บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

“เป็นไปไม่ได้!” เย่เจียอี๋ลุกพรวดขึ้นทันที ชี้นิ้วด่าทออวิ๋นฉือ “ต้องเป็นเพราะเจ้าซื้อตัวนางไว้แน่ๆ!”

“พอได้แล้ว!” ฮูหยินเฒ่าลู่ตะโกนลั่นด้วยความโมโห “นางข้าหลวงคือแม่นมผู้เคยรับใช้ฝ่าบาท ผู้คนทั่วเมืองหลวงต่างให้ความเคารพ นางจะช่วยอวิ๋นฉือได้อย่างไร!”

อวิ๋นฉือเดินเข้ามาช้าๆ กวาดตามองเย่เจียอี๋ ก่อนหันไปทางฮูหยินเฒ่าลู่

ทั้งหยก ทั้งพยาน ล้วนสู้คำตัดสินว่าบริสุทธิ์ผุดผ่องของนางข้าหลวงไม่ได้

เสียงซุบซิบนินทาทั้งหมดจึงพังครืนลงในพริบตา

“ในเมื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าแล้ว ตอนนี้ถึงคราวที่ข้าจะทวงความยุติธรรมบ้าง”

“เจ้าคิดจะทำอะไรอีก ยังไม่อับอายพอหรือยังไง?” ฮูหยินเฒ่าลู่ไม่สบอารมณ์ ส่งสัญญาณให้นางเลิกก่อเรื่อง

อวิ๋นฉือเอียงหน้าเล็กน้อยแล้วถามว่า “ฐานะคุณนายรองของตระกูลลู่ถูกผู้คนกังขาในความบริสุทธิ์ ถูกบีบบังคับให้ตรวจร่างกายต่อหน้าธารกำนัล เรื่องนี้จะอธิบายต่อข้าเช่นไร?”

“อวิ๋นฉือ!” น้ำเสียงฮูหยินเฒ่าลู่เน้นหนักมากขึ้น สายตาแฝงไปด้วยคำเตือน

เมื่อสายตาทั้งสองคู่สบตากัน ความดุดันของอวิ๋นฉือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย

ท้ายที่สุด ฮูหยินเฒ่าลู่ก็สะบัดมือให้คนยกของกำนัลมามอบให้กับนาง แล้วพูดว่า “เรื่องนี้รอให้ข้าสืบความจริงจนกระจ่างแล้ว จะให้คำอธิบายต่อเจ้าอย่างแน่นอน”

“ไม่ต้องรบกวนฮูหยินเฒ่าหรอกลำบากเจ้าค่ะ ข้าจะเอาคำอธิบายนี้ด้วยตัวเอง!”

พูดจบนางคว้าแขนของปี้เย่ แล้วออกแรงบีบ

“อ๊า—!” ปี้เย่กรีดร้องด้วยความเจ็บ

จากนั้นก็บีบข้อมืออีกข้างหนึ่ง

เสียงกรีดร้องโหยหวนมาก มือทั้งคู่ของปี้เย่ถูกอวิ๋นฉือบีบจนแหลกคามือ

ทุกคนตกใจกันหมด เหลือเพียงเสียงโอดครวญของปี้เย่ที่ดังก้อง

เย่เจียอี๋เริ่มหวั่นใจ อดไม่ได้ต้องทำเสียงน่าสงสาร “อวิ๋นฉือ! เจ้าโหดเหี้ยมเกินไปแล้วนะ นางคือสาวใช้ติดตัวของเจ้านะ”

“ในเมื่อเป็นของข้า ข้าจะลงโทษอย่างไรก็สุดแท้แต่ข้า”

“นางรู้อยู่แก่ใจว่าข้าอยู่ที่วัดแต่กลับจงใจนำทางคนให้ไปจับผิดข้าที่หออวิ๋นไถ ยังลอบขโมยหยกของข้าโยนทิ้งไว้ที่นั่น... บ่าวทรยศเช่นนี้ สมควรตาย!”

อวิ๋นฉือยกเท้าเหยียบใต้เข่าของปี้เย่ เพิ่งแรงเหยียบขึ้นเรื่อยๆ ปี้เย่เจ็บจนตัวสั่น สุดท้ายทนไม่ไหว ส่งเสียงร้องลั่น

“บ่าวผิดไปแล้ว! เป็นเพราะคุณนายใหญ่ข่มขู่บ่าว ขอฮูหยินเมตตาด้วย!”

เย่เจียอี๋รีบเถียงลนลาน “โกหก! ใส่ร้ายกันชัดๆ!”

