เกิดใหม่เป็นแรคคูนกับแผนอันชั่วร้ายในโลกแฟนตาซี

140.0K · ยังไม่จบ
แมลงปอสีดำ
45
บท
150
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

มีคำกล่าวว่า “คนเรามักตายเพราะความผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาที” และในกรณีของฉัน... เสี้ยววินาทีนั้นคือ ตอนที่ระเบิดหลุดมือตู้มใส่หน้าเต็ม ๆ ใช่ ตายเพราะอุบัติเหตุที่ตัวเองสร้างขึ้นมาโดยแท้! “โอเค เมเบล เธอเก่ง เธอสุดยอด แล้วเธอก็โง่ในเวลาเดียวกัน...” นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ฉันพูดกับตัวเองในใจก่อนทุกอย่างดับวูบ . . . ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ฉันคือ เมเบล ครอว์ฟอร์ด แม่ค้าอาวุธเถื่อนระดับโลก เจ้าของฉายา “ราชินีแห่งตลาดมืด” หญิงสาวสุดน่ารัักที่สามารถขายทุกอย่างตั้งแต่มีดพกยันระเบิดนิวเคลียร์ขนาดพกพา (ไม่เวอร์นะ พกพาได้จริง) คนที่ลูกค้าทั่วโลกต่างกลัวหัวหดแต่ก็ต้องมาขอซื้อของอยู่ดี เรียกง่าย ๆ ว่า 'สาวนักเจรจาที่รอยยิ้มหวานกว่าพิษไซยาไนด์แต่ดีลจบไวกว่าเสียงปืนลั่น' แต่วันนั้น... ระหว่างกำลังโชว์ของให้ลูกค้า VIP ระดับรัฐบาลอยู่ในโกดังใต้ดิน “มันไม่ใช่ระเบิดธรรมดา มันคือโครตระเบิด!” ลุงนายกแกพูดพลางยิ้มภูมิใจ ส่วนฉันหัวเราะเบา ๆ “โธ่ ลุง แล้วฉันจะเอาระเบิดนี่ไปทำอะไรล่ะ?” พูดยังไม่ทันขาดคำ หน่วยอารักขาหยิบปืนขึ้นเพราะฉันเรียกนายกว่า ‘ลุง’ แต่ไม่เป็นไร ฉันควบคุมระบบความปลอดภัยที่นี่ไว้หมด ปืนทุกกระบอกผุดจากกำแพงเล็งกลับหาพวกนั้นแทน หลังจากถอดสลักตรวจเช็กเล่น ๆ (ก็คิดว่ามันด้านน่ะนะ) ฉันก็พูดกวน ๆ ว่า “หรือจะให้ฉันเอาไปขายประเทศ B ดีคะ?” ทั้งห้องเงียบกริบ… แต่แล้ว...มันก็เกิดขึ้น! ระหว่างที่ฉันหมุนระเบิดเล่น สลักมันหลุด! ฉันคว้าไว้ได้ทันรอบแรก แต่รอบสอง ไม่ทัน… “ตู้ม!!!” ภาพสุดท้ายก่อนทุกอย่างดับสนิทคือหน้าลุงที่ตะโกนว่า “รีวิวดีแน่รุ่นนี้!” จากแม่ค้าอาวุธเถื่อน สู่แรคคูนต่างโลก… นี่สินะที่เรียกว่า “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามขายของใหม่” ...ตัดภาพมาอีกที ฉันฟื้นขึ้นในที่มืด อากาศเย็นเฉียบ เสียงคำรามของมอนสเตอร์ดังก้อง รอบตัวเต็มไปด้วยกะโหลก กระดูก และกลิ่นเน่าของบางสิ่ง “โอเค... ไม่ใช่สวรรค์แน่ ๆ สงสัยนรกใต้โลกแน่เลย...” แต่ที่น่าตกใจกว่าคือ… ฉันไม่ได้อยู่ในร่างคนอีกต่อไป ขาสั้น... แขนมีขน... มือเล็กเท่าถ้วยชา... “เดี๋ยวสิ... ขนฟู ๆ แบบนี้ มัน— แรคคูน!?” ใช่แล้ว ฉันเกิดใหม่เป็นแรคคูน ไม่ใช่สัตว์อสูร ไม่ใช่เอลฟ์ ไม่ใช่เทพธิดา... แต่เป็น “แรคคูน” ที่อยู่ใน ดันเจี้ยนระดับยาก อีกต่างหาก แรก ๆ ก็คิดว่าจะตายซ้ำอีกแน่ ๆ เพราะมอนสเตอร์ตัวแรกที่เจอคือออร์คตัวเบ้อเริ่ม กล้ามแน่นเหมือนยกโรงยิมมาทั้งโรง ส่วนฉันมีแต่ฟันแทะเมล็ดถั่วเป็นอาวุธ แต่ฉันคือ “เมเบล” คนเดิม จะให้ตายแบบโง่ ๆ อีกเหรอ? หึ! ไม่มีทาง! ฉันหลอกมัน วิ่งซิกแซก ล่อเข้ากับกับดัก แล้วใช้หินโยนใส่จุดอ่อน ผลคือออร์คตัวนั้นล้มตึง ฉันรอด! แต่ก็เปรอะเลือดออร์คเต็มตัว เหมือนเพิ่งกลับจากอาบน้ำซอส ระหว่างหนีตาย ฉันดันเจอห้องลับในดันเจี้ยน กลางห้องมี “รูปปั้นพระเจ้า” ตั้งอยู่ สวยจนขนแรคคูนลุก แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไร เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นในหัว “เจ้าทำได้ดีมาก...เอาตัวรอดจากห้วงแห่งความสิ้นหวังได้” “ข้ามอบของรางวัลให้... ไอเท็มนัมเบอร์ 0 อาวุธเนรมิตร” ฉันยังไม่ทันจะขอบคุณ พระเจ้าก็หายแว้บเหมือนอีเมลที่ส่งแล้วไม่ตอบ “อ้าว เฮ้! ยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะ!” แต่ของรางวัลก็มาอยู่ในมือแล้ว…กล่องสี่เหลี่ยมสีดำ และเมื่อฉันตั้งใจคิดถึงบางอย่าง... เจ้ากล่องนั่นตอบสนอง! ฉันลองนึกถึง AI ผู้ช่วยส่วนตัวที่เคยอยู่กับฉันตอนอยู่โลกเก่า  “ไวท์” แรคคูนสีขาวสุดฉลาดที่เคยช่วยจัดการธุรกิจให้ฉัน พรึ่บ! “ไวท์ ไวท์ใช่ไหม ไวท์ตอบด้วย” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น พร้อมร่างแรคคูนสีขาวลอยออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยม ฉันแทบร้องกรี๊ด (ด้วยความดีใจและช็อกในเวลาเดียวกัน) “เมเบล ไวท์ตอบกลับ” “ขอแค่ฉันมีไวท์ก็พอแล้วล่ะอิอิ” เธอยิ้ม และมัันไม่ใช่รอยยิ้มหวาน แต่เป็นรอยยิ้มแผนการชั่วร้ายที่ฉลาดสุด ๆ ไวท์ไม่ได้มาแค่ตัว มันเชื่อมต่อกับระบบของโลกนี้ แถมยังสร้าง “ระบบส่วนตัว” ให้ฉันโดยอัตโนมัติ ทั้งสกิลสร้างเวทย์ สกิลสแกนมอนสเตอร์ แผนที่แบบเรียลไทม์ และระบบที่เรียกว่า “เครือข่าย” (บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไรนะ เพราะมันจะสปอย!) แต่เอาเป็นว่า... จากแรคคูนตัวเล็ก ๆ ตอนนี้ฉันกลายเป็นสิ่งที่แม้แต่พระเจ้าก็อาจอยากลบระบบทิ้ง ก็แค่แรคคูนธรรมดาที่มีระบบสุดโกง กับแผนการชั่วร้ายระดับโลกแฟนตาซีเท่านั้นเอง “โลกนี้เหรอ? ฝากไว้ก่อนเถอะ... เมเบลจะสร้างอาณาจักรของตัวเองจากหุบเขานรกนี่ให้ดู!”

นิยายผจญภัยนักล่านางเอกเก่งข้ามมิติระบบต่างโลกแฟนตาซี พึ่งพาตัวเอง

ตอนที่ 1 ระเบิดสู่โลกใหม่

“เฮ้อ ตั้งแต่เจ้าจูนิเบียวนั่นหายไปโลกก็สงบสุขขึ้นเลยนะ…" ฉันนั่งตัดพ้อไปพลาง…ก็นึกถึงทหารรับจ้างอันดับหนึ่งของโลกไปด้วย

“แต่มันดันส่งผลต่อธุรกิจของฉันนี่สิ..ไอ้เจ้าบ้านั่น!” ฉันตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิดอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง

ซึ่งฉันคือ เมเบล ครอว์ฟอร์ด แม่ค้าอาวุธเถื่อนระดับโลก เจ้าของฉายา “ราชินีแห่งตลาดมืด” หญิงสาวสุดน่ารักที่สามารถขายทุกอย่างตั้งแต่มีดพกยันระเบิดนิวเคลียร์ขนาดพกพา (ไม่เวอร์นะ พกพาได้จริง) คนที่ลูกค้าทั่วโลกต่างกลัวหัวหดแต่ก็ต้องมาขอซื้อของอยู่ดี เรียกง่าย ๆ ว่า 'สาวนักเจรจาที่รอยยิ้มหวานกว่าพิษไซยาไนด์แต่ดีลจบไวกว่าเสียงปืนลั่น'

“นายท่าน นายท่าน นายกจากประเทศ k มาถึงแล้ว” ภาพ AI ได้ถูกฉายออกมาจากถุงมือของฉัน ซึ่งมันเป็นเทคโนโลยีใหม่ของโลกนี้ เสมือนกับว่าเรามีเลขาส่วนตัวนั่นเอง และเจ้าตัวที่กำลังเตือนฉันอยู่ตอนนี้ก็คือแรคคูนสีขาว มันชื่อว่าไวท์

“โอเค โอเค๊” ฉันตอบกลับพลางเดินออกไปจากห้องทำงานและตรงไปยังฐานลับใต้ดิน ซี่งที่นี่มีคนอยู่มากเลยแหละ และพวกเขาทำงานให้ฉันภายใต้องค์กรแร็คนาร็อค (Ragnarok) องค์กรค้าอาวุธเถื่อนอันดับหนึ่งของโลก ไม่ว่าใครหน้าไหนที่คิดจะทำสงครามก็ต้องมาหาฉันกันทั้งนั้นแหละ ยิ่งถ้าพวกที่ยศสูงๆมานะ พวกเขาจะรีเควสว่าขอเจอกับฉันลูกเดียวเลย ทั้งๆที่ฉันคิดว่าจะนอนสบายๆอยู่แล้วเชียว แต่เพราะว่าพวกเขาเองก็เป็นผู้ทรงอิทธิพล ถ้าหากปฏิเสธไปมีหวังว่าอาจจะโดนบึ้มบั้มแน่นอน

ณ ห้องประชุมลับ

“หมายความว่า คุณจะเอาระเบิดพวกนี้มาแลกกับปืนกลหนักเหรอคะ?” ฉันถามกลับไปหลังจากได้ฟังเรื่องคร่าวๆจากท่านนายกประเทศ K

“ถูกต้อง มันไม่ใช่ระเบิดธรรมดานะ”

“มันคือโครตระเบิด” เขาตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทำให้ฉันหัวเราะออกมา

“โธ่ ลุง แล้วฉันจะเอาระเบิดนี่ไปทำอะไรล่ะ?” ฉันกล่าวถามกลับถึงแม้จะรู้อยู่แล้วก็เถอะว่ามันสามารถเอาไปขายที่ไหนต่อได้ และที่จริงแล้วถึงแม้ฉันจะขายอาวุธเถื่อน อาวุธสงคราม จะรถถังเครืองบินมิสไซด์อะไรฉันก็ขายหมด แต่พวกฉันไม่ทำสงคราม ฉันแค่ขายอาวุธเท่านั้นแหละ

“ลุงงั้นเหรอ!?” หน่วยอารักขาที่ได้ยินฉันเรียกท่านนายกแบบนั้นก็หยิบปืนขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ทันฉันหรอก เพราะในที่แห่งนี้คือที่ของฉัน ฉันควบคุมเอาไว้ทั้งหมด ปืนกลได้ออกมาจากกำแพงทั้งสี่ด้านพร้อมที่จะลั่นไกได้ในทันที

“อย่าไปถือสาเธอเลย เมเบลทำธุรกิจกับเรามานานแล้ว”

“และก็เพราะอาวุธของเธอที่ทำให้เราขึ้นแท่นเป็นประเทศมหาอำนาจได้”

“มันจะดีกว่าถ้าพวกนายอยู่นิ่งๆ” นายกหันไปกล่าวกับทีมอารักขา พวกนี้เองก็ฝีมือใช่เล่น เป็นทั้งอดีตหน่วยรบพิเศษ บ้างก็เคยเป็นทหารที่อยู่แนวหน้า แต่ละคนฉันมีข้อมูลหมด เพราะเวลาฉันจะทำอะไรฉันต้องรู้ข้อมูลของอีกฝ่ายทั้งหมดเสียก่อน

“อึก…” พวกเขายอมเก็บปืนลงพร้อมกับฉันที่ลูบกำไลข้อมือของตัวเองหนึ่งครั้ง อาวุธทั้งหมดถูกจัดเก็บเข้าไปในกำแพงเหมือนเดิม

“พวกนี้..มันคือของเก่าไม่ใช่เหรอคะ แต่ถ้าเก็บเอาไว้ไปใช้ในบางแผนการก็ได้อยู่เหมือนกันนะคะ” ฉันกล่าวพลางหยิบระเบิดมาถอดสลักเล่นและตรวจสอบของตัวอย่าง ซึ่งฉันรู้และมั่นใจอยู่แล้วว่าระเบิดนี่มันไม่ทำงานหรอก เบาซะขนาดนี้

“หรือคิดจะให้ฉันเอาไปขายประเทศ B เหรอคะ?” ฉันกล่าวถามกลับไปทำให้ทุกคนอึ้งกันไปหมด

“มันจะทำงานก็ต่อเมื่อตกลงพื้นเท่านั้น ถ้ามองเผินๆอาจจะคิดว่าเป็นระเบิดด้าน” ฉันกล่าวอีกครั้ง เพราะประเทศ B กำลังสู้กับอิสราเอลอยู่ และพวกเขากำลังขาดแคลนอาวุธสุดๆ แถมยังเป็นหนี้ฉันเยอะเลยแหละ ไม่ว่าจะอาวุธอะไรพวกเขาเอาหมด และยิ่งระเบิดพวกเขายิ่งต้องการ เพราะมันทำความเสียหายเป็นวงกว้าง อย่างน้อยเอาระเบิดพวกนี้ไปเขวี้ยงเล่นที่ชายแดนคงจะเก็บได้หลายศพอยู่ แต่เพราะแบบนั้นแหละฉันถึงเข้าใจว่าเพราะอะไรประเทศคู่กรณีถึงมาขายอะไรแบบนี้ให้

“ไม่ต้องระวังกันหรอก ลุงคงจะมีแผนอย่างอื่นใช่ไหมล่ะ?” ฉันกล่าว เพราะท่านนายกเขาคงจะรู้ดีว่ามาขายอะไรแบบนี้ให้โดยมีนัยยะให้ฉันมันไม่ใช่เรื่อง มีหวังอาจจะโดนยิงพรุนอยู่ในห้องนี้แน่ เพราะลุงเขาก็รู้จุดยืนของตัวเองเหมือนกัน ฉันไม่คิดร้ายกับใครก่อนทั้งนั้น แต่ถ้ามีใครหรือกองกำลังไหนเล่นตุกติกกับเรา ฉันก็เคยเชือดไก่ให้ลิงดูมาแล้ว ส่งสินค้าสงครามให้คู่อริของพวกเขาสักหน่อย ปลุกระดมอีกนิด สร้างความร้าวฉานให้บังเกิด….

จบปิ้ง!!

“อืม…คุยกับเธอมันง่ายแบบนี้แหละ”

“แผนคือ-” ก่อนที่เขาจะได้กล่าวอะไร ฉันที่กำลังมองดูระเบิดนี่ก็เผลอทำมันตก

ฟึบ

“เกือบไปแล้วนะคะ” ฉันกล่าวด้วยเสียงตื่นเต้นก็เพราะฉันรับมันไว้ทัน

“น่ากลัวจริงๆเล-” และในขณะที่ฉันกำลังจะพูดต่อ ระเบิดนั้นก็หลุดมือฉันไปอีกครั้ง

ตู้มมม

.

.

.

“ฮึก!” และฉันก็ฟื้นขึ้นมา ที่ไหนก็ไม่รู้แต่มันขาวไปหมดเลย

“ไวท์” ฉันเรียกไวท์ เลขาของฉันแต่ก็พบว่าบนตัวไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย มีแค่ชุดสวมใส่เท่านั้น

[การเชื่อมต่อล้มเหลว]

[คุณไม่ได้รับการยอมรับ]

[กำลังเชื่อมต่ออีกครั้ง…]

[การเชื่อมต่อล้มเหลว]

[ปฏิเสธการเข้าถึง]

[กำลังเชื่อมต่อใหม่]

[ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง] [ปฏิเสธการเข้าถึง]

[คุณได้รับการยอมรับในกรณีพิเศษ]

หน้าต่างแจ้งเตือนคล้ายระบบเกมเด้งขึ้นมาตรงหน้าของฉันมากมาย ซึ่งฉันกำลังใช้สมองคิดอะไรหลายอย่างอยู่ แต่ทันใดนั้นเองก็มีหน้าต่างระบบใหม่ขึ้นมานับถอยหลัง 3 2 และ 1

วุบ

“อืม…” ฉันรู้สึกตัวก็ไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงแจ่บๆๆราวกับว่ากำลังมีใครหรือสิ่งมีชีวิตใดกำลังซอยจุ๊บางอย่างอยู่อย่างน่าเอร็ดอร่อย

“ทำไมรู้สึกว่าร่างกายมันแปลกๆ” ฉันพูดกับตัวเองและลองจับร่างกายตัวเองดู… ปรากฏว่าตัวฉันมีขนเต็มไปหมด แถมมือก็เล็กมากมีเล็บคมๆด้วย พอลองเลื่อนมือขึ้นไปสัมผัสหน้าดู…ก็น่าจะไม่ใช่แล้วล่ะ

หมายถึงไม่ใช่หน้าฉัน!!

และไม่ใช่มนุษย์ด้วย!!

ขาสั้น... แขนมีขน... มือเล็กเท่าถ้วยชา...

มีทั้งหูบนหัว และมีหางใหญ่ๆตรงบั้นท้ายด้วย แถมยังขยับได้อีก แต่ที่ฉันต้องคิดตอนนี้ไม่ใช่เรื่องตัวตนของฉัน แต่เป็นสิ่งรอบตัวต่างหาก เพราะฉันได้ยินเสียงการกินอะไรสักอย่างที่ดุร้ายและป่าเถื่อนมากๆ

'มองเห็นในที่มืดสินะ' ครั้งนี้ฉันไม่พูดแต่คิดในใจเผื่อจะมีใครได้ยินบ้าง ซึ่งจากการลองประมวลผลดูแล้ว ฉันอยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มีทั้งหูบนหัวและหางใหญ่ๆ ตัวก็นุ่มนิ่มขนปุกปุยน่าฟัดเหลือเกิน ซึ่งโครงหน้าของฉันมันเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายกับหนู แต่ตัวฉันไม่ได้เล็กขนาดนั้น แถมมีหางนุ่มฟูอันใหญ่ด้วย ถ้าคิดไม่ผิดคงจะเป็น….แรคคูนแน่ๆ

โฮกกก!!

จู่ๆก็มีเสียงคำรามดังก้องไปทั่ว คิดว่าฉันคงอยู่ในถ้ำ เพราะทั้งมืดและชื้น แต่เจ้าตัวที่กำลังคำรามอยู่คงไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ เพราะมนุษย์ไม่มีเสียงคำรามแบบนี้ มันคงเป็นตัวอะไรที่น่ากลัวมากๆ เท่าที่ฉันรู้จักสัตว์จำนวนมากมา ไม่มีเสียงตัวไหนคล้ายสิ่งมีชีวิตนี้เลย

เอิ่กกก

มันเรอ เสียงลั่นออกมาอีกครั้ง เดาว่าคงจะซอยจุ๊จนอิ่มแปล้แล้ว อย่างนั้นฉันก็ค่อยโล่งใจหน่อยเพราะตัวฉันคงจะยังไม่ถูกกินไปสักพัก

ตุบ ตุบ ตุบ

แต่เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวหรือการเดินของมัน มันคงจะมีตัวที่สูงใหญ่มากๆถึงขั้นที่พื้นดินสะเทือนเลยแหละ และตรงที่ฉันอยู่มันก็เป็นจุดที่มีสัตว์แปลกหน้าแปลกตาอยู่เต็มไปหมด แต่เจ้าพวกนี้มันไม่มีชีวิตแล้ว และเมื่อเจ้าตัวใหญ่นั่นกำลังเดินมา ฉันเลยต้องหาที่แอบ ใช่ไปแอบในรูขนาดเล็กเพราะคิดว่ามันคงเข้ามาไม่ได้หรอกเพราะตัวมันใหญ่

ฮึก ฮึก

และเมื่อฉันได้พบกับเจ้าสิ่งมีชีวิตนั้น มันทำให้ฉันอึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะมันคือออร์ค หรือเจ้าตัวเขียวในเกม RPG ที่ฉันชอบเล่นเวลาเบื่อๆ มันสูงสี่เมตรเห็นจะได้ แถมตัวมันยังหนาและใหญ่กว่าตู้เสื้อผ้ารวมกันสองตู้อีก