บทที่ 5 ภัยร้ายมาเยือน
สิบสามปีให้หลัง
ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปวันแล้ววันเล่า ฉินเพ่ยเหยาเติบโตขึ้นเป็นสาวสะพรั่งที่เพิ่งผ่านพ้นพิธีปักปิ่นมาหมาดๆไม่กี่เดือนก่อน ปีนี้นางอายุได้สิบหกหนาวแล้ว ใบหน้าถอดแบบผู้เป็นพ่อกับแม่มาอย่างละครึ่ง นับว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวยิ่งนัก ในเมืองหลวงความงดงามของนางเป็นที่เลื่องลือพอๆกับ 'กวนเสี่ยวผิง' บุตรสาวของเสนาบดีกรมโยธาขุนนางขั้นสาม ซึ่งฉินเพ่ยเหยารู้ว่าสตรีผู้นี้คือนางเอกในนิยายเรื่องที่นางเคยอ่านนั่นเอง
"วันที่หนึ่งเดือนห้า" ร่างบางกล่าวพึมพำกับตัวเองเบาๆ ท่ามกลางหมู่คนมากมายที่เดินผ่านไปมา อีกทั้งยังมีพ่อค้าแม่ขายที่กำลังร้องเรียกลูกค้าอยู่ในตลาดเสียงดัง แต่ไม่ได้ทำให้ฉินเพ่ยเหยารู้สึกสนใจได้เลยแม้แต่น้อย
"คุณหนูบ่นพึมพำอะไรหรือเจ้าคะ" หลี่ซินยื่นหน้าเข้ามาถามด้วยความแปลกใจ เมื่อได้ยินคุณหนูเอาแต่พูดทวนประโยคเดิมซ้ำๆเป็นเวลานานสองนานแล้ว
"วันที่หนึ่งเดือนห้างั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นก็คืออีกเจ็ดวันข้างหน้านี้แล้วสินะ" ฉินเพ่ยเหยาหยุดเดินอย่างกะทันหัน ส่งเสียงอุทานขึ้นด้วยความตกใจ หากอิงตามเนื้อเรื่องในนิยาย วันที่หนึ่งเดือนห้าคือวันที่ตัวร้ายจะเดินทางกลับมายังจวนสกุลฉินหลังจากที่จบการศึกษาจากสำนักศึกษาที่เมืองไต้ถง
เป็นเวลากว่าสิบปีที่นางกับโจวจื่อหานไม่ได้พบเจอกัน แม้ช่วงระหว่างนั้นจะมีกำหนดปิดภาคการศึกษา แต่โจวจื่อหานก็ไม่ยอมกลับมาเหยียบที่จวนสกุลฉิน มีเพียงแค่ฉินหมิงเจ๋อที่ออกเดินทางไปเยี่ยมเขาปีละหนึ่งครั้ง
"คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ ไยจู่ๆถึงได้หยุดเดินล่ะเจ้าคะ" หลี่ซินถามขึ้นอีกหน เสียงของนางทำให้ฉินเพ่ยเหยาหลุดจากภวังค์ความคิด
"หลี่ซิน พี่ใหญ่จากไปได้เป็นสิบปีแล้ว เจ้าคิดว่าพี่ใหญ่จะยังโกรธเคืองข้าหรือไม่"
หลี่ซินมองคุณหนูน้อยที่นางเคยเห็นตั้งแต่เกิด จวบจนป่านนี้เติบโตมาเป็นสาวสะพรั่งด้วยแววตาอ่อนโยน
"ไม่หรอกเจ้าค่ะ คุณชายจื่อหานเป็นคนดี ที่ผ่านมาไม่ว่าคุณหนูจะรังแกหรือเอ่ยปากขับไล่ คุณชายก็ไม่ได้มีท่าทางเคืองโกรธคุณหนูเลยสักครั้ง"
'เจ้าไม่เห็นมากกว่า' ฉินเพ่ยเหยาคิดในใจ
นางยังจำได้ดีถึงรอยยิ้มร้ายที่เขาส่งมาให้ ไหนจะสายตาวาววับน่ากลัวในวันที่เขากำลังจะเดินทางไปเมืองไต้ถง ในวันนั้นท่านพ่อกับท่านแม่เดินออกมาส่งเขาขึ้นรถม้าที่หน้าประตูจวน โดยที่นางแอบมองอยู่หลังประตู แต่ในตอนที่เขากำลังจะก้าวขึ้นรถม้า โจวจื่อหานก็หันหน้ากลับมาพลางส่งสายตามองมายังจุดที่นางแอบดูอยู่
ร่างเล็กในวัยสามหนาวพลันสะดุ้งโหยง แววตาของเขาน่ากลัวยิ่งนัก ราวกับอาฆาตพยาบาทจนอยากจะสังหารนางให้ตายไปข้างหนึ่ง
"คุณหนูกังวลใจหรือเจ้าคะ" หลี่ซินถามด้วยความห่วงใย อีกไม่กี่วันโจวจื่อหานจะเดินทางกลับมายังเมืองหลวงแล้ว คนสกุลฉินรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก เพราะตั้งแต่ตอนที่โจวจื่อหานจากไปในวัยแปดหนาว นอกจากท่านแม่ทัพฉินหมิงเจ๋อแล้วก็ไม่มีผู้ใดเคยพบพานเขาอีกเลย
ยามนี้คงโตเป็นบุรุษหนุ่มแล้วกระมัง...
ฉินเพ่ยเหยาพยักหน้ารับให้หลี่ซิน จากนั้นนางจึงเปลี่ยนเรื่อง นับตั้งแต่วันที่เขาจากไป อาการควบคุมตัวเองไม่ได้ของนางก็หายไปด้วย ทว่าลึกๆแล้วนางก็คิดว่า คงเป็นเพราะนางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวความสัมพันธ์ในวัยเด็กของนางร้ายกับตัวร้ายได้ ก็ได้แต่หวังว่าหากกลับมาพบเจอกันอีกครานี้ อาการควบคุมตัวเองไม่ได้ที่เคยเป็นในอดีตจะไม่กำเริบขึ้นมาอีกนะ
"หลี่ซินไปดูร้านขายเครื่องประดับกันเถิด" หญิงสาวหันมาคว้ามือของสาวใช้คนสนิทที่ควบตำแหน่งพี่เลี้ยงในวัยเด็กให้เดินตรงไปยังแผงขายเครื่องประดับที่วางตั้งอยู่ข้างทาง
ดวงตาคู่งามเหลือบมองไปยังหวีไม้สลักลายดอกตู้เจวียนพลางยื่นมือเข้าไปหมายจะหยิบมันขึ้นมา แต่แล้วกลับมีมือเล็กของใครบางคนหันไปคว้ามันขึ้นมาเสียก่อน
"หวีเล่มนี้งดงามยิ่งนัก อุ๊ย ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูฉินหมายตาหวีไว้เล่มนี้เช่นกัน" นางเอ่ยพลางรีบวางหวีไม้ในมือลง
ฉินเพ่ยเหยาเอียงศีรษะเล็กน้อยมองสตรีวัยกำดัดหน้าตางดงามผู้นี้ด้วยความแปลกใจ นางรู้สึกว่าไม่เคยพบเจอคนผู้นี้มาก่อน แล้วเหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้รู้จักนางเล่า
"ท่านรู้จักข้าหรือ" หญิงสาวชี้นิ้วมาที่ตัวเองและยิงคำถามใส่
"รู้จักสิเจ้าคะ เหตุใดจะไม่รู้จักคุณหนูฉินเพ่ยเหยาบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นต้าหวงเล่า" ปากบางราวกับกลีบดอกเหมยกุ้ย (กุหลาบ) แย้มออกจากกันเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ
"ข้าชื่อกวนเสี่ยวผิง เป็นบุตรสาวของใต้เท้ากวนเสี่ยวหยาง เสนาบดีกรมโยธาเจ้าค่ะ"
คำตอบของนางทำให้ฉินเพ่ยเหยาร้องอ้อออกมาเบาๆ ที่แท้แล้วสตรีผู้นี้คือนางเอกในนิยายนั่นเอง
"หากคุณหนูเสี่ยวผิงชอบหวีไม้เล่มนี้ก็เอาไปเถิด ข้านั้นยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้มัน" ฉินเพ่ยเหยาคิดว่านางควรผูกมิตรกับกวนเสี่ยวผิงเอาไว้ดีกว่า นางไม่ได้อยากเป็นนางร้ายคอยตบตีแย่งชิงพระเอกจากกวนเสี่ยวผิงเสียหน่อย
"คุณหนูเพ่ยเหยาพูดจริงหรือเจ้าคะ" ดวงตากวางเป็นประกายสดใส ฉินเพ่ยเหยาคิดว่านางคงจะชอบหวีไม้เล่มนี้จริงๆ
"จริงสิ คุณหนูเอาไปเถิด"
"คุณหนูเพ่ยเหยาใจดียิ่งนัก" กวนเสี่ยวผิงส่งยิ้มให้ฉินเพ่ยเหยาก่อนจะหันไปคว้ามือบางของนางขึ้นมาพลางวางถุงผ้าสีชมพูปักลายหงส์ลงบนมือบาง
"ข้าให้คุณหนูเพ่ยเหยาเป็นการตอบแทนที่ท่านมอบหวีไม้เล่มนี้ให้กับข้า"
"ไม่ต้องหรอก" ฉินเพ่ยเหยาปฏิเสธ แต่กวนเสี่ยวผิงกลับส่ายศีรษะไปมาระรัว
"ถือว่าสหายผู้นี้มอบให้ท่านก็แล้วกัน" นางส่งยิ้มก่อนจะหันไปจ่ายเงินให้พ่อค้าและรีบเดินจากไปด้วยความรวดเร็ว ปล่อยให้ฉินเพ่ยเหยาได้แต่มองตามแผ่นหลังบางด้วยความงุนงง แต่กระนั้นก็คิดว่าที่กวนเสี่ยวผิงมอบของให้คงจะอยากผูกมิตรกับนางตามประสานิสัยของนางเอกผู้แสนดีกระมัง
ทันใดนั้นเอง ฉินเพ่ยเหยาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนี้ตรงกับเนื้อเรื่องในนิยายที่นางเคยอ่านอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แต่ในนิยายหลังจากที่นางเอกกับนางร้ายพบเจอกัน นางร้ายต้องอาละวาดแย่งหวีไม้จากนางเอก นางเอกจึงเดินหนีไป แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดดันไปโดนโจรดักปล้น พระเอกผ่านมาเห็นและได้ช่วยนางเอกเอาไว้ ทำให้คนทั้งสองได้พบกันเป็นครั้งแรก
หญิงสาวยักไหล่ขึ้นเล็กน้อย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางเสียหน่อย เพราะบทบาทของนางจบไปตั้งแต่ตอนที่นางให้หวีไม้กับนางเอกแล้ว ฉินเพ่ยเหยาคิดในใจพร้อมเหน็บถุงผ้าที่กวนเสี่ยวผิงให้ไว้ที่ข้างเอวและหันไปหาสาวใช้คนสนิท
"กลับกันเถอะหลี่ซิน ป่านนี้ท่านพ่อกับท่านแม่คงจะรอแย่แล้ว"
"เจ้าค่ะคุณหนู" หลี่ซินรับคำและเดินตามฉินเพ่ยเหยาไป คนทั้งสองเดินขึ้นสะพานไม้อันเป็นทางออกจากตลาดตรงไปยังรถม้าคันใหญ่ที่จอดรออยู่ข้างนอก เพราะยังไม่ถึงเวลาบ่ายคล้อย ผู้คนจึงยังไม่ค่อยออกมาเที่ยวเดินตลาดมากนัก ทำให้สองข้างทางมีคนอยู่บางตา
ขณะที่ฉินเพ่ยเหยากับหลี่ซินกำลังเดินไปจนถึงกลางสะพานไม้ นางก็สังเกตเห็นว่ามีชายผู้หนึ่งเดินสวนมาอีกฝั่ง แต่ในขณะที่เขากับนางกำลังจะเดินสวนกัน เขาก็หันมากระชากถุงผ้าสีชมพูที่เหน็บอยู่ที่เอวของนางออก จากนั้นก็ผลักคนร่างบางจนลอยหวือตกจากสะพานไม้ไป
"กรี๊ดดดดดด!" ฉินเพ่ยเหยากรีดร้องด้วยความตกใจ นางรับรู้ได้ว่าตอนนี้นางกำลังลอยอยู่กลางอากาศ แต่ก่อนที่จะตกจากสะพานมือบางก็คว้าราวจับเอาไว้ได้ทัน
"คุณหนูจับหลี่ซินไว้แน่นๆนะเจ้าคะ ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!" หลี่ซินรีบวิ่งไปคว้ามือบางเอาไว้พร้อมอ้าปากร้องเรียกคนมาช่วย แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่เท่าๆกันทำให้นางไม่สามารถดึงตัวฉินเพ่ยเหยาขึ้นมาได้
"หลี่ซินข้าจะไม่ไหวแล้ว" ฉินเพ่ยเหยารู้สึกว่ายามนี้เรี่ยวแรงที่มีใกล้จะหมดลงแล้ว เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นตามกรอบหน้าเรียวทั้งๆที่อากาศวันนี้ไม่ร้อนเลย
"คุณหนูอดทนไว้ก่อนนะเจ้าคะ ฮึก ช่วยด้วย ช่วยคุณหนูของข้าที" หลี่ซินส่งเสียงร้องแต่ไม่มีใครผ่านมาทางนี้เลยสักคน หยาดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นในมือทำให้นางไม่สามารถจับฉินเพ่ยเหยาเอาไว้ได้
"หลี่ซินปล่อยข้าเถอะ หาไม่เราจะตกลงไปด้วยกันนะ" ฉินเพ่ยเหยากลั้นใจเอ่ยพลางมองลงไปยังเบื้องล่างเห็นสายน้ำเชี่ยวกรากที่ไหลผ่านไปสู่ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปจากนอกเมือง หากนางตกลงไปต่อให้ว่ายน้ำเป็นก็คงไม่อาจสู้กระแสน้ำได้ แต่คงพอจะหากิ่งไม้เกาะไว้ระหว่างรอคนมาช่วยได้อยู่กระมัง
"ไม่เจ้าค่ะ ว้าย!" พูดยังไม่ทันขาดคำ ฉินเพ่ยเหยาก็ใช้มือข้างที่ว่างแกะมือของหลี่ซินออก หญิงสาวปล่อยมือจากราวกั้นไม้หมายจะทิ้งร่างลงไปเบื้องล่าง
ทว่า...
หมั่บ!
ก่อนที่ร่างจะหล่นลงไปสู่ผิวน้ำก็มีมือหนาของใครบางคนคว้าตัวของนางเอาไว้ได้ทัน ร่างบางลอยหวือขึ้นมากลางอากาศเข้าไปปะทะอกแกร่งล้มกลิ้งลงไปนอนบนพื้นสะพานไม้ด้วยกัน
