กำไลวิเศษ
เหตุการณ์ประหลาดนั้นได้รับความสนใจเพียงไม่นาน หลังจากนั้นสองเดือนเหอรุ่ยเถียนก็รับรู้ข่าวดีว่ากำลังจะมีครอบครัวเพิ่มอีกหนึ่ง
บุตรสาวคนโตของครอบครัวชาวสวนกำลังขะมักเขม้นทำอะไรบางอย่างกับกำไลของนางที่พ่อแม่เชื่อว่าเป็นเทพเซียนประทานพร เด็กหญิงน้อยกลุ้มใจอย่างหนักเพราะไม่มีใครให้ปรึกษา นางคำรามฮึมฮั่มในลำคอหลังจากทะเลาะกับกำไลตัวเองอยู่มุมสวน
"ข้อมูลน้อยเกินไปแล้วนะเจ้าผีเสื้อ" นางพูดเสียงลอดไรฟันข่มขู่เครื่องประดับตัวเองแต่ไม่มีสิ่งใดตอบกลับ เป็นเช่นนี้มาสองเดือนแล้ว
หลังจากตื่นขึ้นมาวันนั้นก็พบว่าผีเสื้อที่เคยอยู่ในตะเกียงหายไป และมีกำไลทองห้อยจี้วางอยู่แทน พ่อแม่ของนางก็ปลาบปลื้มเสียเหลือเกิน ไม่คิดสงสัยสักนิดว่าเป็นของอัปมงคลหรือเปล่า เหอรุ่ยเถียนระแวงอยู่เป็นเดือนก่อนจะค้นพบว่ามันเป็นวัตถุวิเศษคล้าย ๆ กระเป๋าสี่มิติที่ใส่อะไรลงไปเท่าไรก็ได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีข้อสงสัยอีกมากจนนางปวดหัวอยู่เช่นนี้
เหอรุ่ยเถียนถอนหายใจปลงตกกำลังจะก้าวขาออกจากห้อง ทันใดนั้นโสตประสาทก็แว่วได้ยินเสียงคล้ายกระดิ่งลม ความรู้สึกอุ่นวาบที่ข้อมือทำให้นางหันขวับโดยพลัน จี้หยกกำลังเรืองแสงสีเขียวอ่อนของหยกเนื้อดี แล้วผีเสื้อที่เคยเป็นเพียงรูปสมมุติก็มีผีเสื้ออีกตัวบินออกมา
"นะ นี่!?" นางตกใจอ้าปากชี้ไปยังสิ่งมีชีวิตปริศนาทั้งมือสั่น ๆ
ผีเสื้อสีหยกตัวนั้นบินสะบัดตัวเองไปมาเหมือนไม่พอใจก่อนจะมาเกาะผมของเหอรุ่ยเถียน คราวนี้นางก็แน่ใจแล้วว่าเจ้าผีเสื้อนั่นไม่ได้หายไปไหนหรือเป็นของเทพเซียนประทานอย่างที่คิด ทว่ามันสื่อสารกับนางเป็นคำพูดไม่ได้ การจะถามเรื่องราวคงเป็นไปได้ยาก
"เอาล่ะ ๆ เรามาคุยกันหน่อย ถึงจริง ๆ ข้าจะคุยคนเดียวก็เถอะ"
เหอรุ่นเถียนยื่นนิ้วชี้ไปให้มันเกาะ เจ้าผีเสื้อทำทีผงกหัวถอนหายใจแล้วบินมายังนิ้วชี้ของนาง
"ข้าจะถาม เจ้าก็ตอบมาแล้วกันว่าใช่หรือไม่ใช่ ถ้าใช่เจ้าก็กระพือปีก ถ้าไม่ใช่เจ้าก็อยู่เฉย ๆ ตกลงไหม"
เจ้าผีเสื้อกระพือปีกสองที เพราะไม่มีวิธีอื่นแล้วที่จะสื่อสารกับมัน ในตอนนี้นางคิดออกแค่วิธีอย่างง่ายเท่านั้น
"เจ้าเป็นสัตว์อสูรหรือเปล่า" เจ้าผีเสื้อกระพือปีก
"เจ้าเป็นอันตรายต่อข้าไหม"
คราวนี้ท่าทีของมันต่างไป ปีกของเจ้าผีเสื้อค่อย ๆ ตกลงจนเลยคำว่าขนานพื้นไปไกล มันดูห่อเหี่ยวอย่างมาก
"อะไรกัน?" เหมือนจะใช่แต่ก็ไม่ใช่ นางจึงถามลึกลงไป
"หมายความว่ามีผลกระทบแต่ก็ไม่ได้มากมายจนน่ากังวลใช่หรือเปล่า" คราวนี้เจ้าผีเสื้อกระพือปีกตอบเหมือนเดิมแล้ว
นางกับสิ่งมีชีวิตพิศวงตัวนั้นเล่นเกมถามตอบกันอยู่ในห้องเป็นเวลา พ่อแม่ไม่ได้มาตามลงไปช่วยงานเพราะเห็นกำลังเล่นสนุกอยู่คนเดียว ถึงจะอิ่มเอมใจที่นางรู้จักแบ่งเบาภาระในครอบครัวตั้งแต่ตัวเท่านี้แต่พวกเขาก็อยากให้ลูกได้เล่นสนุกตามวัยมากกว่า หากไม่ได้หนีมาและแต่งงานกันได้ด้วยความยินยอมของพ่อแม่สองฝ่าย ป่านนี้ลูกสาวของมู่เซียนคงใช้ชีวิตสุขสบายไปแล้ว
เวลาผ่านไปหลายชั่วยามจนกระทั่งบิดาเรียกลงมากินมื้อเที่ยงนางถึงได้หยุดคุยกับสัตว์อสูรของตนเอง
ในละแวกนั้นบ้านสองชั้นเป็นที่หาดูได้ยาก ส่วนมากจะสร้างกันในเมืองใหญ่และเป็นร้านค้าเสียมากกว่าเป็นที่อยู่อาศัยเหอรุ่ยเถียนจึงรู้สึกแปลกใหม่ตั้งแต่ตอนแรกเกิด แต่ไม่นานนางก็ปรับตัวได้เพราะเคยอาศัยอยู่แบบนี้จนชินและคิดว่าครอบครัวที่แตกต่างไปจากคนอื่นบ้างก็ไม่เลว
ซ้ำตอนนี้ยังมีผีเสื้อเนื้อหอมมาเกาะติดนางอีก เหอรุ่ยเถียนตั้งชื่อให้มันว่า อาเยว่
อาเยว่เหมือนจะเป็นผีเสื้อระดับสูงที่มีบริวารใต้ปกครอง มันกินน้ำหวานเป็นอาหารเหอรุ่ยเถียนผู้เป็นนายจึงร้องขอให้บิดาปลูกไม้ดอกในสวนเพิ่มอีก ความลับนี้นางไม่ได้บอกใครและปล่อยให้พ่อกับแม่เข้าใจว่ากำไลนั้นคือของเทพเซียนประทานพรอย่างที่พวกเขาเชื่อมั่น
ตั้งแต่นั้นหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวก็ใช้เวลาก่อนนอนในการเรียนรู้วิธีที่จะใช้กำไลและพลังสัตว์อสูรของอาเยว่อย่างขะมักเขม้น เหอรุ่ยเถียน ณ เวลานั้นก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ว่าความตั้งใจอันเป็นผลพวงมาจากนิสัยบ้างานเมื่อชาติที่แล้วจะส่งผลในอนาคตไปขนาดไหน
ดังที่ว่า ผีเสื้อขยับปีก…
