บทที่ 2 ระบบหมอเทวดา [1/2]
บทที่ 2
ระบบหมอเทวดา [1/2]
สายหมอกยามเช้าคลอเคลียทุ่งนาเขียวขจี เสียงไก่ขันแว่วแทรกกับเสียงกลองและปี่อันโหยหวน ขบวนศพเคลื่อนช้า ๆ ไปตามทางลูกรังบรรยากาศของหมู่บ้านอันชุนในเช้าวันนี้เหมือนถูกปกคลุมด้วยเงาหม่นแห่งความโชคร้าย
ศพที่อยู่ด้านในโลกคือจ้าวหว่านชิงลูกสะใภ้ของสกุลฉู่ที่ตายเพราะตกน้ำเมื่อสามวันก่อน หญิงสาวโชคร้ายที่แม้แต่สามีร่วมชีวิตยังเลือกที่จะอยู่เมืองหลวงเพื่อสอบจอหงวนแทนการกลับมาร่วมพิธีศพของนาง ส่วนบิดามารดาก็ล้มตายสิ้นทำให้เหลือเพียงบ้านสามีที่แม้จะเรียกว่าครอบครัวแต่ก็ไม่เคยมีไมตรีให้เลยสักครั้ง
พิธีศพของจ้าวหว่านชิงถูกจัดอย่างลวก ๆ ศพของนางถูกใส่ลงไปในโลงไม้หยาบ ๆ แทบไม่ทาน้ำมันทั้งยังห่อร่างของนางด้วยผ้าขาวเก่า ๆ ไม่มีกระทั่งข้าวของฝังไปเป็นเพื่อนในปรโลก
ยามแห่ขบวนศพคนของสกุลฉู่ต่างมีสีหน้านิ่งเฉยไร้ความเสียใจราวกับกำลังส่งของบางสิ่งไปทิ้งเสียมากกว่าส่งศพผู้ตายไปสู่สุคติ
“ลูกสะใภ้เช่นนาง..ตายไปได้ก็ดี” เสียงเย็นชาเล็ดลอดจากปากหญิงผู้เฒ่าผู้เป็นแม่สามี
ชาวบ้านที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างมองโลงศพด้วยสายตาเวทนา ในอดีตจ้าวหว่านชิงเป็นบุตรสาวของท่านหมอในหมู่บ้านทว่านางกลับไม่เอาไหนทั้งยังเกียจคร้านทำให้หลังจากท่านหมอตายโรงหมอก็ปิดตัวลง และภายในเวลาไม่นานนางก็แต่งงานกับบุตรชายที่เป็นพ่อหม้ายขอสกุลฉู่
ทว่าแต่งได้เพียงสามเดือนนางก็จมน้ำตายเสียแล้ว...
กึก! กึก!
ท่ามกลางเสียงกลองศพและฝีเท้าช้า ๆ ของผู้แบกโลง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากภายในโลงตามด้วยเสียงเคาะรัวราวกับคนดิ้นสุดแรง
“ช่วยด้วย! เปิดให้ข้าที! ข้าหายใจไม่ออก!”
เสียงแหบพร่าของหญิงสาวดังขึ้นสลับกับเสียงเคาะโลง ชั่ววินาทีนั้นขบวนศพหยุดชะงักชาวบ้านที่เดินตามต่างเบิกตากว้างมองโลงไม้ที่ขยับไปมา
ชาวบ้านบางคนวิ่งหนีไปไม่เหลียวหลังแต่ยังมีชายหนุ่มร่างใหญ่ไม่กี่คนที่รวบรวมสติรีบตรงเข้าไป ใช้เหล็กงัดฝากโลงออกด้วยมือสั่นระริก ฝากโลงเปิดออกพร้อมกลิ่นไม้และความอับชื้นร่างในชุดผ้าขาวก็ผุดขึ้นมานั่งหอบหายใจ ใบหน้าหน้าของนางซีดเซียวไร้สีเลือดแต่ดวงตายังพราวไปด้วยประกายแห่งชีวิต
จ้าวหว่านชิงหญิงที่ทุกคนเชื่อว่าตายไปแล้วลืมตาขึ้นมองคนรอบข้างด้วยแววตาตกใจไม่แพ้กัน
“นางฟื้น! จ้าวหว่านชิงฟื้นแล้ว!!”
เสียงกรีดร้องของคนในหมู่บ้านดังขึ้นท่ามกลางความโกลาหล พวกเขาต่างพูดว่าจ้าวหว่านชิงฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้ว…ทว่ามีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้นี่ไม่ใช่ “การฟื้นจากความตาย” แต่มีดวงวิญญาณอื่นมาสวมร่างต่างหาก
ไป๋เสวี่ยหรงก็เข้าใจในทันทีเข้ามาสวมร่างตัวประกอบในนิยายแล้วจริง ๆ
“ลุกไหวหรือไม่...มาข้าช่วยพยุงเจ้า”
หญิงสาวถูกชาวบ้านสองสามคนที่ยังพอมีน้ำใจช่วยพยุงออกจากโลงศพ ศีรษะของนางยังหนักอึ้ง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะขณะหอบหายใจนางก็ได้ยินผู้คนเอ่ยเรียกชื่อ
“จ้าวหว่านชิง…นางยังไม่ตายจริง ๆ ด้วย”
อ่า...ร่างนี้ชื่อจ้าวหว่านชิงสินะ..
หญิงสาวคิดตอบตนเองในใจทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้คิดอะไรต่อเสียงกระด้างของหญิงชราคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น
“อัปมงคลที่สุด!”
หญิงชราผู้มีสถานะเป็นแม่สามีของจ้าวหว่านชิงก้าวออกมาจากฝูงชนพลางชี้หน้าหญิงสาวทั้งที่เมื่อครู่ยังหน้าถอดสีและตื่นตระหนกแต่เพียงไม่กี่อึดใจนางก็ตั้งสติได้ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความรังเกียจในพริบตา
“ตายไปแล้วแต่ยังกล้าฟื้นขึ้นมาอีก! นี่มันลางร้ายชัด ๆ!”
คำพูดของนางทำให้บรรยากาศรอบด้านยิ่งปั่นป่วน ชาวบ้านบางคนพยักหน้าตามด้วยสีหน้าหวาดผวา มีผู้หญิงบางคนถึงกับร้องไห้โอดครวญว่าหมู่บ้านจะต้องเคราะห์ร้ายเพราะศพคืนชีพ
จ้าวหว่านชิงเพียงเงยหน้ามองหญิงชราแต่ไม่เอ่ยโต้ตอบอะไร นางทั้งมึนงงทั้งไม่อยากต่อปากต่อคำกับใครในเวลานี้ หญิงสาวได้แต่เดินผ่านหญิงชราไปเงียบ ๆ พลางกวาดสายตามองรอบกาย
ทิวทัศน์ที่ทอดยาวออกไปคือหมู่บ้านเล็กในชนบทสมัยจีนโบราณ บ้านดินเรียงรายหลังคามุงฟาง ควันไฟลอยขึ้นจากปล่องครัวเสียงไก่และสุนัขดังคลอเคลียอยู่ไกล ๆ บรรยากาศช่างแตกต่างจากโลกที่นางจากมาโดยสิ้นเชิง
“อ๊ะ!”
จ้าวหว่านชิงร้องสั้น ๆ ก่อนทรุดฮวบลงกับพื้นมือกุมขมับแน่น ความปวดร้าวรุนแรงแล่นผ่านศีรษะพร้อมกับภาพความทรงจำของจ้าวหว่านชิงที่กำลังทะลักเข้ามาในหัวราวกับน้ำหลาก ทั้งชีวิตอันโดดเดี่ยว การถูกบ้านสามีรังเกียจและการกระทำที่ชั่วร้ายของนาง...
ความเจ็บปวดที่ศีรษะค่อย ๆ คลายลงไป จ้าวหว่านชิงนั่งหอบหายใจอยู่กับพื้นท่ามกลางสายตาหวาดระแวงของผู้คนแต่แล้วทันใดนั้น...
ติ๊ง!
สิ้นเสียงแจ้งเตือนหน้าต่างโปร่งแสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของจ้าวหว่านชิงราวกับกระจกเงาลอยกลางอากาศ ตัวอักษรเรืองแสงเรียงเป็นบรรทัด ๆ ทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง
[ระบบหมอเทวดา กำลังเปิดใช้งาน ]