บทที่ 6
“จะเป็นไปได้อย่างไร?”
พวกเขาทำให้เจ้าของร่างเดิมตาย ในเมื่อข้าอาศัยนามของนางเกิดใหม่ ใครก็ตามที่ทำร้ายเจ้าของร่างเดิม ก็สมควรตายทั้งสิ้น
เด็กในท้องก็เป็นเพียงแค่ออเดิร์ฟเท่านั้น
แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงถามฟู่ซี๋ว่า
“ยังไม่รู้ตัวตนของเจ้าเลย เจ้าเป็นใคร?”
พูดจบก็สัมผัสได้ถึงความเย็นชาจากตัวของฟู่ซี๋ อวิ๋นฉือจึงพูดต่อว่า
“หากไม่อยากบอกก็แล้วไป ข้าเพียงอยากรู้ว่าความสามารถของเจ้า ว่าจะช่วยสืบเรื่องของพ่อข้าได้ไหมเท่านั้น”
น่าหลันซิ่นรักและเอ็นดูเจ้าของร่างเดิมมาก แม้มารดาของนางสิ้นไปก็ไม่เคยรับอนุเลย ใส่ใจบุตรีเพียงหนึ่งเดียวดุจองค์หญิง
ตอนนี้เขาถูกปองร้าย อวิ๋นฉือไม่อาจนิ่งดูดายได้
ฟู่ซี๋เก็บพลังอำนาจนั้นกลับไป เขาพูดอย่างเกียจคร้านว่า “น่าหลันซิ่นมีเรือนลับแห่งหนึ่ง ถูกทหารรักษาพระองค์บุกตรวจค้น พบทองเงินอัญมณีจำนวนมาก ในจำนวนนั้นยังมีแท่งทองที่ประทับตราราชการอยู่ด้วย เป็นเงินช่วยเหลือภัยพิบัติน้ำหลากที่เมืองหลิ่วโจวเมื่อสามปีก่อน”
“คนที่ร้องเรียนคือลู่เอี้ยนฉือจริงเหรอ?” อวิ๋นฉือขมวดคิ้ว
ฟู่ซี๋พยักหน้า
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนลู่เอี้ยนฉือพบเงินช่วยเหลือภัยพิบัตินั่นจริงๆ
ใช้ได้ วางกระดานหมากไว้ถึงสามปี
“ในเมื่อเขาวางแผนมานาน ทำไมถึงยังแต่งงานกับข้าอีก เขาไม่กลัวถูกเดือดร้อนไปด้วยหรือไง?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฟู่ซี๋เองก็รู้สึกแปลกใจ
เรื่องในเรือนขุนนาง เขาไม่เคยเข้าไปยุ่ง แต่ตอนนี้พอคิดๆ ดูแล้ว มันก็น่าสงสัยจริงๆ
“เรื่องนี้มีช่องโหว่เยอะไปหมด ฝ่าบาทอาจจะรู้ว่าตระกูลน่าหลันถูกคนให้ร้าย แต่อาจเกรงว่าพวกเขาจะมีผลงานมากกว่ากลบเกียรติของพระองค์ จึงยืมมือของลู่เอี้ยนฉือกำจัดตระกูลน่าหลันทิ้งเสีย”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าฟู่ซี๋ก็มืดครึ้มลงทันที เขาเหลือบมองอวิ๋นฉืออย่างไม่พอใจ แต่พอจะพูดก็ไม่รู้จะโต้กลับอย่างไร เพราะเขาก็เป็นคนออกราชโองการลงโทษน่าหลันซิ่นเองจริงๆ
แล้วก็เป็นเขาที่มีราชโองการประทานบรรดาศักดิ์แก่จวนกั๋วกงตระกูลลู่
“ซื่อจื่อ!”
เสียงสาวใช้ทำความเคารพดังมาจากด้านนอก
อวิ๋นฉือได้สติกลับมา ยังไม่ทันกำชับอะไร ฟู่ซี๋ก็ทะยานขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนต้นอูถงภายในลานบ้าน
วินาทีต่อมา ลู่เอี้ยนฉือก็เดินเข้ามา เขายกมือคว้าข้อมืออวิ๋นฉือไว้แน่นด้วยความโกรธ
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สบอารมณ์ โกรธที่ข้าเมินเฉยเจ้าตลอดเดือน หากมีโทสะก็มาลงที่ข้า ต่อไปข้าจะชดเชยให้เจ้าเอง”
อวิ๋นฉือเลิกคิ้ว แล้วถามไปตรงๆ ว่า “เจ้าเลยมาขอร้องแทนเด็กในท้องของเย่เจียอี๋อย่างนั้นสินะ?”
ลู่เอี้ยนฉือชะงักไป คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นฉือจะถามตรงขนาดนี้ ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรไปครู่หนึ่ง เขาพูดตรง ๆ ว่า
“การรวมสองเรือนนั้นก็มีแบบอย่างให้เห็นในราชวงศ์ก่อน เจ้าอย่าไร้เหตุผลนักเลย นางก็น่าสงสาร อายุยังน้อยแต่ต้องครองหม้าย ข้าเพียงให้เด็กหนึ่งคนแก่นาง เพื่อให้นางมีที่พึ่งเท่านั้น”
“น่าหลันอวิ๋นฉือ เจ้าใจดำเกินไปแล้ว กับเด็กคนหนึ่งเจ้าก็ไม่เว้นเลยเหรอ”
คนที่ทำผิดคือพวกเขา แต่กลับบอกว่านางลงมือโหดเหี้ยม
มีแต่คนชั่วช้าทั้งนั้น!
“ลู่เอี้ยนฉือ เจ้าก็เลิกหวังเสียเถอะ ความอยุติธรรมที่ข้าได้รับ ข้าจะต้องทวงคืนทุกอย่างไม่ปล่อยทางแน่นอน!”
ลู่เอี้ยนฉือโกรธจัด “หากเจ้าไม่ไปขอขมาท่านย่า ข้าจะไม่เหยียบเข้าห้องของเจ้าอีกแม้ก้าวเดียว!”
“นี่คือโอกาสสุดท้ายที่ข้าจะให้เจ้า!”
อวิ๋นฉือหัวเราะอย่างดูแคลน หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดบริเวณที่ลู่เอี้ยนฉือแตะต้องเมื่อครู่ด้วยท่าทางรังเกียจ
แววตาที่เต็มไปด้วยความขยะแขยงของนาง ทำให้ลู่เอี้ยนฉือถึงกับชะงักไป เขาไม่รู้จะข่มขู่อะไรต่อดี
เป็นไปไม่ได้ ในอดีตอวิ๋นฉือรักเขายิ่งกว่าอะไรดี ขอแค่เขาใช้เรื่องพวกนี้มาข่มขู่นาง นางก็จะต้องยอมรับปากทุกครั้ง
แล้วเหตุใดคราวนี้นางถึงกล้าจ้องเขาด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นนี้ด้วยเล่า?
เขาต้องมองผิดไปแน่ๆ!
เขากัดฟันพูดว่า “ดี! อย่ามาร้องไห้วิงวอนข้าทีหลังก็แล้วกัน!”
พูดจบ เขาไล่บ่าวไพร่ในลานทั้งหมดออก แล้วปิดประตูแน่น สั่งกำชับไม่ให้ใครเข้าออก พร้อมทั้งสั่งว่าให้นางสำนึกตนให้ดีดี และยังห้ามยกสำรับอาหารเย็นมาให้ด้วย
แต่อวิ๋นฉือกลับไม่ได้สนใจเลย นางใช่ว่าจะปีนกำแพงออกไปไม่ได้ซะหน่อย
ในห้องโถงใหญ่ ฮูหยินเฒ่าลู่เห็นลู่เอี้ยนฉือกลับมาหน้าดำคร่ำเครียด ก็เดาผลลัพธ์ออก
นางพูดเสียงขรึมว่า “อวิ๋นฉือคงตั้งใจเล่นงานเจียอี๋ให้ได้งั้นเหรอ?”
เด็กในครรภ์เย่เจียอี๋ คือเหลนคนแรกของตระกูลลู่ ท่านหมอยังบอกว่าเป็นผู้ชายด้วย ฮูหยินเฒ่าลู่ไหนเลยจะยอมให้ทำแท้ง
คำพูดเมื่อกลางวันก็พูดไปเพราะความโมโห พอใจเย็นลงแล้ว นางยิ่งไม่คิดลงมือกับเย่เจียอี๋
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลลู่กับตระกูลเย่ก็แอบทำข้อตกลงกันไว้แล้ว
ตระกูลเย่จะช่วยหนุนหลังลู่เอี้ยนฉือในราชสำนัก ส่วนตระกูลลู่จะให้ที่พึ่งแก่เย่เจียอี๋ ภายหน้าแม้กระทั่งบรรดาศักดิ์ ก็จะให้ลูกชายของเย่เจียอี๋สืบทอด
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกลับถูกอวิ๋นฉือทำให้ปั่นป่วนจนสิ้น
“ท่านย่า ตอนนี้เราควรทำไงดี?” ลู่เอี้ยนฉือถาม
ฮูหยินเฒ่าลู่ครุ่นคิดอยู่นาน “ช่องทางที่เราจะใช้แก้ไขสถานการณ์ในเรื่องนี้คงอยู่ที่ฮูหยินหลิวแล้ว ขอเพียงนางไม่ออกหน้ามาเป็นพยานให้อวิ๋นฉือ เราก็สามารถยืนยันหนักแน่นเรื่องที่อวิ๋นฉืออยู่ที่หออวิ๋นไถในคืนนั้นได้ เมื่อถูกตราหน้าเป็นหญิงสำส่อน คำพูดของนางย่อมไม่มีใครเชื่ออีกต่อไป”
ลู่เอี้ยนฉือคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “แต่ฮูหยินหลิวเป็นหลานสาวขององค์ไทเฮา ไม่ใช่คนที่ตระกูลลู่จะไปบอกให้เปลี่ยนคำพูดก็เปลี่ยนกันได้ง่ายๆ หรอกนะขอรับ”
“ใครบอกว่าไม่ได้กันล่ะ?” ฮูหยินเฒ่าลู่หัวเราะเบาๆ “ฮูหยินเย่มีปฏิสัมพันธ์กับฮูหยินหลิวอยู่บ้าง เพื่อลูกสาวนางเย่เจียอี๋แล้ว ย่อมต้องออกหน้าไปช่วยขอร้องแน่นอน”
พอฮูหยินเฒ่าลู่เตือนสติ ลู่เอี้ยนฉือก็รีบให้คนถือสารไปให้ฮูหยินเย่
เมื่อข่าวไปถึงตระกูลเย่ ฮูหยินเย่ก็โกรธจัด นังสารเลวอวิ๋นฉือบังอาจขึ้นมาเทียบกับลูกสาวของนาง นางจึงรีบไปจวนของฮูหยินหลิวในทันที
ฝ่ายฮูหยินหลิวเดิมก็ถูกผู้อื่นจับจุดอ่อนกดดันอยู่แล้ว ก็ยิ่งไม่พอใจมากอยู่แล้ว
วันนั้นนางแอบนัดพบกับผู้ชายลับๆ ข้างนอก แต่ว่าอย่างมากอวิ๋นฉือก็เป็นแค่พยานที่พบเห็นเรื่องนี้เท่านั้น
แต่ขอแค่นางไม่ยอมรับเสียอย่าง อวิ๋นฉือจะทำอะไรได้?
พอได้ฟังฮูหยินเย่เอ่ยปาก ฮูหยินหลิวจึงยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อวานข้าถูกอวิ๋นฉือร้องไห้รำพันจนใจอ่อนยอมเป็นพยานเท็จให้ คิดไม่ถึงเลยว่านางกลับใส่ร้ายลูกสาวของท่าน เช่นนี้ข้าทนไม่ได้หรอก ท่านวางใจเถิด พรุ่งนี้ข้าจะไปช่วยท่านที่จวนตระกูลลู่เอง”
ฮูหยินเย่ได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก
พรุ่งนี้จะเป็นวันตายของนังสารเลวอวิ๋นฉือ ดูสิว่าถึงเวลานั้นนางจะแก้ตัวยังไงอีก
กลางดึก ตระกูลลู่
อวิ๋นฉือเปลี่ยนเป็นชุดสีดำแล้วย่องไปยังเรือนของเย่เจียอี๋
ตามหลักแล้ว หากคิดจะกำจัดเด็ก ที่เรือนของเย่เจียอี๋น่าจะต้องวุ่นวายไปแล้ว แต่ตอนนี้เงียบผิดปกติแสดงว่าจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
นางแอบซุ่มดูอยู่บนหลังคาครู่หนึ่ง ไม่นาน ประตูก็ถูกผลักออก
ลู่เอี้ยนฉือเดินเข้ามาในห้อง เย่เจียอี๋รีบโผกอดเขาในทันที “เอ๋อร์หลาง เจ้ากลับไปเถิด อย่าให้ใครจับจุดอ่อนได้อีก ข้า…ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเดือดร้อนเพราะข้า”
“พูดอะไรแบบนั้น” ลู่เอี้ยนฉือโอบนางด้วยท่าทางที่อ่อนโยน “ตอนนี้เจ้าตั้งครรภ์อยู่ ห้ามเศร้าเด็ดขาดนะ”
“เจียอี๋ เจ้าวางใจเถิด จะไม่มีใครแตะต้องเจ้ากับลูกแน่นอน” แววตาเขาแฝงความเย็นชาและมุ่งมั่น
“วันนี้ท่านย่าตำหนิเจ้า ก็เพื่อปลอบนางสารเลวนั่นเท่านั้น พรุ่งนี้พอฮูหยินหลิวเปิดโปงคำโกหกของนางต่อหน้าทุกคนแล้ว ข้าจะทำให้นางได้รับผลกรรมที่นางทำแน่นอน”
“เอ๋อร์หลาง…” เย่เจียอี๋พูดด้วยความดีใจ
นางเองก็รู้ข่าวมาจากท่านแม่ของนางแล้ว ว่าพรุ่งนี้ฮูหยินหลิวจะมาช่วยพวกนาง
นางดีใจจนนอนไม่หลับ จึงให้คนแอบไปเชิญลู่เอี้ยนฉือมา
ในทุกค่ำคืนที่ผ่านมา ลู่เอี้ยนฉือนอนอยู่ข้างกายของนางเสมอ ถ้าคืนนี้นางต้องนอนคนเดียว นางก็รู้สึกว่าโดดเดี่ยวเกินจะทนไหว
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็โน้มกายเข้าใกล้ลู่เอี้ยนฉือ ชายหนุ่มรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ก็เลยเริ่มมีปฏิกิริยาปล่อยเนื้อปล่อยตัว
ไม่นาน ก็เกิดเสียงดังขึ้นด้านล่าง
เห็นสองคนนั้นไม่สนใจแม้กระทั้งช่วงมีครรภ์ อวิ๋นฉือแทบคลื่นไส้อาเจียนออกมา จากนั้นก็คิดว่า ที่แท้พวกเขาก็ไปหาฮูหยินหลิวมานี่เอง
คิดจะเปิดโปงนางรึ?
ถ้าอย่างนั้นนางก็จะรอดู ว่าพรุ่งนี้ฮูหยินหลิวจะกล้าพูดหรือเปล่า!
อวิ๋นฉือเคลื่อนไหวแล้วจากไปเงียบๆ ลอบออกจากตระกูลลู่ ไปยังหอศิลป์แห่งหนึ่ง แล้วเดินไปเคาะประตูเบาๆ
