บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 Hermès in Phadongpongpai

ปาริตาอ้าปากหวอให้กับเส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวลด ตลอดเส้นถนนลูกรัง หินบ้าง บ่อบ้าง ขรุขระจนทำเอาเธอหัวสั่นหัวคลอน สีเขียวของธรรมชาติ มิอาจทำให้รู้สึกสดชื่นได้อย่างที่ควรจะเป็น เส้นผมดัดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ...เริ่มยุ่งเหยิงจากการตีกันสู้แรงลม

สารถีที่เธอตัดสินใจเพียงชั่วข้ามคืน เพื่อมาทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย...ผิวปากอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับใช้มือข้างเดียวจับพวงมาลัยเลี้ยวไปตามเส้นทางไม่ซื่อนี้ ด้วยความชำนิชำนาญ

ปาริตาผู้ตั้งใจแต่งกายสไตล์วินเทจ ถึงกับต้องแกะผ้าพันคอลายดอก เพื่อให้ลมที่ทำเอาเธอตัวเหนียว เย็นโชยขึ้นบ้าง

"ไง ไม่พูดไม่จา" เขาว่า...ขณะควงพวงมาลัยให้ดำดิ่งพุ่งทะยานขึ้นสู่เวิ้งเขาที่แสนจะเคี้ยวคด แต่คนถูกถามนั้น กลับทำได้แค่เกาะประตูรถโฟร์วินคันใหญ่ ที่ไร้กระจกเอาไว้อย่างหวาดเสียว เอี้ยวตัวตามจดสุด ผมเผ้าไร้สิ้นทรงที่เซ็ตมาอย่างดี

"หายใจได้ก็บุญแล้ว...ว้าย!" คนบ่นอุบเพียงแค่เริ่มจะทรงตัวได้ กลับต้องเซถลาลงซบร่างสูงที่หัวเราะพึมพำ ทันที...เมื่อโค้งที่สองลาดชันต่อเนื่องจากการเส้นทางสูงที่เพิ่งจะหวิดขึ้นมาหมาดๆ

"โอ้ย ทำไมมันลำบากขนาดนี้เนี่ย!" เธอลูบหัวป้อย มองตาเขียวไปยังคนขับรถไร้การบันยะบันยังนั้น

"ขี้บ่น" สิ้นเสียงปรามแบบไม่ใส่ใจ ก็ตามด้วยเสียง ผิวปากรับลมต่อ จนเธอกัดฟันสะกัดกั้นทุกอย่าง ก่อนกอดกระเป๋า Hermès สีส้มอ่อนขนาดกลางใบโปรด อย่างปลอบโยน...เธอสงสารลูกสาวผู้ไม่เคย มาลำบากมาก่อน คนรักกระเป๋าแบรนด์เนมอย่างเธอ มิอาจทนเห็นลูกสาวสั่นคลอนไปมาได้ ไหนจะลูกๆที่เธอสะสมที่ถูกขนมาจนเต็มประเป๋าเดินทางอีก ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง

"ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกหรือผิด ที่มากับนายเนี่ย ฮือ!" เธอเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่ เมื่อการเดินทางยิ่งลึก ยิ่งเหมือนหลุดมายังอีกซีกโลกที่ไม่เคยพานพบ ต้นไม้ขนาดใหญ่สองข้างทาง...ถูกเรียงตัวหนาแน่นอย่างเป็นระเบียบ ท้องฟ้าสีสดใสรับกับสีเขียวสด ทำเอาเธอแอบสดชื่นขึ้นมาบ้าง...หากแต่แรงโยกคลอนที่มาจากพื้นถนน ไม่อาจจะทำให้เธอเพลิดเพลินกับธรรมชาติที่รายล้อมนี้ได้

"เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะ" เขาว่าพร้อมจอดรถลงนิ่งสนิท จนเธอทำตาโตใส่

"บ้าเหรอ ฉันไม่เปลี่ยนใจหรอก ขับต่อเดี๋ยวนี้ อยากถึงจะแย่แล้ว!"

"อยากจะขับต่ออยู่ แต่ขับไม่ได้" ธนากร...พยายามสตาร์ทรถดูอีกรอบ หากแต่ก็มีเพียงเสียงอื้ออึงของรถ ไร้ก็เสียงกระหึ่มอย่างที่ควรจะเป็น

"ฮะ หมายความว่ายังไง?" ธนากรเปิดประตูรถลงไปด้วยใบหน้าไม่เดือดไม่ร้อน

"หมายอย่างที่คิดแหละ" คนจอมกวนอย่างเขา หาได้ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้

"รถเสียเหรอ? แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้!" เธอว่าพร้อมควานหาโทรศัพท์มือถือ ภาพหน้าจอที่ไร้สัญญาณทำเอาปาริตาแทบจะร่ำไห้

"สงสัยต้องเดินไป" คำตอบของคนเปิดกระโปรงรถดู พร้อมหยิบจับนั่นนี่ ทำเอาคนอยู่ในชุดกางเกงยีนส์วินเทจ พร้อมเสื้อแขนกุด...ลายดอกใหญ่สีส้มอ่อน ที่เดินลงจากรถตามมา ถึงกับอึ้งกิมกี่ ...เดินอย่างนั้นเหรอ?

"จะเดินไปยังไง ทั้งเปลี่ยว ทั้งไกลขนาดนี้?" ธนากรเหลือบมองรองเท้าส้นแก้วสูงที่เธอสวมอยู่แล้วก็ส่ายหัว

"ก็เดินบนไอ้ส้นเขานี่แหละไป"

"ฮะ นี่นายบังอาจเรียกรองเท้าราคาเฉียดแสนของฉันว่าไอ้ส้นเขาเหรอ!"

"งั้นก็ไม่ลำบากละ ไหนๆก็ราคาเฉียดแสนแล้ว น่าจะพาบินไปได้อยู่นะ" เขาประชดเข้าให้จนเธออยากจะถอดไอ้ส้นเขาที่เขาบังอาจเรียก ตบเข้าที่ปากให้รู้รสชาติรองเท้าราคาเฉียดแสน ซะบ้าง

"โอ้ย!" ขณะที่ดีดเท้าปึงปังลงกับพื้นที่ไม่เรียบนั้น ทำเอาเธอเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น เธอแทบจะร่ำไห้ยิ่งกว่าการที่ก้นกระแทกพื้น ก็เมื่อเหลือบไปเห็นส้นแก้วที่เธอหลงใหลหนักหนา ได้หักลงไม่เป็นท่าแบบนั้น

"ลูกแม่!!" เธอปล่อยโฮพร้อมถอดลูกสาวคู่โปรด มาประคองไว้ในมืออย่างหวงแหน

"ไปหมดละสมอง เรียกรองเท้าเป็นลูก" เขาส่ายหัวพร้อมยื่นมือหยาบกร้านที่เปื้อนรอยดำจากการพยายามหาต้นตอการดับของรถ เธอผู้ระวังตัวเสมอไม่ยอมจับมือเขา แต่พยายามยันตัวเองขึ้นลุกนั่งเองจังหวะที่ไม่สมประกอบเท่าไหร่นั้น...ทำเอาเธอจะถลาลงพื้นอีกหน คนเฝ้ามองอย่างประเมินสถานการณ์ได้ เข้าไปประคองร่างสูงเพรียวนี้ เอาไว้ได้ทันเวลาพอดี

"ปล่อยฉันนะ ไม่ต้องมายุ่ง" เธอดิ้นเมื่อถูกจับขึ้นมายืนไว้ แต่ยังทรงตัวได้ไม่ดี...เขาปล่อยทันทีตามคำร้องขอ

"ไม่ยุ่งก็ได้" ว่าพร้อมปัดมือไปมา คนกองลงไปอีกหนจุกจนพูดไม่ออก หน้าเหยเกทำได้เพียงลูบเอวเคล็ดของตัวเองแบบอดทน

"อะไรที่มันไม่จำเป็น ก็โยนๆทิ้งมันไปบ้าง" ธนากร นอนเอกเขนกมอง คนที่กำลังลากกระเป๋า พร้อมหอบหิ้วรองเท้าเดินตามหลังมา ด้วยใบหน้าชื้นเหงื่อ...ผิวผ่องเนียนแดงกร่ำ จนแทบจะแยกไม่ออกว่า กำลังโกรธหรือร้อน

"ไม่มีอะไรไม่จำเป็น! จำเป็นหมด" เธอแหวใส่ พร้อมลูบรองเท้าส้นหักอย่างหวงแหน ธนากรส่ายหน้าให้กับความยึดติดหลงแบรนด์จนเกินพอดีของเธอ ก่อนลุกขึ้นจากการเอนกายลงไปกับเถาวัลย์ที่ระย้าอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ พร้อมมุ่งหน้าไปช่วยถือกระเป๋าเดินทางใบเขื่องของเธอ

"เอามานี่" คนตั้งท่าหวงของ มิอาจทัดทานแรงบุรุษ ที่เกี่ยวกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปจากมือเธอได้

"อย่ามายุ่งกับของของฉันนะ!" เธอพยายามยื้อแย่งของรักคืน ในขณะที่คนป่าเถื่อนก็กระทำการไม่เกรงใจ เปิดกระเป๋าเธอดูทันที

"นี่เหรอของจำเป็น?" เขามองเหล่ากระเป๋าลักษณะคล้ายๆกัน ที่นอนแอ้งแม้งอย่างไร้ก็ระเบียบอยู่ในกระเป๋าลากใบใหญ่

"อย่ามายุ่งไงเล่า" เธอรีบผวาตามมือกร้าน ที่กำบังอาจจะเอื้อมไปหยิบเหล่าลูกสาวของเธอขึ้นมาดู

"ช่วยบอกความจำเป็นของพวกมันมาหน่อยข้อเดียวก็ได้"

"จำเป็นต่อจิตใจ คนหยาบกระด้างแบบนายไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนพวกนี้หรอก"

"นี่มันในป่านะ ทิ้งไว้ที่รถก็ได้...เดี๋ยวพรุ่งนี้ช่างมาซ่อมเสร็จ ก็ค่อยให้มันตามไป" คนมองเหมือนกับว่าเธอกำลังไร้สาระ พูดเสียงเข้มเป็นเชิงดุ

"จะบ้าเหรอ จะให้ฉันทิ้งลูกๆราคารวมกันเฉียดล้าน ไว้ให้หายหรือยังไง!"

"โธ่แม่คุณ รับประกันเลย...ว่าต่อให้วางทิ้งไว้ ก็ไม่มีใครมาขโมยหรอก เพราะไอ้กระเป๋าแบรนด์ของเรานี่ มันเอาไปเก็บเห็ดไม่ได้"

"ห้ะ? เก็บเห็ด... เก็บเห็ดคืออะไร ลูกสาวฉันจะถูกเอาไปเก็บเห็ดอย่างนั้นเหรอ!"

"โอย แค่เปรียบเปรย ไม่น่าเอามาเป็นภาระเลยจริงๆ"เขาว่าพร้อมไม่สนคำห้าม ค้นหาสิ่งจำเป็นในกระเป๋าเธอต่อแบบไม่สนใจที่จะมีมารยาท

"ไอ้ตัวนั้นทิ้งได้" เธอรีบบอก เมื่อเขาค้นจนไปพบตุ๊กตา โพนี่สีหวานที่เขาหนีบให้เธอไปเมื่อวันก่อน

"ยังอุตส่าห์พกมาเสียด้วย" คนยิ้มแบบแกล้งแซว หรี่ตาใส่จนเธอต้องถลึงตากลับ

"โยนทิ้งไปสิ ตัวนี้แหละที่ไม่จำเป็นที่สุด"

"โยนไป ก็กลัวจะมีคนร้องไห้ตาม" ปาริตา มองตามคนที่ทำเหมือนจะโยน จนสุดแขนอย่างหวาดหวั่น ถึงแม้เธอจะบอกให้เขาทิ้งได้ ..แต่ความอาลัยก็ยังมีอยู่ คนรักของสะสมแบบเธอ... ถ้าได้ตั้งใจจะเก็บอะไรแล้ว ทำใจทิ้งลงไม่ได้สักกะชิ้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

"โยนสิ รีบโยน" เขาออกแรงขว้างจริง จนเธอผวาตาม

"ฮ่าๆ ไหนว่าโยนได้ไง" คนขี้แกล้ง อารมณ์ดีขึ้น พร้อมยัดสิ่งที่ไม่ได้โยนจริง ลงกระเป๋าให้พร้อมปิดลงอย่างแน่นหนา

"จะทำอะไร?" คนหวงของรีบเอารองเท้าในมือซ่อน เมื่อกลัวว่าจะถูกเขาเอาชิ้นนี้ไปขว้างเข้าให้จริงๆ

"เอามาเหอะน่า" มือกร้านแย่งของมาจากมือนุ่มได้สำเร็จ ความรู้สึกประหลาดเพียงครู่นั้น ทำเอาเธอ...ต้องชะงัก จนไม่ได้ว่าตาม

"จะทำอะไร"

"ไม่ตามมา ก็ยืนอยู่นั่นนะ" ภาพชายร่างสูง ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ พร้อมถือรองเท้าส้นไม่สมประกอบไปตามเส้นทางเคี้ยวคดกลางป่า ทำเอาคนมองตามไป...สั่นไหวขึ้นอย่างประหลาด คนห่ามๆแบบเขา พอมาทำอะไรแทนให้แบบนี้ ก็ทำเอาเธออดจะรู้สึกดีขึ้นมาไม่ได้

"เออ ยืนอยู่นั่นแหละนะ" คนหันมาเรียก ว่าพร้อมจะโยนรองเท้าเธอทิ้ง จนความรู้สึกดีที่จะก่อเกิดเมื่อสักครู่ หลุดลอยไปพร้อมกับการวิ่งถลาเข้าไปหา คนหยาบคายถุยน้ำลายลงพื้น...มองคนวิ่งด้วยเท้าเปล่ามา แบบลืมความเจ็บปวดนั้นพร้อมส่ายหัว

"อะไร?" คนวิ่งมาถึง มองตามกิริยาถอดรองเท้าพร้อมใช้เท้าโยนมาให้ตรงหน้า แบบงวยงง

"ถ้าไม่อยากเจ็บเท้าก็เอาไปใส่ ใหญ่ไปหน่อยก็ลากๆเอา" คนไม่สนใจคำตอบ ออกเดินต่อจนเธอต้องจำยอมใส่รองเท้าของเขา แบบปฏิเสธไม่ได้ น่าแปลกความอุ่นประหลาดจากไอเท้าเขา ทำเอาเธอรู้สึกประหลาดขึ้นได้ราวกับกำลังถูกปกป้อง ...หึ จะถ่อยสถุลแค่ไหนก็ยังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่บ้างสินะ! เธอลอบคิดพร้อมเดินฉับตามไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel