าครัวเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง

แต่ทว่าแบบนี้แล้วกลับไม่ได้รับความรู้สึกดีจากหลงเหม่ยซินเลย

“ช่วงบ่ายวันนี้ตระกูลจ้าวจัดพิธีฝังศพ คุณปู่บอกว่าให้คุณกับฉันไปร่วมงานในฐานะตัวแทนตระกูลหลง คุณกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดที่ดูดีหน่อยก่อน อีกสักพักฉันจะไปรับคุณที่บ้าน”

หลงเหม่ยซินไม่ทราบเรื่องที่หลงอ้าวเทียนสั่งคนไปฆ่าล้างตระกูลจ้าว แต่หวางเย๋ทราบดี แต่ที่เขาสงสัยก็คือคนตระกูลจ้าวได้ตายไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?

“คุณภรรยา หลายวันก่อนตระกูลจ้าวถูกฆ่าล้างตระกูลไม่ใช่เหรอ แล้วใครเป็นคนจัดงานศพกันล่ะ?” หวางเย๋ตามด้วยความสงสัย

พึ่งเอ่ยถาม หลงเหม่ยซินก็ตอบมาทันที: “จ้าวเหลย ได้ยินว่าเขาโชคดีเอาชีวิตรอดมาได้”

จ้าวเหลย?

หวางเย๋ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นชา จิ้งจอกเฒ่าหลงอ้าวเทียนแผนสูงจริง ๆ แกฆ่าคนอื่นยกครัวกลับส่งฉันไปเป็นแพะรับบาปแทน แผนการนี้ร้ายกาจจริง ๆ

ที่ทำให้คนนับถือก็คือ เขายังไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะในนี้มีหลงเหม่ยซินรวมอยู่ด้วย

คิดมาถึงตรงนี้ หวางเย๋ก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาและโทรเข้าไปที่องค์การฮั๋ว “เอลลี่ หงส์แดงบอกไหมว่าจะมาถึงจินห่ายเมื่อไหร่? ทำไมช้าแบบนี้!”

เอลลี่ที่อยู่อีกฝั่งรีบเอ่ยตอบทันที: “ไม่ทราบค่ะ ตอนที่ฉันแจ้งเธอไป เธอพูดเพียงว่าทราบแล้ว พอฉันติดต่อไปหลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวแล้ว”

“ได้ ฉันรู้แล้ว เธอจับตาดูความเคลื่อนไหวของเมืองจินห่ายให้ดี” หวางเย๋ขมวดคิ้วและวางโทรศัพท์ไป

มังกรเขียว เสือขาว เต่าดำ หงส์แดงเดิมที่เป็นเทพทั้งสี่ทิศในตำนานโบราณ เป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง สามารถรักษาความสงบสุขให้กับสถานที่แห่งหนึ่งได้ อยู่ในองค์กรฮั๋วได้กลายเป็นบุคคลที่ร้ายกาจสี่คน

ก่อนหน้านั้นทั้งสี่คนนี้ล้วนเป็นผู้ที่ฝีมือโดดเด่นของแต่ละพื้นที่ ต่อมาได้ถูกอาจารย์ของหวางเย๋รับเข้ามาอยู่ใต้บังคับบัญชา จากนั้นหวางเย๋ได้ใช้ความสามารถอันแข็งแกร่งของตัวเองทำให้พวกเขาศิโรราบ คนอื่น ๆ สามคนนั้นค่อนข้างจะฟังคำสั่งหวางเย๋

มีเพียงหงส์แดงคนนี้ที่ทำให้หวางเย๋ค่อนข้างจะปวดหัว มักไม่ฟังคำสั่งอยู่บ่อยครั้ง แถมยังมักล้อเล่นกับเขา

ที่น่าโมโหที่สุดก็คือหวางเย๋ไม่สามารถทำอะไรเธอได้เลย เพราะไม่เคยมีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหงส์แดงมาก่อน นอกจากนี้แล้วหงส์แดงยังได้สำเร็จภารกิจมากมายที่แสนอันตรายขององค์กรฮั๋ว ถ้าหากหวางเย๋คิดจะลงโทษเธอให้ได้ จะต้องทำให้คนบางจำนวนในองค์กรไม่พอใจแน่

ไม่ว่าจะยังไงหงส์แดงก็เป็นผู้หญิง หวางเย๋ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับผู้หญิงอย่างไรดีแต่ไหนมา

“หงส์แดง ทางที่ดีเธออย่าทำให้เสียเรื่อง ไม่งั้นครั้งนี้ฉันจะโมโหจริง ๆ แล้วนะ” แววตาของหวางเย๋เย็นชาลง เขาพูดกับตัวเอง

......

ณ เที่ยวบินไปจินห่าย

สายตาของผู้ชายทุกคนที่อยู่ในห้องโดยสารจับจ้องไปที่หญิงที่นั่งอยู่บนที่นั่งริมทางเดิน เพียงเพราะผู้หญิงคนนี้นั้นสะดุดตาจนเกินไป ผมสีทองม้วนลอนใหญ่ ใบหน้าที่มีเสน่ห์ รวมทั้งภูเขาสองลูกที่ตั้งตระง่านนั้นเพียงพอให้ผู้ชายทุกคนน้ำลายไหล

“นังปีศาจ นังปีศาจชัด ๆ” ผู้หญิงคนหนึ่งเห็นสามีของตัวมองอีกฝ่ายอยู่ไม่หยุด ในสายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความริษยา

ทุกการกระทำของหญิงสาวคนนั้นส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ชายทุกคน มีบางคนที่ใช้การเข้าห้องน้ำเป็นข้ออ้าง เดินผ่านเธออยู่หลายครั้ง หวังว่าจะสามารถดึงดูดความสนใจจากเธอได้

แต่ไม่มีใครประสบความสำเร็จเลยสักคน ดวงตาคู่นั้นจับจ้องรูปถ่ายแผ่นหนึ่งอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยละสายตาไปมองผู้ชายคนอื่นเลยสักครั้ง

ภาพถ่ายใจนั้นคือรูปแต่งงานของหวางเย่และหลงเหม่ยซินนั่นเอง!

“ท่านชายนี่เป็นความผิดของท่านเองนะ หม่อมฉันแค่ออกไปเที่ยวเล่นระยะหนึ่งเท่านั้น ท่านก็มีผู้หญิงคนอื่นเสียแล้ว” น้ำเสียงของหญิงสาวมีความขุ่นเคืองเล็กน้อย พึมพำกับตัวเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel