บทที่ 11 ใครมาส่ง
“ก็แหงล่ะ คุณให้เป็นความลับ แล้วจะกล้าให้ใครมารับฉันได้ล่ะคะ” ดารินยังคงเถียงฉอดๆ
“ก็กะว่าจะให้พชรนัยมารับ...แต่วันนี้เขาคงไม่ว่าง” ดารินเบิกตาโพลงหลังจากได้ยินชื่อพ่อลีจงซอกเมืองไทย
“แปลว่า ถ้าคุณไม่ว่าง จะเป็นคุณพชรนัยมารับฉันหรือคะ” หญิงสาวดวงตาเป็นประกายแวววาวมีความหมาย ก่อนเขมกรพยักหน้า
“บ้านคุณอยู่ไหน จะได้ไปส่ง” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยถาม
“ตรงไปก่อนค่ะ”
“หนาวหรอ” มือหนาเอื้อมไปลดอุณหภูมิลงให้ หลังจากสังเกตเห็นอาการสั่นเล็กๆ จากตัวหญิงสาว ก่อนจะตีไฟเลี้ยวเข้าเทียบถนน
“จอดรถทำไมคะ” ดวงตากลมถามอย่างสงสัย ก่อนที่เขมกรจะหันไปยังด้านหลัง ควานหาเสื้อสูทที่วางทิ้งไว้มาคลุมให้
“จะทำอะไรคะ” ร่างเล็กเบี่ยงตัวออก มือหนาคว้าตัวไว้ให้อยู่นิ่ง ก่อนจะคลุมเสื้อให้เข้าที่
“เดี๋ยวก็ไม่สบาย คลุมไว้ก่อน อย่าพึ่งเอาออก” คำสั่งของชายหนุ่มทำให้หัวใจของดารินเต้นรัวถี่ น้ำคำแสนอบอุ่นนั้น อย่างกับซีรีส์เกาหลีไม่มีผิด ซารางเฮ..
“ไม่นะ ฉันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ จะใจเต้นแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ลีจงซอก ช่วยด้วย”
“อะไรซุกนะ คุณซุกอะไร” ชายหนุ่มได้ยินไม่ถนัดนัก จึงหันใบหน้าหล่อเหลามาถามหญิงสาว ด้วยอาการงุนงง เพียงสบตาเท่านั้น ดารินยิ่งหัวใจเต้นแรงเป็นทวีคูณ ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วส่ายศีรษะไปมาอย่างรวดเร็วเป็นการปฏิเสธ มือบางจับเสื้อไว้แน่นด้วยเพราะอาการเกร็งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พึ่งรู้ว่านอกจากพชรนัยแล้ว ยังมีเขมกรที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวได้ขนาดนี้
“เอ่อ..ผมลืมแจ้งให้คุณทราบ ว่าคุณรัตนาหัวโบราณมาก การที่คุณใส่กระโปรงสั้นแบบนี้ไปหา ผมว่าไม่เหมาะ”
“แล้วทำไมคุณไม่บอกฉัน”
“ก็คิดว่าจะเอาตัวรอดได้”
“คุณเลิกพูดคำนี้ซะทีได้ไหมคะ คุณดูสภาพฉันสิ เอาตัวรอดได้งี้” หญิงสาวชี้มาที่ใบหน้าของตัวเอง พลางมุ่ยหน้าไม่สบอารมณ์เช่นเดิม
“เอาน่า...ถือว่าวันนี้ได้เรียนรู้ ว่าคุณรัตนาเป็นคนยังไง คราวหลังจะได้เตรียมตัวรับมือได้” ไม่นานนักเสียงมือถือของเขมกรดังขึ้น เป็นเบอร์โทรของเบลล่า เขารีบกดรับทันทีไม่รอช้า
“ครับเบล” ดารินนั่งฟังการสนทนาเงียบๆ
“เบลลืมบอกคุณไปน่ะค่ะ ว่าเบลกำลังจะเปิดห้องเสื้อ เป็นแบรนด์ที่เบลกับเพื่อนทำร่วมกัน”
“จริงหรือครับ ดีใจด้วยนะ” ดารินมองรอยยิ้มของชายหนุ่ม หากตัดเรื่องเสื้อผ้า รถหรู หรือฐานะออกไปแล้ว เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ทั่วๆ ไป รอยยิ้มของเขมกรดูบริสุทธิ์ ก่อนชายหนุ่มจะกดวางไป แล้วเลื่อนสายตาคมมาสบตากับเธอ
“มองผมแบบนั้น คิดอะไรอีก ต่อว่าผมในใจสักอย่างใช่ไหม” ดารินหลุดยิ้ม
“แสนรู้”
“หลายครั้งแล้วนะ อย่าลืมว่าผมเป็นผู้บริหาร”
“คุณก็อย่าลืม ว่าฉันมาเพื่ออะไร ไม่ได้เป็นลูกจ้างคุณตลอดไปเสียหน่อย ถ้างานสำเร็จฉันก็ไปตามทางของฉัน เราต่างก็มีผมประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น” เขมกรพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่หญิงสาวพูดทุกประการ เขาแค่ต้องการที่ผืนนั้น ส่วนเธอต้องการให้เขาถอนบังคับคดี หลังจากใช้เวลาไม่นานนัก รถหรูก็จอดเข้าเทียบประตูหน้าบ้านของดาริน เขมกรสังเกตดูหมู่บ้านอย่างสนใจ
“นี่หรอ ที่คุณบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านรัก ที่กำลังจะถูกยึด” ดารินวาดตามอง ก่อนจะพยักหน้า แล้วเปิดประตูออก
“สูทนี้ เดี๋ยวฉันซักแล้วเอามาคืนนะคะเจ้านาย” เขมกรพยักหน้า ก่อนที่ดารินทำท่าจะปิดประตู
“เดี๋ยวก่อน อย่าลืมทานยาด้วยล่ะ ผมเห็นคุณนั่งตัวสั่นตลอดทาง เดี๋ยวจะไม่สบาย” คำพูดแสนอบอุ่นของชายหนุ่ม ปักเข้ากลางใจของดาริน ทำให้หัวใจเต้นแรงเป็นรอบที่สอง ภายใต้ความเข้มงวดนั้น ทำไมถึงอ่อนโยนได้ขนาดนี้ หลังจากที่ดารินปิดประตูรถแล้วยืนส่งรถหรูแล่นออกไป เธอจับเสื้อสูทแน่น แล้วหันเดินเข้าบ้าน
“ใครมาส่งหรือลูก” ดารินชะงักเล็กน้อยไม่คิดว่ามารดายืนมองอยู่
“อ่อ..เจ้านายน่ะค่ะ” ดารินปั้นหน้ายิ้มแล้วตอบตามความเป็นจริง
“แล้วทำไมตัวเปียกแบบนั้น” ดวงตาของผู้เป็นมารดาเบิกกว้าง หลังจากเห็นสภาพของลูกสาวเปียกปอนยุ่งเหยิง
“เรื่องมันยาวน่ะค่ะ เดี๋ยวรินจะเล่าให้ฟังนะคะ แต่ขอรินไปเปลี่ยนชุดก่อน รินหนาวมาก”
“ปะๆ เข้าบ้าน” มารดาพยักหน้าแล้วรีบเข้ามาประคองตัวลูกสาวเข้าบ้านไป ดารินอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนชุดเสร็จ จึงเดินเอาผ้าขนหนูเช็ดที่ศีรษะแล้วเข้ามานั่งที่เตียงนอน พินิจหัวใจตัวเองอย่างแปลกประหลาด
