ตอนที่ 1.1 ระเบิดสู่โลกใหม่
ชื่อ : -
อายุ : 10 ปี
เพศ : ชาย
เผ่า : ออร์ค
เลเวล : 79
พลังชีวิต : 15,000
มานา : -
ฉายา : ผู้เฝ้าห้องสมบัติดันเจี้ยนระดับสูง
พรสวรรค์ระดับ : C
พร : -
ทักษะติดตัว : ร่างหนาดั่งเหล็ก
ทักษะ : คำราม , ทุบ
‘มันคืออะไร?’ ฉันคิดในใจเมื่อได้เห็นหน้าต่างระบบปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่พอฉันละสายตาไปทางอื่นหน้าต่างนั้นก็หายไป คาดว่าถ้าฉันมองอะไรแล้วสิ่งนั้นน่าจะเผยหน้าต่างนี้ออกมา
ว่าแต่..แล้วตัวฉันอยู่ระดับไหน?
แต่เมื่อฉันลองคิดหาทางดูหน้าต่าง ‘สเตตัส’ ของตัวเองดู ยังไงมันก็ไม่ขึ้นมา มองมือ มองเท้า หรือก้มลงมองร่างกายตัวเอง ก็ไม่ขึ้นมา ดังนั้นฉันคิดว่าคงจะเป็นหน้าตาหรือต้องมองให้เต็มตัวถึงจะเห็น แต่ถึงยังไงก็เถอะ เลเวล 79 ถือว่าสูงมากเลยนะ แล้วยิ่งดันเจี้ยนระดับสูงอีก
ซึ่งฉันไม่รู้อะไรเลย อยู่ดีๆก็มาฟื้นที่นี่แล้ว คงจะเป็นไอนั่นแน่ๆ
‘เกิดใหม่ที่ต่างโลก!’ ฉันคิดในใจด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ต้องหยุดเรื่องสนุกเอาไว้ก่อนเพราะฉันจะต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงหน้านี้ให้ได้ เพราะเจ้าออร์คหน้าโง่นั่นมันกำลังจะสวบต่อแล้ว
ฉึก ฉึบ
ฮึ่ม
ฉันทำได้แต่นั่งดูมันกินสัตว์อสูรอย่างน่าอร่อย หน้ามันฟินมากเลยแหละ แต่หน้าฉันตอนนี้สะอิดสะเอียดสุดๆ ดีนะที่ฉันไม่กลัวเลือด แต่ถึงอย่างนั้นพอได้เห็นการฉีกกระชากร่างกายเหยื่อแล้วมันน่ากลัวจนอยากจะอ้วกออกมาเลยแหละ แต่ฉันทำไม่ได้ เพราะถ้าฉันอ้วกมีหวังมันรู้ตัวชัวร์
‘มีทางออกเดียว คือทางที่มันเข้ามาสินะ…’ และหลังจากที่ฉันพยายามมองหาทางออก ก็พบว่ามีแต่ทางที่มันเข้ามาในถ้ำนี้เท่านั้น ในรูที่ฉันอยู่ก็มีหินที่แข็งมากๆ และตอนนี้ชีวิตน้อยๆของฉันก็เสี่ยงถูกหินทับอยู่ด้วย ฉันจำเป็นต้องออกจากตรงนี้…
ฮึก ฮึก
แต่ในขณะนั้นเองก็เหมือนกับว่ามันจะรู้ตัวแล้วว่าเหยื่อที่กองอยู่ตรงนั้นได้หายไปตัวหนึ่ง นั่นก็คือตัวฉันเองจ้า!!
โฮกกก
มันคำรามลั่นอีกครั้ง และครั้งนี้หน้าต่างสเตตัสก็ขึ้นแจ้งเตือนว่าฉันกำลังอยู่ในความกลัว แต่เพราะสกิลของฉัน ‘จิตพิฆาต’ มันทำให้ฉันไม่ได้รับความกลัวนั้น แต่เนื้อตัวก็สั่นไปหมดเลยแหละ เดาว่าคงจะเป็นจากทักษะคำรามของมัน
‘ถ้าพูดถึงออร์คแล้ว พวกมันคิดอย่างเดียวคือตัวมันแข็งแกร่ง’
‘และยิ่งไม่จำเป็นต้องกลัวฉันที่ตัวเล็กกว่ามันเป็นสิบเท่า’
‘ความประมาท…’ ฉันคิดในใจพลางวางแผนไปด้วย
สเตตัสของฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ ฉันทำอะไรได้บ้างก็ไม่รู้ เลเวลเท่าไรก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและฉันก็ไม่อยากเจอมากๆ เพราะฉันไม่ชอบสู้กับอะไรที่ไม่มีข้อมูล และไม่รู้ว่าการคาดการณ์ของฉันมันถูกหรือเปล่าด้วยที่ว่าออร์คมันโง่ แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะ ตอนนี้ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เพราะมันเดินใกล้เข้ามาเกือบจะถึงจุดที่ฉันซ่อนอยู่เรียบร้อย
“สวัสดีคุณออร์ค เราสามารถพูดคุยกันได้ไหม?” ฉันเดินออกไปจากรูแคบช้าๆและกล่าวต่อหน้าร่างสูงใหญ่ทั้งยังยิ้มให้ด้วย
ฮึก ผลั๊วะ
มันไม่ฟังอะไรฉันแถมยังใช้ไม้กระบองของมันทุบตรงจุดที่ฉันยืนอยู่อย่างเต็มแรง แต่ด้วยความพริ้วจากร่างกายที่เล็กระทัดรัดของฉันทำให้ฉันพุ่งตัวหลบไประหว่างขามันได้ทัน และเมื่อฉันรู้แล้วว่าสันติไม่ได้ผล เพราะฉะนั้นคงมีแต่ต้องสู้เพื่อเอาชีวิตรอดเท่าทั้น ฉันก็เลยพุ่งตัวขึ้นไปจัดการทุบเข้าไปที่ระหว่างขาของมันอย่างเต็มแรงจนมันทรุดลงพื้นด้วยความเจ็บปวด
“จะบ้าตายรายวัน ฉันทำดาเมจได้แค่หนึ่ง…” ฉันกล่าวเมื่อเห็นสเตตัสของมัน พลังชีวิตของมันลดลงไปเหลือ 14,999 แต่พลังชีวิตของมันก็ลดลงไปอีกทีละหนึ่งจนถึง 10 วินาที ฉันนับไว้ในใจก่อนจะที่จะกลับมาเป็นเท่าเดิม
“รอบนี้แกคงคิดจะจับฉันต้มยำทำแกงแน่ๆใช่ไหมล่ะ?” ฉันกล่าวพลางเหลือบมองอาวุธที่พอจะใช้ได้ แต่มันไม่มีอะไรเลยนอกจากหิน
โฮกกก
มันร้องคำรามลั่นออกมา เดาว่าคงคิดแบบนั้นจริงๆ
“มาสิเข้ามาเลย!” ฉันตะโกนพร้อมกับรอมันวิ่งเข้ามาก่อนจะพุ่งตัวหลบ ทำให้มันพุ่งเลยไปชนเข้ากับกำแพงหินอย่างจัง
ตุ้ม
แต่ดูเหมือนจะทำได้แค่ให้มันมึนๆได้เท่านั้น หัวของมันคงจะแข็งมาก แล้วนี่ฉันจะทำอะไรมันได้บ้างนอกจากต่อยไข่มัน?
“มันทำดาเมจตัวเองลดลงไปยี่สิบ…นี่มันต้องแข็งแกร่งขนาดไหนชนหินแทบแตกดาเมจลดแค่สิบ”
“ไอ้บ้า! บ้าไปแล้ว!” ฉันสบถกับตัวเองเมื่อไม่เห็นท่าทีว่าจะเอาชนะมันได้เลย และฉันจะไม่เสี่ยงเข้าไปใกล้ตัวมันแน่ๆ เพราะมันมีเลเวลสูงมาก นอกจากพลังชีวิตที่โครตเยอะแล้วมันคงจะมีพลังป้องกันกับการโจมตีมหาศาล นั่นยังไม่นับรวมความไวอีก เพราะเลเวลของฉันคงจะต่ำเตี่ยเรี่ยดินแน่นอน
“เราคุยกันดีๆไม่ได้จริงเหรอเจ้าออร์ค” ฉันกล่าวอีกครั้งแต่มันก็ยังพยายามพุ่งเข้าหาและไล่ทุบฉันราวกับเป็นตัวตุ่นในเครื่องเกมส์
“มันต้องมีจุดอ่อนบ้างสิ…” ฉันพูดกับตัวเองพลางปีนกำแพงถ้ำให้อยู่สูงกว่ามัน แต่มันก็ยังพยายามใช้ไม้กระบองไล่ทุบฉันอยู่ดี แต่มันก็ดีกว่าอยู่ข้างล่างซึ่งเป็นพื้นที่แคบ เสี่ยงโดนจับตัวได้ง่ายๆเลย
ครึกครืด
“เดี๋ยวนะ…” และเมื่อฉันคิดอะไรขึ้นได้หลังจากได้ยินเสียงหินเคลื่อนเพราะรอยร้าวจากที่มันไล่ทุบๆ ฉันก็เลยล่อมันให้ทุบบริเวณนั้นอีกครั้ง
ครึก โครมม
จนทำให้กำแพงหินนั้นพังทลายลงมาทับหัวของมัน เพราะฉันเล็งให้โดนหัวมันแต่แรกแล้วจากการคำนวณ ทำให้มันหงายหลังตุบลงไป รอบนี้โดนดาเมจไปร้อยกว่าเลยแหละ
ฟุบๆ ฉึก
ฟุบ
ฉันพุ่งเข้าไปหามันระหว่างที่มันกำลังมึนและใช้เล็บอันแหลมคมของฉันจิ้มเข้าไปที่ลูกนัยน์ตาของมันทั้งสองข้าง ทำให้มันร้องโอดครวญออกมา ถึงแม้จะทำดาเมจรวมไปได้ 200 แต่นี่ตามันบอดเลยนะ หลังจากนี้ฉันสู้กับมันง่ายขึ้นเยอะเพราะว่ามันมองไม่เห็นฉัน ขอเพียงแค่ฉันไม่ส่งเสียงดังและทำอะไรให้รอบครอบ
ฮึก โฮกกก
มันพยายามลุกขึ้นมาและคำรามลั่นอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม ฉันไม่โดนผลกระทบต่อจิตใจ แต่มันทำให้เนื้อตัวฉันสั่นไปหมด ขนลุกซู่เลยด้วย และมันก็พยายามโจมตีอย่างมั่วซั่วเพราะมันมองไม่เห็นแล้ว มันเองก็คงไม่คิดว่าแรคคูนตัวกระจ้อยร่อยจะทำให้มันเสียตาไปทั้งสองข้างได้เหมือนกัน
“…” แน่นอนว่าฉันเลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากับมันต่อ ฉันเดินไปที่ทางออกเงียบๆและได้พบกับประตูบานใหญ่ ซึ่งฉันคิดว่าจะเข้าไปหลบข้างในนี้แหละ แต่ไม่ว่าจะดันประตูยังไงก็ไม่มีท่าทีว่ามันจะเคลื่อนได้เลย
“หืม…” แต่เหมือนฉันจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังเรียกให้ฉันไปหา จนกระทั่งฉันได้พบเจอกับพวงกุญแจสีทอง ซึ่งพอฉันหยิบมันขึ้นมาหน้าต่างระบบก็ปรากฏทันที
[เงื่อนไขสำเร็จ คุณค้นพบกุญแจสมบัติด้วยทักษะติดตัว]
“แล้ว ไงต่อ?” ฉันกล่าวพลางเดินไปที่ประตูและเมื่อฉันลองสัมผัสดูปรากฏมือฉันทะลุเข้าไปในประตูเลยแหละ ฉันจึงพอจะคิดได้ว่ามันคงเป็นกลไกของระบบอะไรสักอย่าง และฉันก็ไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปในห้องนี้
“โอ้…มาย…ก็อด” ฉันถึงกับสบถออกมาเมื่อได้เข้ามาในห้องลับ
