บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 อีกมุมหนึ่งของหุบเขา

"โอ้โห..." ปาริตาผู้เดินแทบขาลาก สะดุดทรุดลงกับภาพสวยงามตรงหน้า ความเขียวขจีที่ตัดกับความเข้มอ่อนของท้องฟ้า มันช่างลงตัวจนไม่อาจจะละสายตาไปได้

"ยังไม่ถึง" แล้วเสียงทำลายความหวังของใครบางคน ก็ทำเอาเธอหมดอารมณ์ลงอีกรอบจนได้ เขาเกิดมาเพื่อทำลายอารมณ์คนอื่นหรือยังไง ถึงได้ชอบทำตัวแบบนี้ วันละหลายหน

"อีกไกลไหม" เธอว่าเสียงอ่อย พร้อมนวดขาตัวเองไปมา

"พักก่อนก็ได้" เขาว่า...พร้อมควานหาขวดน้ำในกระเป๋าเป้เล็ก ที่เขาคิดว่าตัวเองหยิบสิ่งที่จำเป็นที่สุดติดมือมาด้วย

"เอาหน่อยไหม" หลังกระดกน้ำลงคอไป ก็ยังแอบมีน้ำใจถามไถ่คนคอแห้ง

"อี๋ ไม่เอา" เธอสั่นหน้า และไม่อยากจะจินตนาการว่า ดื่มน้ำร่วมปากเดียวกันกับเขา

"ตามใจ" เขาว่าพร้อมเทน้ำใส่ปาก และพ่นออกมาใส่แบบประชดคนทำท่ารังเกียจ

"นายนี่มัน สกปรกโสมมที่สุด!"

"ขอบคุณไม่เป็นจริงๆสินะคนเราเนี่ย ทำดีให้ไม่เคยเอ่ยปาก แกล้งนิดหน่อย...ด่าไม่ยอมหยุด" เขาตำหนิจนเธอทำหน้าไม่ถูก แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

"ใครใช้ให้มาช่วยกันล่ะ"

"ปากแบบนี้ เอาไปลากเองเลยไป" เขาผลักกระเป๋าใบใหญ่มาทางเธอ พร้อมโยนรองเท้ามาตรงหน้าด้วยกิริยาป่าเถื่อน

"ไอ้คนไม่เป็นสุภาพบุรุษ!"

"จ้ะ แม่สุภาพสตรีศรีสยาม"

"เอ้าจับดีๆ" เมื่อความโชคดีมาเยือนถึงที่ ชาวบ้านที่บังเอิญขับรถอีแต๋นผ่านมา ยินดีขับรถเข้าไปส่งถึงไร่ ปาริตาแอบเงี่ยหูฟังว่าจริงๆแล้วสถานที่เขาจะพาเข้าไปนี้ เป็นสถานที่อะไรกันแน่...บริเวณที่เธอมาถึงนี้ เป็นเหมือนไร่ของชาวบ้านในละแวกหุบเขา หากแต่ที่เขาบอกว่ายังไม่ถึงนั้น ก็ไม่แน่ใจว่าอีกไกลแค่ไหน

"ฉันกลัวมือเปื้อน" เธอว่าเสียงอุบอิบอยู่ในริมฝีปาก เมื่อต้องเกาะตัวรถที่เปื้อนทั้งดินทั้งโคลน

"กลัวมือเปื้อน แต่ไม่กลัวตัวเปื้อนว่างั้น...ถ้าเผลอหล่นลงไป เปื้อนตั้งแต่หัวจรดตีนแน่"

"หยาบคาย!"

