บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เป็นใบ้เหรอคะ

“ให้ตายสิ ซวยอะไรได้ขนาดนี้” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ก่อนสะดุ้งตัวโหยงหลังจากมือหนาเข้ามาแตะที่ไหล่

“คุณเป็นใคร” ชายหนุ่มยืนนิ่งสำรวจร่างเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาค่อนข้างมั่นใจว่าไม่เคยพบหน้าหญิงสาวคนนี้มาก่อน

“คือ..ฉัน...คือ...” ดารินพยายามนึกหาคำแก้ตัวให้เร็วที่สุด ดวงตาใสกลอกกลิ้งไปมาบวกกับเม็ดเหงื่อที่แซมไรผม

“ว่าไงครับ” คนรอฟังเดินเข้ามาใกล้ในระยะประชิด กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้หัวใจของรินดาเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไม่มีอะไรค่ะ พนักงานคนนั้นเธอเข้าใจผิด ฉันไม่ได้มาหาคุณ แต่ฉันมาหาเขมกร ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะ” หญิงสาวรู้ตัวว่าใกล้จนมุม จึงรวบรวมความกล้าเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยดวงตามุ่งมั่น ก่อนที่พชรนัยจะชี้มือตรงไปยังห้องด้านข้างที่ปิดอยู่ หญิงสาวไม่พูดพร่ำ หันเดินดุ่มๆ ตรงไปยังห้องที่ว่าทันที ภาพการตายของบิดา และหนังสือทวงหนี้จากนายเขมกรนั้นยังจำติดตาไม่อาจลืมเลือน เธอจะต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้บ้านถูกขายทอดตลาด

“คุณชื่อเขมกรใช่ไหมคะ ช่วยทำเรื่องถอนบังคับคดีให้ดิฉันด้วยค่ะ” ดารินพรวดเข้าไปพลางวางเอกสารในมือลงตรงหน้าชายหนุ่ม ดวงตากลมไหวระริกด้วยความโกรธจ้องมองผู้บริหารราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทว่าทุกอย่างดูเงียบสนิทผิดปกติ เขาไม่มีท่าทีใดๆ ตอบกลับ ได้แต่นิ่งเฉยมองเอกสารตรงหน้า

“เป็นใบ้หรือคะ” ดารินถาม ทว่าความเงียบนั้นทำให้หญิงสาวเกิดเอะใจ จึงเงยหน้ามองไปรอบๆ ดวงตาเล็กเบิกกว้างลมแทบจับ เธอพบกับสายตานับสิบจากบรรดาผู้ถือหุ้นที่กำลังประชุมงานกันอยู่ ทุกคนต่างมองเธอเป็นจุดเดียวกัน

“ตุบ” อยู่ๆ ร่างเล็กก็ออกมากองอยู่หน้าบริษัทยักษ์ใหญ่ หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วปัดเศษฝุ่นตามเนื้อตามตัวออก

“ฉันไม่ใช่หมูใช่หมา ที่คิดจะมาทำอะไรก็ได้ นึกจะโยนก็โยน ไม่คิดว่าคนอื่นจะเจ็บเป็นบ้างหรือไง” ร่างเล็กตะโกนโวยวาย ทำให้คนที่ผ่านไปมามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ

“นึกว่าเป็นผู้บริหารของบริษัทใหญ่โต จะรังแกคนจนไม่มีทางสู้เหรอ ฉันไม่ยอมหรอกนะไอ้คุณเขม นายหน้าเลือดรังแกคนจน” หญิงสาวมุ่ยหน้าต่อว่าต่างๆ นาๆ

“พูดจบหรือยัง? ไปได้แล้ว หรือจะให้ผมเรียกตำรวจ” รปภ.คนเดิมตะโกนถาม และนั่นทำให้หญิงสาวตัดสินใจเดินออกจากบริษัทนั้นมาอย่างไม่เต็มใจ คนตัวเล็กเดินออกมาเรื่อยๆ พยายามหาทางเพื่อที่จะรักษาบ้านหลักแรกของพ่อกับแม่เอาไว้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เดียวที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจมารดาไม่ให้อาการทรุดลงไปอีก อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลอย่างไม่ต้องบังคับ เมื่อทบทวนแล้วยิ่งมองไม่เห็นทางออก เธอพึ่งโดนเขาโยนออกมาจากบริษัทหมาดๆ

“ติ๊ดๆ” เสียงมือถือดังขึ้น หญิงสาวล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วกดดู

“ค่ะแม่”

“วันนี้เลิกงานดึกไหมลูก กลับมากี่โมงแม่จะได้เตรียมอาหารไว้ให้”

“ไม่ดึกค่ะแม่” หลังจากวางสายมารดาไป ดารินรู้สึกหมดหนทาง บริษัทเก่าพึ่งปลดพนักงานออก และหนึ่งในนั้นคือเธอเอง ดารินยกมือขึ้นกุมศีรษะ ดวงตาแดงก่ำ ทุกอย่างผสมปนเปเข้ามาที่เธอทุกทาง ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาตรวจนับเงินในกระเป๋าที่เหลืออยู่น้อยนิด หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะพับกระเป๋าเงินเก็บเข้ากระเป๋าไป

สายตาของผู้ถือหุ้นหันมองเขมกรเป็นตาเดียวหลังจากหญิงสาวปริศนาถูก รปภ.ลากหายวับไป ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจยาว ด้วยความหน่ายใจ

“ใครกัน ทะเล่อทะล่าเข้าไปในห้องประชุมผู้ถือหุ้น” หญิงสาวใส่แว่นหนาหันไปพูดกับเพื่อนอย่างสงสัย พชรนัยนึกถึงหญิงสาวที่พึ่งตะโกนโวยวาย ถูกลากผ่านหน้าไป พนักงานทุกคนในห้องทำงานจะจ้องมองภาพเหตุการณ์ประหลาดเป็นตาเดียวกัน เขาสลัดภาพในหัวทิ้ง แล้วลงมายังชั้นล่างเพื่อถามความเป็นมาจากพนักงานสาวคนเดิม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel