บทที่ 3
ลู่เอี้ยนฉือเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าเป็นหยกของน่าหลันอวิ๋นฉือจริงๆ
นั่นก็หมายความว่า เมื่อคืนนี้น่าหลันอวิ๋นฉือมาสำเริงสำราญอยู่ที่นี่จริงๆ!
“ไปตามหานางผู้หญิงสารเลวให้เจอ สั่งปิดข่าวที่นี่ทั้งหมด!” ลู่เอี้ยนฉือสั่งด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
อวิ๋นฉือเห็นว่ามาไม่ทันการแล้ว เลยไม่รีบร้อนอีก
หยกชิ้นนั้น ไม่ว่ายังไงไม่ช้าก็เร็วนางก็จะต้องไปเอากลับมาด้วยตัวเองอยู่ดี
นางรีบค้นหาความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอย่างเร่งด่วน จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องอื้อฉาวเรื่องหนึ่งที่เจ้าของร่างเดิมไปพบโดยบังเอิญ
ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเวลาที่เหมาะจำนำมันมาใช้ประโยชน์แล้ว
“ข้ามีเรื่องให้เจ้าทำ” อวิ๋นฉือมองไปที่ฟู่ซี๋อย่างจริงจัง
ฟู่ซี๋สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยังไม่ค่อยชินกับสถานะใหม่ของตัวเองมากนัก ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ตอบสั้นๆ ว่า “ว่ามา”
อวิ๋นฉือสั่งเสร็จ ฟู่ซี๋ก็หันร่างที่เบาบางราวกับนกนางแอ่น กระโดดเหินไปทางหลังคา เพียงพริบตาก็หายวับไป ส่วนอวิ๋นฉือยังเอนกายชมละครต่อไป
“เรียนนายท่านรอง ไม่พบขอรับ”
“นายท่านรอง ค้นจนทั่วแล้วไม่พบเลยขอรับ”
องครักษ์ผลัดกันมารายงาน
เย่เจียอี๋ขมวดคิ้ว เป็นไปไม่ได้ นังสารเลวนั่นกินยาปลุกกำหนัดเข้าไปแล้วไม่มีทางหนีออกจากหออวิ๋นไถได้แน่ๆ
ในเวลานี้เองแม่เล้าก็เข้ามากระซิบที่ข้างหู เย่เจียอี๋ก็ชะงักไป คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อคืนวานนางสารเลวนั่นจะหนีไปได้?
แต่แล้วจะอย่างไรเล่า ตอนนี้ทุกคนก็รู้กันหมดแล้วว่าน่าหลันอวิ๋นฉือไม่รักษาศีลธรรม ไร้ยางอาย
จะหาตัวพบหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว
บางที นางอาจจะกระโดดแม่น้ำจมน้ำตายไปแล้วก็ได้
“น้องรอง ที่นี่ไม่ควรอยู่นานนะ พวกเรากลับกันก่อนเถิด บางทีอวิ๋นฉืออาจกลับไปก่อนแล้วก็ได้ ที่นี่มีเส้นทางคดเคี้ยวมากมาย ไม่ได้มีเพียงเส้นทางเดียว หากอวิ๋นฉือกลับไปก่อนทำให้ท่านย่าตกใจขึ้นมา เรื่องจะยุ่งเอาได้นะ”
ลู่เอี้ยนฉือพยักหน้า โกรธจนสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
เย่เจียอี๋ก็รีบตามไปทันที
เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว แม่เล้าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก กำลังจะก้าวเท้าเดินออกไป แต่จู่ๆ ใต้คางกลับถูกกรรไกรเล่มหนึ่งจ่ออยู่ นางตกใจจนแทบกรีดร้องออกมา
“ใคร!”
อวิ๋นฉือหัวเราะด้วยความเย็นยะเยือก
แม่เล้าเป็นคนเจ้าเล่ห์พอสมควร แค่ได้ยินเสียงก็รู้ทันทีว่าเป็นอวิ๋นฉือ ความตกใจกลัวในดวงตาค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นความดูแคลนแทน “คุณนายรอง ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน”
กรรไกรในมืออวิ๋นฉือดันเข้าไปอีกนิ้ว บาดคอของแม่เล้าจนเป็นรอย
ความปวดแปลบที่ลำคอทำให้นางเริ่มตระหนก “คุณนายรอง ข้าก็ถูกบังคับเหมือนกัน...”
พูดยังไม่ทันจบ อาจเพราะเสียงของแม่เล้าดังเกินไป ชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำสองคนก็พรวดพราดเข้ามาในห้อง พวกเขาถลกแขนเสื้อขึ้นหมายจะลงมือกับอวิ๋นฉือทันที
อวิ๋นฉือปล่อยมือจากกรรไกร ผลักแม่เล้าออกไปด้านข้าง จากนั้นก็พลิกตัวเข้าปะทะกับชายสองคนนั้นอย่างคล่องแคล่ว ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียว
“ฉั่บ!”
“ฉั่บ!”
กรรไกรถูกแยกออกเป็นสองชิ้น แทงตรงเข้าอกของชายฉกรรจ์ทั้งสองคน พวกเขาล้มลงสิ้นใจทันที
แม่เล้ากรีดร้องลั่นด้วยความตกใจ เสียงนั่นดึงดูดให้คนกรูเข้ามาอีกสิบกว่าคน นางตะโกนลั่นว่า “เร็วเข้า! จับนางไว้!”
ชายฉกรรจ์ทั้งสิบกว่าคนพุ่งเข้าหานางพร้อมกัน
อวิ๋นฉือคว้าเส้นลวดสีเงินเส้นหนึ่งออกมา พันรอบฝ่ามือทั้งสองข้าง ร่างกายของนางเคลื่อนไหวว่องไวราวกับภูตผี พุ่งไปมาท่ามกลางกลุ่มชายฉกรรจ์กว่าสิบคน ทุกที่ที่นางผ่านไป พวกเขาไม่มีใครได้ทันตั้งตัว ก็เห็นเพียงเลือดซึมออกจากลำคอของอีกฝ่ายเท่านั้น
ชั่วกะพริบตาเดียว ทุกคนก็ล้มระเนระนาด ยังมีเลือดติดอยู่บนใบหน้าของอวิ๋นฉือ นางจ้องมองแม่เล้าด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม
“ตุบ!”
แม่เล้าตกใจคุกเข่าลงกับพื้น “คุณนายรอง ข้าเองที่มีตาหามีแววไม่ ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างปล่อยข้าไปเถอะนะ ทุกอย่างล้วนเป็นคำสั่งของคุณนายใหญ่ลู่ทั้งนั้น!”
อวิ๋นฉือเดินเข้าไปหาแม่เล้า ร่างในชุดขาวหิมะบริสุทธิ์ แต่ใบหน้าไร้แววเหยียบลงบนซากศพที่เกลื่อนพื้น คล้ายอสูรที่เพิ่งปีนขึ้นจากนรก ทำเอาแม่เล้าตัวสั่นไปทั้งตัว
เมื่อแม่เล้าถอยจนหมดทางอวิ๋นฉือก็บีบคางนางไว้แน่น อวิ๋นฉือไม่ลังเลใจที่จะยัดยาอย่างหนึ่งเข้าไปที่ปากของนาง แล้วบังคับให้นางกลืนลงไป ก่อนจะปล่อยมือ
“เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน!” แม่เล้าร้องลั่น แล้วเอามือล้วงคอพยายามให้ตัวเองอาเจียนออกมา
อวิ๋นฉือยิ้มเยาะ “ชีวิตของหญิงสาวมากมายที่หออวิ๋นไถต้องพังลงเพราะไอ้ของบ้าๆ นี่ทั้งนั้น เจ้าเองก็ควรลิ้มรสมันบ้างไม่ใช่หรือไง?”
“ยาปลุกกำหนัด!” แม่เล้าตื่นตระหนก แบบนี้ไม่สู้ฆ่านางให้ตายเสียดีกว่า
ยาที่อวิ๋นฉือให้นางกินนั้นมากกว่าที่เมื่อคืนอวิ๋นฉือกินหลายสิบเท่า พริบตาเดียวยาก็เริ่มออกฤทธิ์
ดวงตาของแม่เล้าเริ่มฉ่ำเยิ้ม ยื้อขยี้ฉีกเสื้อผ้าของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง สติเริ่มเลือนหายไป สุดท้ายทนไม่ไหว วิ่งลงไปชั้นล่างในสภาพเปลือยเปล่า เมื่อเห็นใครก็จะพุ่งเข้าหาโดยไม่เลือกหน้า
อวิ๋นฉือเห็นดังนั้น เพลิงโทสะในใจจึงมอดลงครึ่งหนึ่ง
เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากด้านบนหลังคา อวิ๋นฉือไม่คิดจะอยู่ต่ออีก นางสะบัดมือให้ตะเกียงไฟล้ม ประกายไฟลุกลามไปที่ผ้าม่านในทันที
นางผลักหน้าต่างออก กระโดดลงจากชั้นบน พลิกตัวสองสามครั้งก็ออกจากหออวิ๋นไถมุ่งหน้าไปยังจุดนัดหมาย
ฟู่ซี๋รออยู่แล้ว ซ้ำยังจัดหารถม้าคันใหญ่เตรียมไว้ให้ด้วย
อวิ๋นฉือยกนิ้วโป้งชมเขาด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถิด เมื่อข้าจัดการเรื่องยุ่งยากพวกนี้เรียบร้อยเมื่อไหร่ ข้าจะรีบคิดหาวิธีถอนพิษให้เจ้าโดยเร็วที่สุด”
สีหน้าของฟู่ซี๋อ่อนลงไม่น้อย ตอนนี้เขาเองก็รู้ความจริงทั้งหมดแล้วว่าอวิ๋นฉือเองก็ถูกวางแผนเล่นงาน เรื่องที่เกิดเมื่อคืนล้วนเป็นความบังเอิญเท่านั้น
อวิ๋นฉือขึ้นไปนั่งบนรถม้า แล้วออกคำสั่งว่า “ไปจวนตระกูลลู่”
“อืม!”
ทางด้านหลัง หออวิ๋นไถในตอนนี้วุ่นวายโกลาหลไปหมด ผู้คนภายในกรีดร้องหนีตายกันอลหม่าน เปลวเพลิงค่อยๆ ลุกไหม้จนยากจะควบคุม
ตระกูลลู่
เมื่อลู่เอี้ยนฉือกลับถึงจวน ยังไม่ทันไต่ถามถึงข่าวคราวของอวิ๋นฉือ ก็ถูกพ่อบ้านเรียกตัวไปอย่างเร่งรีบ เย่เจียอี๋ก็ตามอยู่ด้านหลังด้วยความตื่นเต้น
เรื่องของหญิงสารเลวนั่นที่หออวิ๋นไถคงปิดไม่มิดแน่ๆ แพร่มาถึงจวนตระกูลลู่แล้ว
“น้องรอง อีกเดี๋ยวห้ามวู่วามเป็นอันขาดนะ อวิ๋นฉืออาจมีเหตุจำเป็นก็ได้” เย่เจียอี๋พูดขึ้นมาจากด้านหลังด้วยท่าทีเข้าอกเข้าใจ
ลู่เอี้ยนฉือส่งเสียงสบถในลำคอเท่านั้น นางกล้าทำเรื่องไร้ยางอายถึงเพียงนี้ เขาแทบอยากจะฆ่านางทิ้งเสียเดี๋ยวนี้เลย
เมื่อมาถึงโถงใหญ่
“เอ๋อร์หลางกลับมาแล้วรึ” ฮูหยินเฒ่าลู่เห็นหลานชายก็ยิ้มจนแก้มพอง “เมื่อกี้แม่นมข้างกายของฮูหยินหลิวตั้งใจมาขอบใจที่อวิ๋นฉืออยู่ดูแลฮูหยินหลิวทั้งคืน เลยนำของกำนัลมามอบให้”
บนโต๊ะข้างๆ มีสมุนไพรวิเศษล้ำค่ามากมายวางเรียงรายอยู่
ลู่เอี้ยนฉือขมวดคิ้ว
ฮูหยินหลิวคือภรรยาเอกของแม่ทัพหลิว ซ้ำยังเป็นหลานสาวของไทเฮาองค์ปัจจุบันด้วย ยังมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงท่านหญิงอีก
นับแต่แม่ทัพหลิวตายในสมรภูมิรบ ฮูหยินหลิวก็แทบไม่ออกไปไหนมาไหนเลย หลายคนอยากผูกมิตรล้วนถูกปฏิเสธทั้งสิ้น
ตอนนี้อวิ๋นฉือกลับมีวาสนาช่วยชีวิตฮูหยินหลิวเอาไว้โดยบังเอิญ ฮูหยินเฒ่าลู่ย่อมพึงพอใจอย่างมาก
“เป็นไปได้อย่างไร?” เย่เจียอี๋อุทานขึ้นมา “เมื่อวานอวิ๋นฉือไม่ได้อยู่ที่วัดเลย แต่นางไปที่หออวิ๋นไถ”
