บทที่ 3 มันถูกกำหนดไว้แล้ว
หลังจากต้องตามหาโจทย์ของหัวข้องานใหม่ ทำให้เธอต้องมีเรื่องหนักใจเพิ่มขึ้นเป็นแสนเป็นล้านเท่า
“อาหารโลก” ที่เธอต้องพยายามหาความหมาย และเขียนบทความบรรยาย อธิบายให้ลึกซึ้งว่าจริงๆ แล้วอาหารโลกคืออะไร ไม่น่าเชื่อว่าเธอคิดมันนานแบบกลิ้งไปมาบนที่นอน อย่างไม่หยุดไม่หย่อน คิดมาราธอนที่สุดในชีวิต
“ทิวลี่ยังไม่ว่างเหรอคะ อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวปริมติดต่อไปใหม่นะคะ” ผู้เชี่ยวชาญที่คิดว่าจะให้คำปรึกษาได้ดีที่สุด ก็ไม่ว่างจนเธออยากจะไปกระชากเพื่อนให้หยุดงานทั้งหมด
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวให้ยัยน่านว่างแล้วค่อยติดต่อปริมมาก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะปีเตอร์” เธอแทบจะถอนหายใจให้กับสายที่สอง ทำไมคนรอบข้างพร้อมใจกันไม่ว่างใส่เธอขนาดนี้
“พินนี่ นี่ปริมเองนะ แกไม่ว่างจนถึงกับต้องให้ฝากข้อความเลยเหรอ ฉันไม่มีอะไรจะฝากแกแล้ว แค่นี้แหละ... มีความสุขกับชีวิตคู่นะยะ” เธอไล่เบอร์เพื่อนต่อไปอย่างไม่รู้จะทำอะไรให้มากกว่านี้ได้
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะเอ็ดเวอร์ ให้ยัยบาร์มพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวปริมโทรหาคนอื่นก็ได้...” เธอกดวางสายพร้อมกับโยนตัวเองลงบนที่นอนอีกครั้ง
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...” เธอเช็กเบอร์อีกทีเมื่อการตอบรับเป็นแบบนั้น
“นี่อย่าบอกว่าวันเวย์เปลี่ยนเบอร์ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย เฮ้อ...” และแล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปเจออีกหนึ่งเบอร์ที่เธอไม่ได้นึกถึง ‘ไอ้ก๋า’
“เอ่อ ยัยก๋าอยู่มั้ยคะ” เธอกรอกเสียงอย่างเรียบร้อยที่สุด เมื่อพบว่าผู้รับสายคือผู้ชายอารมณ์อันตรายอย่าง คนิน
“สักครู่นะ ก๋าเข้าห้องน้ำอยู่ ด่วนหรือเปล่า?”
“อ๋อ ไม่ถึงกับด่วนค่ะ ปริมสามารถรอได้ รบกวนคุณสองคนหรือเปล่าคะเนี่ย”
“ไม่สำคัญหรอก ถ้าคุณจะกวนเราอยู่ดี” เธอแอบแยกเขี้ยวใส่เขาเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอปลื้มเขาก็จริงนะ แต่เหมือนโดนว่าก็รับไม่ค่อยจะได้
“ฮัลโหลปริมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า?” เมื่อเสียงเพื่อนแทรกมา ใจเธอก็ชื้นขึ้น
“สาธุเถอะไอ้ก๋า นี่ฉันโทรหาเพื่อนทั้งหมดที่มี ไม่มีใครว่างสักคน”
“อย่าบอกนะ ว่าแกนึกถึงฉันเป็นคนสุดท้าย” การิตาว่าอย่างทำเหมือนจะงอน
“ก็มันควรจะเป็นอย่างนั้นป่ะ”
“พูดงี้วางไปเลย”
“เดี๋ยวๆ ฉันยังไม่ได้รบกวนแกเลย ไหนๆ ก็โทรมาให้สามีแกด่าละ”
“รีบๆ พูดมา ฉันยังต้องไปทำหน้าที่ภรรยาต่อ”
“หมั่นไส้อย่างมีเหตุผล เชอะ คืองี้บอสเขาอยากให้ฉันหาผลงานอะไรก็ได้ มาอธิบายคำว่าอาหารโลก ให้ตายเถอะ ฉันอุตส่าห์นำเสนอคอนเซปต์ เมนูชื่อดังของโรงแรมที่ยัยทิวลี่แนะนำ โดนด่ายับ...แถมยังกินหัวไม่มีชิ้นดี นี่ก็ให้เวลาฉันไม่มาก ฉันไม่รู้จะไปปรึกษาใครดีแล้วเนี่ย”
“อาหารโลกเหรอ? ฉันไม่ค่อยถนัดเหมือนกันนะ...ถนัดแต่อาหารสำหรับพ่อบ้าน คริๆ”
“ไอ้ก๋า!”
“โอเคๆ ไม่ต้องมาดุหรอกน่า ถึงฉันจะไม่รู้...แต่ฉันก็พอจะแนะนำคนที่จะช่วยแกได้นะ” ปาริตาอยากจะปาโทรศัพท์ทันทีที่เพื่อนวางสาย นี่เธอกำลังประสบดวงชงอย่างแรงหรืออะไรกันนักกันหนา ซวยไม่มีที่สิ้นสุด ซวยไม่หยุดซวยซ้ำซวยซาก!
‘พี่กรไง พี่กรเนี่ยนะ เป็นชายชาติอาหาร...พ่อครัวหัวพัฒนา อาหารของพี่กรทุกอย่างต้องดีตั้งแต่เครื่องครัวยันอุปกรณ์ทำ ถ้าแกปรึกษาพี่กร...รับรอง ไม่มีผิดหวัง’ เธอนั่งมองเบอร์ ที่เพื่อนให้มาด้วยใจปวดร้าว ใครก็ได้...ทำไมต้องเป็นเขา ทำไมฟ้าใจร้าย ทำไมๆๆๆ....ทำไม?
“ฉันจะไม่มีวันโทรหานาย ต่อให้ต้องถูกไล่ออกจากงาน ฉันก็จะไม่โทรโว้ย!” เขาเป็นคนแรกที่ทำให้เธอร้องโว้ยได้หลายๆรอบ เธอแปลกใจตัวเอง...แต่ก็แปลกใจโชคชะตาด้วย ยิ่งไม่อยากเจอ ยิ่งถูกดึงดูดเข้าไปหา กฎบ้ายิ่งกว่ากฎแรงโน้มถ่วงของนิวตันซะอีก
“ไหนไอเดียของคุณ?” บอสผู้เหี้ยมโหดจ้องมองเธอเหมือนพร้อมจะกระโดดขย้ำ
“ปริมคิดว่า ผลงานที่ดีต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาค่ะ ระยะทางพิสูจน์ม้า...ระยะเวลาพิสูจน์ผลงาน ปริมคิดว่าต้องรอให้ไอเดียตกตะกอนสักนิด แล้วปริมจะสามารถพิชิตผลงานออกมาได้ บอสช่วยเป็นกำลังใจให้ปริมด้วยนะคะ”
“อย่ามาพล่าม!”
“บอสใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวโต๊ะพัง” เธอพยายามฉีกยิ้มให้ถึง รูหู แม้จะรู้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร พร้อมช่วยเก็บแฟ้มเอกสารที่กระจัดกระจายให้เข้าที่
“ผมคิดเอาไว้แล้ว ว่ายังไงคุณก็ไม่สามารถคิดมันได้ เอานี่ไป” ซองสีน้ำตาลขนาดกลางถูกวางลงบนโต๊ะกระจกใส ที่มีแฟ้มกระจัดกระจายวางอยู่ เนื่องจากเธอยังเก็บมันให้เรียบร้อยยังไม่หมด
“อย่าบอกนะคะว่าบริษัทเรา ออกแบบซองไล่ออกเป็นสีใหม่”
“ผมไม่โง่ไล่ลูกน้องโง่ๆ ออก เพื่อรับลูกน้องโง่ๆ กว่าเข้ามาทำงานหรอกนะ”
“บอสพูดได้ซับซ้อนดี คงต้องใช้ทักษะสมองหลายชั้นถึงจะฟังออก ปริมไม่ขอรับทราบแล้วกันนะคะ” เธอว่าอย่างกวนๆ แต่แอบยียวนอย่างแนบเนียน
“ในเมื่อคุณไม่สามารถตีโจทย์ได้ ผมก็จะเป็นคนยื่นโจทย์ให้คุณเอง”
“นี่แน่ใจนะคะ ว่าบอสไม่ได้กำลังสอนวิชาเลข”
“นี่คุณเห็นผมเป็นเพื่อนเล่นคุณเหรอ”
“ปริมทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอคะ?”
“คุณปาริตา! ผมจะไม่ทนกับคุณแล้วนะ รีบอ่าน แล้วบอกผมว่ารับทราบเดี๋ยวนี้” ปาริตาแกะซองสีน้ำตาลขนาดกลางออกอย่างช้าๆ นี่เธอไม่ได้ลุ้นหรอกนะว่ามันจะคืออะไร... แต่รูปภาพของบางคนที่อยู่ในนั้น ทำเอาเธอชะงักงันได้เป็นอย่างดี
“เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญการด้านอาหารของเมืองไทย แต่มันยากตรง ผมไม่รู้ว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน เพราะเขาไม่ค่อยเปิดเผยตัวเองเท่าไหร่นัก” ปาริตากำลังรู้สึกเหมือนโดนของหนักทุบหัว
เธอตาพร่ามัวไปสักพัก อย่าบอกนะว่า...เธอไม่อาจฝืนโชคชะตาที่ได้กำหนดเอาไว้แล้ว กำหนดเอาไว้ว่า ต้องเขาเท่านั้นนะ ที่ถูกอะไรก็ไม่รู้ผลักให้เข้ามาในชีวิตเธอ
“อีกอย่าง เขาเก่งมาก เขาจะสามารถตอบโจทย์ให้คุณได้ทุกอย่าง คุณจะทำยังไงก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสัมภาษณ์ สังเกต รูปถ่าย แล้วเขียนบรรยายในความเป็นเขา ที่เป็นตัวบอกเรื่องราวของอาหาร ผมเข้าใจว่าคุณเข้าใจ โอเคไปได้”
“บอสคะ...ปริมขอลาออก” เธอตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น เมื่อถามตัวเองแล้วว่า...ไม่สามารถไปพบหน้าคนอย่างนั้นได้
“ผมไม่ตลกนะ”
“ปริมพูดจริงๆ ค่ะ”
“คุณไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาทำให้คุณรู้สึกอยากยอมแพ้?” บอสผู้อ่านสถานการณ์ออก ถามลองเชิงเพื่อสังเกตแววตา
“นี่มันไม่ใช่การยอมแพ้ค่ะบอส”
“โอเค คุณยอมแพ้เขา”
“ไม่ใช่ค่ะบอส ปริมแค่...”
“แค่มองรูปเขาแล้วแววตาก็เปลี่ยนไป ความสับสน ความไม่แน่ใจถูกถ่ายทอดออกมา โอเคชาตินี้คุณก็ไม่มีวันชนะเขาได้ ไม่ว่าเรื่องระหว่างคุณกับเขาจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม”
“ไม่ใช่ค่ะบอส ปริมแค่คิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถเรื่องอาหาร ปริมตอบโจทย์ให้บอสไม่ได้ค่ะ”
“คุณไม่รู้สินะ ว่าการพัฒนามีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร” วาจานิ่งบวกกับแววตาจริงจัง ทำให้เธอต้องคิดตามคำพูดของเขา บอส...ผู้ชายที่มีแต่ด่า แต่เวลาจริงขึ้นมาก็มีเหตุผลอย่างไม่สามารถหาอะไรมาโต้แย้งได้
“สิ่งที่ไม่ใช่ หรือสิ่งที่คิดว่าไม่ ทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้... ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่าสำเร็จ เวลาคุณเจออะไรก็ตามที่คุณรู้สึกว่า ไม่แน่ๆ ไม่มีทาง ลุยเลย! เพราะมันเป็นคำบอกใบ้ให้ชีวิตคุณเดินหน้า ความรักก็เช่นกัน”
“เดี๋ยวนะบอส ความรักเกี่ยวอะไรด้วยคะ”
“เรื่องบางเรื่อง มันก็เหมือนจะไม่เกี่ยวนะ...แต่พอไปๆ มา มันก็ดันเกี่ยวซะจนเหนี่ยวยังไงก็เหนี่ยวไม่หลุด ความรักก็เช่นกัน”
“เข้าใจแล้วค่ะ เข้าใจว่าบอส เป็นเจ้านายที่มั่วที่สุดตั้งแต่เคยมีเจ้านายมา”
“มั่วแต่ทั่วถึงก็แล้วกัน”
“สาบานว่าเกี่ยว?”
“ความรักก็เช่นกัน”
“บอส” เธอส่ายหน้าให้กับความบ้าบอไม่มีที่สิ้นสุดของเขา แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่า คำพูดของเขากลับก้องไปมาเบาๆ ในหูทะลุไปยังสมองของเธออย่างหยุดไม่ได้