"หยาบคายตรงไหน"

"ตรงคำว่าตีน"

"โถ คำพื้นฐานมาก...เ-ดแม่!" แล้วธนากรก็สบถลั่น เมื่อรถออกตัวเร็วจนเขาแทบจะหงาย ปาริตาผู้ไม่ได้ระวังเช่นกัน เซถลาแนบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้าง...ที่หอมละมุนคุ้นจมูกขึ้นมาทันใด ต่อให้เขาจะดูถ่อย หยาบ แค่ไหน...แต่กลิ่นตัวไม่เคยจะเหม็นตามไปด้วยเลย

"บอกแล้วให้จับแน่นๆ" คนหันมาปราม จับเอวเล็กไปนั่งไว้บนตัก เมื่อพื้นที่หลังรถอีแต๋นที่คับแคบ ไม่พอรองรับการนั่งของคนสองคน และกระเป๋าลากใบใหญ่ คนถูกกระทำชิดใกล้แบบนั้นทำตาโตแต่ไม่กล้าดิ้น เพราะกลัวจะหล่นลงไปกับพื้น ความเร็วรถที่สั่นคลอนตามเส้นทางขรุขระ...ทำเอาเธอต้องเกาะไหล่เขาเอาไว้แบบไม่ยอมมองหน้า

แสร้งมองไปยังท้องฟ้าและต้นไม้...ความชอุ่มชุ่มชื้นของป่าที่ยังอุดมไปด้วยแมกไม้นานา รับกับแผ่นฟ้าที่มีเมฆขาวลอยละล่อง กลิ่นดินโชยผสานมากับลมจากใบไม้ไหว ฝูงนกบินข้ามขอบเมฆเล่นราวกับกำลังสนุกสนาน บทกวีเล็กๆผุดขึ้นมากลางใจนักเขียนคอลัมน์...จนเธออยากจะฮัมออกมาเป็นกลอน

แววตาคมเชิงล้ออยู่ในทีของคนช่างกวน แอบมองกิริยาอันแสนเพลิดเพลินนั้นด้วยแววตาอุ่น...เขาแทบจะไม่รู้เลยว่า กำลังมองเธอด้วยแววตาแบบนั้น ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านผ่านความแนบชิดนี้ ก่อเกิดอารมณ์บางอย่างให้แว่วมาในความรู้สึก จนเขาต้องสลัดมันทิ้งไป...เธอน่ารักก็จริง แต่เขาคงไม่ไปคิดจริงจังอะไรกับผู้ดีตีนแดงตะแคงเท้าเดินแบบนี้แน่ๆ

"สวัสดีครับคุณกร พวกเรา! คุณกรมา!" กลุ่มชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน...บ้านเป็นหลังเล็กๆคล้ายกระท่อม กระจุกตัวอยู่ราวไปเกือบยี่สิบหลังคาเรือน ปาริตามองภาพชาวบ้านที่ยืนบ้าง วิ่งเข้ามาบ้างอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจ...การต้อนรับแบบอบอุ่นและแสนจะยินดีนี้ ไม่เหมือนต้อนรับแขก ผู้มาเยือนทั่วไป เธอแอบเก็บข้อมูลเรื่องนี้อยู่อย่างเงียบๆ

"พวกเราคิดว่าเดือนนี้คุณกรจะไม่แวะมาซะแล้วนะครับ" คนที่เป็นเหมือนหัวหน้า เอ่ยอย่างรู้สึกตื่นเต้น

"มาสิ ไม่ได้แวะมาตั้งนาน...ช่วงนี้ยุ่งมาก ที่นี่เป็นยังไงบ้าง" เขาว่าด้วยรอยยิ้มที่เธอไม่เคยเห็น ดูเหมือนว่า...เขาจะมีความสำคัญกับคนที่นี่พอสมควรแฮะ

"ผลไม้กับกำลังผลิดอกครับ บางต้นก็ออกผลเล็กแล้ว...ฤดูฝนอะไรก็กำลังงาม สัตว์เลี้ยงก็มีหญ้ากิน ออเดอร์ที่คุณกรให้มา...พวกเราทำแทบจะไม่ทันเลยครับ"

"ไม่ทันก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบ เราทำเท่าที่เราไหว...เราไม่ทำเอาใจตลาด นี่คือหัวใจของพวกเรา" ท่าทีจริงจังและจริงใจนั้น ทำเอาเธอพยักหน้าให้พร้อมแอบหรี่ตา

"ส่วนการฟื้นฟูป่า ประสบความสำเร็จสูงมาก...ฝายน้ำล้นที่พวกเราทำไว้ ได้ผลตอบรับเกินคาด อุ้มน้ำได้ดี...ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับ ว่าเวลาผ่านไปแค่5ปี ป่าเสื่อมโทรมจะกลับมาอุดมสมบูรณ์ได้ขนาดนี้" ชาวบ้านอีกคนว่าด้วยความปลื้มปริ่ม คนกักขฬะในสายตาเธอ...ยิ้มอบอุ่นเป็นกันเองส่งให้ เป็นเชิงยินดี...ก่อนที่จะปรายตามามองเธอผู้เหมือนไม่ได้รับความสนใจจากใครตั้งแต่แรก

"นี่ปาริตา หรือปริม เพื่อนยัยก๋า...เขาจะมาศึกษาวิถีชีวิตแบบธรรมชาติที่พวกเรากำลังใช้กันอยู่ ฝากดูแลด้วยนะครับ"

"สวัสดีค่ะ ปริมนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"

"แหม...พวกเราก็นึกว่า คุณกรจะพานายหญิงมาซะอีก" หญิงวัยกลางคนเอ่ยแบบแซวๆขึ้น จนคนอื่นๆส่งเสียงฮือฮาตาม

"ไม่ใช่แน่นอนค่ะ ปริมไม่มีวันไปคบหากับผู้ชายพันธุ์นี้หรอกค่ะ!"

"พันธุ์ไหน?" เขาหรี่ตาถามด้วยแววตาระยับ

"พันธุ์บลูด๊อก!"

"ถ้าพี่พันธุ์บลูด๊อก เราก็พันธุ์ปลั๊กละวะ ดุอย่างกับอะไร"

"ดูสิคะป้าๆ ปากแบบนี้ผู้หญิงที่ไหนจะชอบ!" เธอเบ้ปากใส่เขาเป็นพัลวัน จนชาวบ้านพากันขำคลิก

"แหมๆ เถียงกันแบบนี้...ระวังลูกดกนะคะ" ป้าเจ้าเก่าก็ยังไม่ยอมหยุดแซว จนปาริตาคร้านที่จะเถียงต่อ

"หนูไม่คุยกับป้าแล้ว!" กิริยาน่ารักของเธอนั้น ไม่ได้ทำเอาใครถือสา... จนเธอถูกพาไปยังเรือนพักสำหรับแขก ที่ได้มี การจัดเตรียมไว้

ปาริตาเอนกายลงบนพื้นแข็งเรียบของไม้ไผ่สานอย่างเหนื่อยอ่อน ที่หลับที่นอนถูกพับอยู่บนหัวมุมของห้อง ความมืดในยามราตรีกาลได้เคลื่อนคล้อยมา...แสงจันทร์ลอดเข้ามายังหน้าต่างพับบานเล็ก

"นี่ฉันกำลังเป็นรจนาที่ไร้เจ้าเงาะหรือเปล่านะ ต้องมาอยู่กระท่อมริมเขา...ตกระกำลำบาก เสด็จพ่อเสด็จแม่ขา... ปริมเหงา" เธอบ่นอู้อี้อยู่กับตัวเอง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังถูกแอบฟังด้วยรอยยิ้มของคนบางคนอยู่

"มโนเก่งชิบ" คนแอบฟัง ว่าให้พร้อมส่ายหัวในความมืด

"แอร์เมสของแม่ ห้อยอยู่แบบนี้ไปก่อนนะ แล้วค่อยกลับไปอยู่บนชั้นที่บ้านกัน...ถือซะว่าแม่พามาเที่ยวนะลูกนะ" สาวจินตนาการสูงนักสะสม จัดเรียงกระเป๋าทีละใบเล่น ด้วยความปราณีต...คนกลั้นขำแทบลั่นเผยรอยยิ้มอบอุ่นแบบไม่รู้สึกตัว

"จะมาแอบฟังเขาทำไมวะ บ้าชิบ" หลังจากว่าให้ตัวเองเสร็จ ก็ย่องขึ้นกระท่อมของตัวเองไป ปล่อยให้ราตรีที่น่าหลับใหล พาไปยังการพักผ่อนก่อนจะเริ่มการปฏิบัติการพรุ่งนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel