บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

ทันทีที่ได้ยินคำว่า “หออวิ๋นไถ” สีหน้าที่ยิ้มแย้มของฮูหยินเฒ่าลู่ก็มืดหม่นลงทันที “จริงหรือ?”

ลู่เอี้ยนฉือกัดฟันแน่นเอ่ยปากต่อว่าด้วยความโกรธ “จริงแน่นอน! นังสารเลวนั่นทนเหงาไม่ไหว ถึงกับกล้าไปหาผู้ชายที่หออวิ๋นไถ หลานยังพบหยกประจำตัวของนางอยู่บนเตียงนั้นด้วย! แม่เล้าบอกว่านางเรียกชายหลายคนมาในคราวเดียว หญิงสกปรกชั่วช้าเช่นนั้น หลานไม่ต้องการอีกแล้ว!”

“ท่านฮูหยินเฒ่า เป็นความผิดของบ่าวเองเจ้าค่ะ บ่าวเองที่ดูแลคุณนายรองไม่ดี ถึงปล่อยให้นางทำผิดมหันต์เช่นนี้” ปี้เย่คุกเข่ากระแทกพื้นเสียงดัง

ฮูหยินเฒ่าลู่เดิมก็สงสัยอยู่แล้ว เมื่อได้ฟังทั้งสามคนรายงานเช่นนั้น ก็โกรธจัด แต่ก็ยังมีสติอยู่ “แล้วเรื่องของฮูหยินหลิวจะอธิบายเช่นไร?”

เย่เจียอี๋รีบฉวยจังหวะพูดว่า “คิดว่าคงใช้อุบายบางอย่าง เพราะต่อให้น่าหลันซิ่นจะถูกจองจำอยู่ในคุก แต่ตระกูลน่าหลันก็เคยเป็นตระกูลใหญ่”

พูดจบ ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าคุณนายรองกลับมาแล้ว

อวิ๋นฉือเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวสีอ่อนเรียบง่าย ผมถูกรวบขึ้นเป็นมวยเรียบร้อย ปักเพียงปิ่นเงินไม่กี่ชิ้น

ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจบดบังความงามของนางได้

ผิวขาวเนียน ดวงหน้าอ่อนละมุน ท่วงท่ากิริยาสง่ามีชาติตระกูล

“ท่านย่า” อวิ๋นฉือโค้งทำความเคารพ แต่ยังไม่ทันลุกก็ถูกเย่เจียอี๋คว้าข้อมือไว้แน่น

“อวิ๋นฉือเจ้านี่เหลวไหลนัก ทำไมถึงได้ไปสถานที่แบบนั้นด้วย แล้วยังทำให้คนรู้กันทั่วทั้งเมืองอีก แถมหลอกให้ฮูหยินหลิวช่วยเป็นพยานเท็จหลอกท่านย่าอีก ครั้งนี้ ข้าช่วยเจ้าไม่ได้จริงๆ!”

“หญิงสารเลว! ตระกูลลู่ดูแลเจ้าอย่างดี เจ้ากลับกล้าทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้!” ลู่เอี้ยนฉือตวาดลั่น

อวิ๋นฉือกำหมัดแน่น ถึงได้ข่มอารมณ์ไม่ให้ยกมือตบกลับไป

ฮูหยินเฒ่าลู่พูดเสียงเข้มขึ้นมาว่า “อวิ๋นฉือเจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก กลับห้องไปสำนึกตนเสีย ห้ามออกจากเรือนเด็ดขาด!”

“ไม่ได้! ข้าจะหย่ากับนาง หญิงสกปรกเช่นนี้ ข้ารับไม่ได้!”

อวิ๋นฉือนิ่งเงียบ มองดูพวกเขาแต่ละคนโกรธแค้นมีคุณธรรม ก็ยิ้ม

นางยิ้มแล้วมองพวกเขาเขียนหนังสือหย่าออกมาอย่างรวดเร็ว ตัวอักษรแต่ละตัวล้วนเต็มไปด้วยคำลบหลู่

ข้อหนึ่งกล่าวหาว่านางสำส่อนไม่อยู่ในศีลธรรม ข้อสองกล่าวว่านางไม่ให้เกียรติสามี ทำให้เขาเป็นที่ตัวตลกในเมืองหลวง ถ้อยคำแต่ละประโยคล้วนหยาบกระด้าง เหมือนตั้งใจสาปแช่งนางด้วยความพูดที่เลวร้ายที่สุด

อวิ๋นฉือหัวเราะเยาะ แล้วรับหนังสือหย่ามา

จากนั้นก็ฉีกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วปาใส่หน้าลู่เอี้ยนฉือ

การกระทำกะทันหันเช่นนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง

“น่าหลันอวิ๋นฉือ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!” ลู่เอี้ยนฉือกัดฟันแน่น กำหมัดจนดังกรอบแกรบ พร้อมที่จะตบอวิ๋นฉือทุกเมื่อ

น่าหลันอวิ๋นฉือยืดอกแล้วพูดว่า “เมื่อครั้งตระกูลน่าหลันรุ่งเรือง เจ้าคลานมาประจบข้าเหมือนหมา บอกว่าจะไม่แต่งกับใครนอกจากข้า ตอนนี้พอพ่อข้าเพิ่งถูกจองจำได้ไม่นาน เจ้าก็เผยธาตุแท้ออกมา วางแผนใส่ร้ายเพียงเพื่อจะหย่ากับข้า”

สายตานางจ้องมองทุกคน “คิดว่าตระกูลน่าหลันของข้าจะรังแกกันได้ง่ายๆ เหรอ!”

คำพูดนั้นทำให้ฮูหยินเฒ่าลู่สะดุ้งเล็กน้อย

เย่เจียอี๋ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงต่อว่าด้วยความโมโหว่า “อวิ๋นฉือ เรื่องฉาวโฉ่ที่เจ้าคนเขารู้กันทั่วแล้ว...”

พูดยังไม่ทันจบประโยค เสียง “เพี๊ยะ!” ก็ดังสนั่น

เย่เจียอี๋ยกมือกุมหน้าด้วยความตกใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม

“เย่เจียอี๋ ข้าเคยสงสารเจ้าที่อายุน้อยก็ต้องเป็นหม้าย เจ้ากลับหลอกข้าให้ไปวัดเพื่อเอาเครื่องราง แล้ววางแผนร้ายเล่นงานข้า เจ้าคนต่ำช้า!”

นางคว้าเครื่องรางปาใส่นางอย่างแรง

“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร!” เย่เจียอี๋หน้าซีดเริ่มหวั่นใจ เมื่อวานนางลำพองตัวเกินไปหน่อย ถึงได้พูดเรื่องจริงออกมาจนหมด

จะโทษก็โทษที่นางเก็บกดมานานเกินไป ถึงได้ทนไม่ไหว

ขอแค่นางไม่ยอมรับ ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าอวิ๋นฉือพูดเรื่องจริง เย่เจียอี๋แสร้งทำเป็นน้อยใจหันไปมองฮูหยินเฒ่าลู่

“น่าหลันอวิ๋นฉือ เจ้าอาละวาดพอหรือยัง!”

ฮูหยินเฒ่าลู่ตะคอกลั่น “ยังไม่รีบไปขอโทษเจียอี๋อีก!”

อวิ๋นฉือยิ้มเยาะอีกครั้ง “ข้าถูกใส่ร้าย แม้แต่การพยายามอธิบายความจริงยังกลายเป็นเรื่องผิด โลกนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม หรือว่าตระกูลลู่จะคิดจะใช้อำนวจปกปิดความชั่ว เอื้อประโยชน์ให้คนทำผิด แค่หยกที่หายไปเพียงชิ้นเดียว กับคำพูดของสาวใช้ทรยศคนหนึ่ง ก็ตัดสินโทษแล้วว่าข้ามีความผิดงั้นหรือ แบบนี้ไม่เร็วไปหน่อยหรือ?”

“น่าหลันอวิ๋นฉือ เจ้าทำเรื่องอัปยศจนคนรู้กันไปทั่วเมืองแล้ว ยังกล้าปฏิเสธอีก!” ลู่เอี้ยนฉือพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เขาคิดในใจว่าที่ยังไม่ฆ่านางเสียเดี๋ยวนั้นก็ถือว่าดีแล้ว

อวิ๋นฉือย้อนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เจ้าจับได้คาหนังคาเขา หรือว่าแค่ได้ยินคนอื่นพูดกันล่ะ?”

ลู่เอี้ยนฉือถึงกับอึ้งพูดไม่ออก

“คนทั้งเมืองชมว่าเจ้าฉลาด อนาคตไกล แต่ในสายตาข้า ในสมองของเจ้าคงมีแต่น้ำ ถึงได้มองไม่ออกแม้แต่อุบายตื้นๆ เช่นนี้!”

ถูกอวิ๋นฉือต่อว่า ทำให้สีหน้าลู่เอี้ยนฉือกลายมืดคล้ำขึ้นมา

“ถึงข้าจะไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่ตั้งแต่เราแต่งงานกันมา ข้าไม่เคยแตะต้องเจ้าเลย เจ้ากล้าให้ตรวจร่างกายไหมล่ะว่าเจ้ายังบริสุทธิ์อยู่!”

“ใช่!” เย่เจียอี๋รีบเสริมทันที โผล่หน้ามาตรงบริเวณอ้อมแขนของสาวใช้ “หากตรวจพิสูจน์ได้ว่าเจ้าบริสุทธิ์ เรื่องเมื่อคืนก็ถือว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ถ้าไม่ใช่...”

นังสารเลวนี่กินยาปลุกกำหนัดเข้าไป หากไม่ได้ชายใดมาช่วยถอนฤทธิ์ยา ยังไงก็ต้องตายแน่นอน

อวิ๋นฉือเชิดคางขึ้น “ได้!”

“แต่ข้ามีข้อแม้ ข้าไม่ไว้ใจให้คนของตระกูลลู่เป็นคนตรวจ ต้องหาคนข้างนอกมาตรวจเท่านั้น” อวิ๋นฉือไม่เชื่อใจพวกเขาอยู่แล้ว ต่อให้นางไม่มีความผิด พวกเขาก็ต้องหาทางยัดเยียดให้มีอยู่ดี

สีหน้าของเย่เจียอี๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่พอคิดอีกที ไม่ว่าจะใครมาตรวจ ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมอยู่ดี

“พอได้แล้ว!” ฮูหยินเฒ่าลู่ตบโต๊ะ พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ยังขายหน้าไม่พออีกหรือ อวิ๋นฉือ วันนี้เจ้าอวดดีเกินไปแล้วนะ เดิมข้ายังไม่คิดว่าคนอย่างเจ้าจะทำเรื่องต่ำทรามเช่นนั้น ตอนนี้ข้าก็จำต้องเชื่อแล้ว!”

อวิ๋นฉือจำได้ว่าในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ฮูหยินเฒ่าลู่นั้นล้มป่วยเดือนกว่าๆ ถึงขั้นเดินไม่ได้

แต่ตอนนี้กลับแข็งแรงกว่าใครเสียอีก

“ฮูหยินเฒ่าตัดสินข้าง่ายดายเช่นนี้ ท่านคิดจะบีบให้ข้าตายอย่างนั้นหรือ?” อวิ๋นฉือจี้ถาม

“เจ้า!” ฮูหยินเฒ่าลู่โกรธจนพูดไม่ออก ก่อนจะพยักหน้าแรงๆ “ได้ ได้ ในเมื่อเจ้ายังไม่รู้สำนึกอีก เช่นนั้นก็ตรวจ!”

ดังนั้นฮูหยินเฒ่าลู่จึงสั่งให้ไปตามนางข้าหลวง นางข้าหลวงเคยเป็นคนที่ทำงานในวังหลวงมาก่อน

ยังเคยรับใช้ใกล้ชิดกับฝ่าบาท คำพูดของนางย่อมไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน

“ถ้าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ก็เพราะว่าเจ้าทำตัวเอง โทษตระกูลลู่ไม่ได้นะ!”

ฮูหยินเฒ่าลู่คิดได้แล้ว หากกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาก็จะได้โอกาสหย่าขาดจากอวิ๋นฉือเสียเลย

ใบหน้าอวิ๋นฉือนิ่งไม่สะทกสะท้าน นางมีวิธีที่จะเปลี่ยนผลลัพธ์อยู่แล้ว

ไม่นานนางข้าหลวงก็ถูกเชิญมา นางตรวจร่างกายคนมาไม่น้อย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ถูกเรียกไปตรวจในตระกูลใหญ่ขนาดนี้

“รบกวนด้วย” ฮูหยินเฒ่าลู่เอ่ยอย่างสุภาพ

นางข้าหลวงพาอวิ๋นฉือเข้าไปยังเรือนข้าง ระหว่างที่อวิ๋นฉือยังไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดีนั้น นางข้าหลวงกลับก้มแล้วกระซิบ “ท่านแม่ของท่านเคยมีบุญคุณกับข้า วันนี้ฮูหยินตกที่นั่งลำบาก ข้าขอถือโอกาสตอบแทนบุญคุณนั้น”

หือ?

โชคดีขนาดนี้เลยเหรอ?

ฟู่ซี๋โผล่เข้ามาทางหน้าต่าง ยื่นของที่อวิ๋นฉือต้องใช้ให้

นางข้าหลวงเหลือบมองเขา เข่าทั้งสองข้างงแทบทรุด แต่ถูกฟู่ซี๋ส่งสายตาให้สงบไว้

หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป

นางข้าหลวงก็ออกมาประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “คุณนายรองบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel