ตอนที่ 2.2 ระบบไวท์!
และหลังจากนั้นฉันก็ใช้ทักษะติดตัว สัญชาตญาณเพื่อหาอัญมณีและสิ่งมีค่าแพงๆมาเก็บรวมกันเอาไว้ เพราะฉันคิดว่าในอนาคตคงได้ใช้มันแน่ๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของฉันตอนนี้น่าจะเป็นอาหาร เพราะฉันเริ่มรู้สึกหิวแล้ว แต่ถึงแบบนั้นฉันก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ทางเดิมได้เพราะมีเจ้าออร์คหน้าโง่นั่นอยู่ และฉันก็ไม่มั่นใจด้วยว่าถ้าออกไปแล้วจะใช้กุญแจนั่นเข้ามาอีกได้หรือเปล่า เพราะกุญแจมันหายไปตั้งแต่ฉันเข้ามาในห้องสมบัติแล้ว
“มันต้องไอนั่นสินะ…”
“หิวหิวหิวหิวหิวหิว” ฉันพูดออกมาเพื่อส่งความต้องการอันแรงกล้าไปที่ทักษะติดตัว
[เปิดใช้สัญชาตญาณสูงสุด]
ฟุบฟึบฟุบๆ
ฉันวิ่งไปตามสัญชาตญาณของตัวเองและได้พบกับถุงผ้าทรงกลม ซึ่งเมื่อหยิบมันขึ้นมาและลองประเมิณดูก็พบว่าเจ้านี่มันคือกระเป๋ามิติขนาดย่อย ฉันจึงลองเปิดมันดู และเมื่อเปิดเข้าไปก็ได้เห็นหน้าต่างเด้งขึ้นมา ซึ่งน่าจะเป็นรายการสิ่งของที่อยู่ในนั้น มันมีมากกว่ามิติของแรคคูนประมาณสองเท่าเห็นจะได้ และในนี้มันมีทุกอย่างครบไปหมดเลย น้ำ อาหาร ชุดเกราะ อาวุธ เงิน ของอำนวยความสะดวก ราวกับเป็นกระเป๋าของโดเรม่อนยังไงยังงั้นเลยแหละ ฉันจึงไม่ลังเลรีบหยิบขนมปังออกมาก้อนนึงและงั่มๆไป
ถึงแม้ฉันจะไม่ได้นับเวลาจริงๆก็เถอะ แต่เดาว่ามันคงจะใกล้ถึงเวลาแล้วแหละเพราะกำไลไวท์มันเริ่มเปล่งแสงออกมาแล้ว ซึ่งหลังจากที่ฉันกินอะไรเสร็จเรียบร้อยฉันก็พยายามจ้ำจี้จ้ำไชตัวเองเพื่อเรียนรู้ระบบและทักษะของตัวเองไปเรื่อย ถึงแม้จะได้ไวท์คอยแนะนำอยู่แล้วก็เถอะ แต่เผื่อเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นฉันจะได้หาวิธีเอาตัวรอดได้ก่อน แต่ก็ดีที่มันไม่เกิดอะไร และฉันก็ยังได้แอบนอนไปด้วยแล้วตื่นหนึ่ง
เพราะหลังจากที่คิดไปคิดมา ไอ้ออร์คตัวหน้าโง่นั้นมันอาจจะมีพวกอยู่ก็ได้ และถ้ามันบาดเจ็บแบบนั้นมันจะไม่ไปส่งเสียงร้องคำรามไปแจ้งกับออร์คตัวอื่นแล้วหรือไง? เพราะฉายามันคือผู้พิทักษ์ห้องสมบัติ แสดงว่าห้องนี้มันมีความสำคัญกับที่แห่งนี้มาก ฉันก็เลยพยายามระวังตัวและหาที่ซ่อนในห้องนี้อยู่ตลอดเวลา รวมถึงสร้างกับดักอย่างเช่นศรธนูอาบยาพิษ กระแทกหินบางส่วนจนมันมีรอยร้าว กะว่าถ้ามีตัวอะไรมาเดี๋ยวลากเข้าตรงนี้แหละและค่อยหาทางหนีต่อ
“หรือว่ากุญแจนี้มีดอกเดียวเข้าได้ครั้งเดียวจริงๆ?” ฉันกล่าวด้วยความสงสัย แต่อีกไม่นานแล้วล่ะที่ฉันจะได้ทดสอบ
“ไวท์ติดต่อเมเบล” เสียงไวท์ดังขึ้นในหัว
“เมเบลตอบกลับ ไวท์เป็นยังไงบ้าง?” ฉันกล่าวก่อนที่จะมีหน้าต่างระบบแจ้งเตือนขึ้นมา เป็นคำขอให้ฉันยืนยันการรวมระบบไวท์กับระบบของโลกนี้
“เมเบลโปรดเตรียมตัว เมเบลอาจจะวูบไปสักพัก”
“หาที่หลบซ่อนก่อนกดยอมรับ” ไวท์กล่าวเตือนทำให้ฉันรีบไปยังที่หลบซ่อนที่ทำไว้ทันที ซึ่งมันมีผ้าคลุมสะท้อนแสงอยู่ด้วย รวมถึงมีแหวนที่สามารถกลบกลิ่นไอของตัวฉัน ถ้าฉันอยู่ตรงนี้แบบไม่ขยับก็ไม่มีใครหาเจอ
[ยอมรับ]
และเมื่อฉันจิ้มไปที่ข้อความยอมรับ ฉันก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวก่อนจะค่อยๆวูบหลับไป…
“ฮึก…” ฉันรู้สึกตัวสะดุ้งตื่นมาก็พบกับหน้าต่างระบบมากมายตรงหน้า
[ความคล่องแคล่วของแรคคูน]
ร่างกายปรับสมดุลได้ดีเยี่ยม ปีนป่าย เคลื่อนไหวในที่แคบ ม้วนตัว หลบหลีกได้เป็นธรรมชาติ
[สัมผัสกลางคืน]
มองเห็นในความมืดได้ดีกว่าสัตว์ทั่วไป ปรับสายตาตามแสงได้รวดเร็ว
[มือปีศาจ]
ใช้มือหน้าทั้งสองข้างได้ละเอียดราวกับมือมนุษย์ หยิบ จับ ถอดล็อก หรือขโมยของได้อย่างลื่นไหล
[เล็บแรคคูน]
เล็บสั้นแต่แข็งแรง กรีด ทิ่ม ข่วนได้รุนแรงกว่าที่ตาเห็น
[ความเงียบของนักล่า]
การเคลื่อนไหวจะเงียบลงโดยอัตโนมัติเมื่อมีเป้าหมายให้จับตามอง
[กลิ่นตัวปรับระดับ]
สามารถควบคุมกลิ่นตัวให้จางลงในบางสถานการณ์ ลดโอกาสถูกตรวจพบจากมอนสเตอร์
[เลียนแบบพฤติกรรม]
เมื่อเห็นการกระทำซ้ำ ๆ หรือถูกโจมตีหลายครั้ง จะสามารถเลียนแบบทักษะพื้นฐานของเป้าหมายได้ระดับหนึ่ง (เหมาะกับแนวเอาตัวรอดแบบจดจำ) และสามารถใช้เพื่อเรียนรู้ทักษะระดับต่ำจากเป้าหมาย (มนุษย์/มอนสเตอร์) แล้วแปรให้เข้ากับร่างแรคคูน
[เสียงขู่หลอกล่อ]
ส่งเสียงพิเศษเพื่อหลอกศัตรูว่าอยู่ในจำนวนมากกว่าหนึ่ง หรือเสียงดังเกินจริงเพื่อให้ศัตรูลังเล
สกิลติดตัวพิเศษ
[จิตเจ้าเล่ห์ไร้ปรานี]
เพิ่มโอกาสสำเร็จในการหลอกล่อ หลอกใช้ หรือวางแผนซ้อนแผนกับศัตรู และยิ่งศัตรูฉลาดมากเท่าไร โอกาสยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
[โซ่สัญชาตญาณ]
ผูกจิตกับสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่า (สัตว์/มอนสเตอร์เลเวลต่ำกว่า) และโน้มน้าวให้เข้าร่วมได้หากมี “ข้อเสนอ” ที่เหมาะสม
[บันทึกความทรงจำกลิ่น]
เมื่อได้กลิ่นใครสักคน จะจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลานั้นได้แม่นยำกว่าคนทั่วไปมาก
“มันคืออะไร?” ฉันกล่าวถาม เพราะคิดว่าไวท์คงพูดคุยกับฉันได้แล้ว
“มันคือสกิลของแรคคูน หลังจากไวท์ได้รวมกับระบบของตัวตนเมเบล”
“ไวท์ได้ทำการเรียนรู้สกิลและทักษะของแรคคูนให้เมเบลเรียบร้อยแล้ว”
“หลังจากนี้ทุกอย่างจะถูกเปิดใช้เองเมื่อถึงสถานการณ์จำเป็น”
“ซึ่งไวท์จะช่วยเปิดใช้ให้นั่นเอง” ไวท์ตอบกลับก่อนที่ฉันจะยกแขนข้างขวาขึ้นมา
“เป็นอย่างที่เมเบลคิด ตอนนี้ไวท์ได้รวมกับระบบและตัวตนของเมเบล”
“เพราะฉะนั้นไวท์ไม่จำเป็นต้องสิงอยู่ในไอเท็มระดับนัมเบอร์ที่เรียกกว่า อาวุธเนรมิตอีกต่อไป”
“แต่เมเบลสามารถสั่งฉันให้ควบคุมอาวุธนั้นได้ตามสิ่งที่เราทั้งคู่ได้ทำมาในโลกก่อน” ไวท์กล่าว เท่ากับว่าตอนนี้เธออยู่ในจิตใจของฉันเลยแหละ และเธอได้รู้วิธีคิด ภาพความทรงจำต่างๆรวมถึงแผนการของฉันได้ ราวกับได้ตัวฉันมาอีกคนหนึ่งเลย
“ตอนนี้ไวท์รวมเข้ากับระบบแล้ว ไวท์รู้เรื่องของโลกนี้แล้วใช่ไหม?” ฉันกล่าวถามตามความเข้าใจของตัวเอง เพราะระบบถือว่าเป็นรากฐานของโลกนี้เลยแหละ
“ถูกต้อง เมื่อ AI รวมเข้ากับระบบจะกลายเป็นสุดยอดระบบปฏิบัติการพิเศษของเมเบล”
“เมเบลอยากรู้อะไรถามมาได้เลย ไวท์ตอบได้ทั้งหมด” ไว์กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเรื่องแรก…” ฉันเริ่มกล่าวถามทันที…