อวิ๋นฉือชักเท้ากลับ ปรายตาคมกริบใส่เย่เจียอี๋ “เช่นนั้นก็แจ้งทางการเถอะ ข้าเชื่อว่าทางการย่อมสืบหาความจริงได้”

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ หากเรื่องแพร่พรายออกไป ตระกูลลู่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”

ฮูหยินเฒ่าลู่ตบโต๊ะปัง “อาละวาดแค่นี้ก็น่าจะพอได้แล้วนะ โทสะเจ้าก็ได้ระบายแล้ว อย่าได้คืบจะเอาศอก วันนี้เจ้าถูกกลั่นแกล้งจริง ตระกูลลู่ไม่ละเลยแน่นอน ต่อไปยังต้องอยู่ใต้ชายคาเดียวกันอีก เรื่องนี้อย่าทำให้มันเกินไปนัก”

อวิ๋นฉือยิ้มเยาะ “เกินเลยงั้นหรือ? ข้าถูกใส่ร้ายป้ายสี ขอให้สืบหาความจริงกลับถูกกล่าวหาว่าทำเกินไป เรื่องเช่นนี้จำต้องแจ้งทางการ!”

ฮูหยินเฒ่าลู่โกรธจัด ไม่พอใจอวิ๋นฉืออย่างมาก “น่าหลันอวิ๋นฉือ เจ้าอย่าบีบคั้นกันเกินไปนัก เจียอี๋คือพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้านะ!”

เย่เจียอี๋ยืดอก นางยังมีตระกูลเย่หนุนหลังอยู่ แทบจะไม่กลัวใคร

“ในคืนเข้าหอท่านพี่ไปค้างที่เรือนพี่สะใภ้หม้ายถึงหนึ่งเดือนเต็ม ซ้ำยังทำให้นางมีครรภ์ ไม่รู้ว่าหากเรื่องฉาวโฉ่นี้เล็ดรอดออกไป... ตระกูลลู่ยังมีหน้าคงอยู่ในเมืองหลวงอีกไหม?”

สายตาของอวิ๋นฉือจ้องไปยังหน้าท้องของเย่เจียอี๋

แววตาฮูหยินเฒ่าลู่หดลง เรื่องนี้ปกปิดอย่างแน่นหนา อวิ๋นฉือรู้ได้อย่างไร?

นางรีบหันไปมองเย่เจียอี๋ทันที

เย่เจียอี๋ก้มหน้าอย่างตระหนก นางไม่คิดว่าอวิ๋นฉือจะรอดกลับมา เผลอปากไวบอกความจริงเอง

เดิมทีตระกูลลู่วางแผนรอให้เย่เจียอี๋คลอดลูกเสียก่อน ค่อยหาเหตุทำพิธีรับบุตรบุญธรรมครึ่งทาง โดยให้เด็กเข้าไปอยู่ในสายของบ้านใหญ่ของตระกูล

แต่ตอนนี้เรื่องแดงแล้ว หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คนแรกที่จะได้รับผลกระทบก็คือลู่เอี้ยนฉือ

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ต้าหลาง(บุตรชายคนโต)ของตระกูลลู่ก็เพิ่งจะตายไปได้แค่สองปี แถมยังเป็นพี่ชายแท้ๆ ของลู่เอี้ยนฉือ

ถ้าจะรวมสายตระกูลสองเรือน ก็ต้องรออย่างน้อยห้าปีถึงจะทำได้ ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะทิ้งการเข้าหอกับเจ้าสาว แต่กลับไปนอนค้างที่เรือนพี่สะใภ้หม้ายทุกคืนเช่นนี้!

ฮูหยินเฒ่าลู่รู้ว่าเย่เจียอี๋เป็นคนพูดแน่ โทสะยิ่งพลุ่งพล่าน แต่ก็จำต้องระงับไว้ก่อนเพื่อกล่อมอวิ๋นฉือ

นางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “อวิ๋นฉือ ย่ารู้ว่าวันนี้เจ้าน้อยใจ แต่เรื่องที่เจ้าบอกว่าสามีตัวเองคบชู้กับเจียอี๋ มันเป็นไปไม่ได้หรอก คงมีคนพูดยุยงให้แตกกันเป็นแน่”

จากนั้นสายตาของฮูหยินเฒ่าลู่ก็ปรากฎความดุดันขึ้น ชี้ไปที่ปี้เย่ “คนก็ได้! ลากนังบ่าวปากสว่างนี่ออกไป เฆี่ยนให้ตาย!”

ปี้เย่หน้าถอดสี มองฮูหยินเฒ่าลู่อย่างเหลือเชื่อ ยังไม่ทันดิ้นรนก็ถูกคนอุดปากแล้วลากออกไป

“ช้าก่อน!”

อวิ๋นฉือยืนขวางทางเอาไว้ นางไม่ใช่คนโง่ ถึงอย่างไรปี้เย่ก็เป็นทาสกำเนิดจากตระกูลน่าหลัน ติดตามนางมาเป็นสาวใช้ส่วนตัว

ถ้าโยนความผิดทั้งหมดให้นาง ก็เท่ากับโยนความรับผิดชอบกลับมาที่ตัวอวิ๋นฉือเอง

สุดท้ายปี้เย่ตาย ตระกูลลู่ก็จะตราหน้าว่าอวิ๋นฉือสอนบ่าวไม่เป็นอีกกระทง

นางไม่ยอมถูกเล่นงานเช่นนั้นแน่

ลู่เอี้ยนฉือพูดเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อวิ๋นฉือ อย่าทำให้เรื่องบานปลาย ระวังจะอยู่ในตระกูลลู่ต่อไปอีกไม่ได้ เรื่องนี้ให้จบที่บ่าวของเจ้าเป็นผู้ยุแยงก็พอ”

เรื่องที่อวิ๋นฉือไม่เคยกลัวก็คือการข่มขู่

“ปี้เย่ไม่ใจกล้าขนาดนั้นหรอก หากว่าทุกอย่างเป็นเท็จ ก็เรียกหมอมาตรวจชีพจรเสียให้รู้ดำรู้แดงไปเลยสิ”

นางไม่ได้คิดช่วยชีวิตปี้เย่ เป้าหมายของนางตั้งแต่ต้นจนจบ คือเย่เจียอี๋ทั้งสิ้น

ส่วนปี้เย่ไว้ค่อยจัดการทีหลัง

“เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ!” เย่เจียอี๋เดือดดาล “ข้าเป็นลูกสาวของตระกูลเย่นะ พี่สาวข้าก็เป็นถึงกุ้ยเฟย เจ้ากล้าดียังไงมาตรวจข้า!”

อวิ๋นฉือยิ้มเยาะ “ถ้าไม่ตรวจก็ตายมันยกบ้าน เย่เจียอี๋เจ้าเคยพูดต่อหน้าคนอื่นว่าตระกูลน่าหลันถูกฝ่าบาทลงอาญา ก็เพราะลู่เอี้ยนฉือสร้างหลักฐานเท็ตจึงโค่นลงได้ หากข้าพูดเรื่องนี้ออกไป จวนกั๋วกงจะยังอยู่ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย”

“พอได้แล้ว!” ฮูหยินเฒ่าลู่รีบพูดตัดบท ในเวลานี้นางโกรธเย่เจียอี๋ที่โง่เขลา และโกรธอวิ๋นฉือที่บีบคั้น

เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้นางถูกกดดันอย่างถึงที่สุด อวิ๋นฉือที่เคยอ่อนหวาน ตอนนี้กลับแข็งกร้าวอย่างหนัก

ฮูหยินเฒ่าลู่รู้ดี หากไม่สะสางให้ดี อวิ๋นฉือเล่นถึงบ้านแตกสาแหรกขาดแน่

“เจ้าวางใจเถิด เรื่องนี้ข้าจะให้คำชี้แจงแก่เจ้าเอง! ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กในท้องของเย่เจียอี๋เกิดมา เจ้าพอใจแล้วหรือยัง?”

เมื่อพูดจบ ใบหน้าเย่เจียอี๋ก็ซีดขาว นางร้องเรียกท่านย่าไม่หยุด แต่ไม่มีใครสนใจ

อวิ๋นฉือพอใจมาก คว้าหยกจากมือของลู่เอี้ยนฉือคืน แล้วหันหลังจากไป

หยกชิ้นนี้มีประโยชน์มาก

แม่บังเกิดเกล้าของอวิ๋นฉือเป็นบุตรีทายาทตระกูลถังมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเขตชิงเหอ ทรัพย์สินมหาศาล หยกชิ้นนี้สามารถไปขึ้นเงินที่ร้านค้าของตระกูลถังได้ทุกแห่ง

เมื่อได้หยกคืน อวิ๋นฉือก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

“ฮูหยิน!” ปี้เย่ฝืนร่างกายเดินกระโผลกกระเผลกตามมา คุกเข่าลงตรงหน้าอวิ๋นฉือ “ฮูหยิน บ่าวถูกบังคับ ให้โอกาสบ่าวอีกสักครั้งเถอะนะเจ้าคะ ต่อไปบ่าวจะเป็นวัวเป็นควายตอบแทนบุญคุณของฮูหยินเจ้าค่ะ”

อวิ๋นฉือใจดีมีเมตตา หากนางยอมขอขมา นางก็จะต้องให้อภัยตัวเองแน่

นางเพิ่งจะคิดแบบนี้ แต่กลับถูกบีบคอแน่น

“ข้าเกลียดที่สุดคือบ่าวทรยศนาย โดยเฉพาะพวกที่หักหลังนายผู้เลี้ยงดูมาเกือบสิบปีเพื่อเศษเงินเพียงเล็กน้อย!”

ปี้เย่นึกถึงภาพเมื่อครู่ที่อวิ๋นฉือบีบมือของตนจนแหลก สายตาของนางรู้สึกตื่นกลัว “ฮูหยิน! บ่าวไม่กล้าอีกแล้ว...”

อวิ๋นฉือรำคาญเสียงของนาง ยกมือฟาดจนสลบ

“ส่งกลับตระกูลน่าหลัน ฆ่าให้ตาย!”

ฟู่ซี๋ที่ติดตามอยู่เห็นท่วงท่าของนางคล่องแคล่วชำนาญ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอย

เขาอดคิดไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ลงมือโหดเหี้ยมเสียจริง

“เด็กตายไปแค่คนเดียว ก็ไม่เอาเรื่องต่อแล้วเหรอ?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel