บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 เกลียดอะไรเขาว่าจะได้อย่างนั้น

บรรยากาศกันเองภายในครอบครัว ที่จัดภายใต้รั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจทันทีที่มาถึง

ปาริตาย่างก้าวเข้าไปด้วยความมั่นใจ หลังจากที่ได้เข้ามาบ้านนี้บ่อยครั้ง คฤหาสน์หลังใหญ่ที่สงบร่มเย็น บอกบารมีของผู้ปกครอง

โต๊ะเล็กๆ ถูกจัดขึ้นข้างสระบัวขนาดกลางที่ถูกจัดวางให้อยู่ริมคฤหาสน์ ด้วยบรรยากาศทำให้ปาริตาคลายความเครียด ความเซ็งภายในใจไปได้บ้าง

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้กับแสงไฟที่ถูกประดับเอาไว้ อีกทั้งลวดลายบนเครื่องนั่งต่างๆ บ้านเธอจัดว่าร่ำรวยก็จริงแต่ไม่ได้มีกลิ่นอายของความเป็นผู้ดีเหมือนบ้านหลังนี้เท่าไหร่ เธอก็เลยรู้สึกอบอุ่นใจเป็นพิเศษ

“อ้าว หนูปริม มาถึงแล้วเหรอลูก”

“สวัสดีค่ะคุณแม่ สวัสดีค่ะคุณยาย” เธอรีบทักทายด้วยกิริยาไหว้อย่างสวยงาม เมื่อเห็นหญิงสองวัยที่ดูงามสง่ากำลังเดินมาจากภายในตัวคฤหาสน์

“แหม ไม่ได้เจอกันหลายวันดูซูบไปนะลูก” กัลยาแม่ของการิตาเพื่อนรัก ทักทายอย่างเป็นกันเองตามแบบฉบับคนยิ้มเก่งอัธยาศัยดี ส่วนคุณยายดวง ธรรมสารธรรม ก็ทำได้แต่เพียงยิ้มน้อยๆ ตามแบบฉบับคนหวงวาจา แต่อย่าให้พูดออกมาเชียว ความจริงข้อนี้ปาริตารู้ดีไม่แพ้ใคร

“นี่ไงละคะ เหตุผลที่ปริมปฏิเสธงานนี้ไม่ได้ รับรองว่าจะชิมทุกอย่างให้เกลี้ยงเอาให้พุงเดี้ยงกันไปเลยค่ะ” เธอหัวเราะตาปิดให้อย่างสดใสแบบเป็นตัวของตัวเอง จนผู้ใหญ่ทั้งสองต้องพากันหัวเราะตาม

“ไม่ใช่เพราะว่าเหงา ไม่อยากนอนเฉาอยู่ห้องหรอกเรอะ” นั่นไง...เธอรีบทำหน้าค้อนใส่เจ้าของคฤหาสน์ทันที

“ความจริงข้อนี้ ปริมไม่ขอกล่าวถึงนะคะ คุณแม่...ดูคุณยายสิคะ ใจร้ายกับปริมที่สุด” เธอหันไปอ้อนผู้เป็นแม่ของเพื่อนสาวทันที

“คุณๆ คะตอนนี้เด็กๆ จัดโต๊ะเรียบร้อยแล้วนะคะ เชิญที่โต๊ะได้เลยค่ะ” แม่บ้านร่างท้วมแววตาอบอุ่นเอ่ยทำนองเชื้อเชิญทำให้ทุกคนต้องรีบเดินตามไป ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปาริตาแทบจะลืมความหมองหม่นทั้งหมดที่เกิดขึ้นในใจไปเสียสิ้น

“หนูปริมชอบขนมอะไรเป็นพิเศษไหม เลือกได้ตามใจเลยนะ”

“ขอบคุณค่ะคุณแม่ ปริมอยากลองชิมตะโก้แห้วดูน่ะค่ะ เคยชิมครั้งหนึ่งตอนยัยน่านทำ นี่ก็นานมาแล้วแต่ลิ้นยังคงโหยหาสม่ำเสมอเลยค่ะ” สิ้นสุดคำ ตะโก้แห้วเนื้อสีขาวนวลตาที่ถูกบรรจุในใบมะพร้าวสีเขียวสี่เหลี่ยมหลายชิ้นก็บินมาจอดตรงหน้า เธอพยักหน้าขอบคุณสาวใช้ ก่อนตักขึ้นชิม

“อื้อหือ อร่อยกว่าของยัยน่านอีกค่ะ เนื้อแห้วกรอบๆ ตัดกับแป้งถั่วนิ่มๆ อย่างนี้เห็นจะแค่ชิมไม่ได้แล้ว” เธอว่าพร้อมตักเข้าปากอีกหลายๆ ที โดยที่ไม่รู้เลยว่า...มีบางคนที่เธอไม่อยากจะเห็นหน้า ได้ปรากฏตัวตรงข้ามที่นั่งของเธอแล้ว

“ชอบกินแห้วนี่เอง...ถึงว่า แห้วตลอดเลย” น้ำเสียงทุ้มต่ำทำนองหยัน ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองแอบขันนัยหน้า เอาแล้วสินะ... คู่ลุ้นของใครๆ

“ไอ้...พี่กร! มาได้ยังไงเนี่ย” เธอหันไปมองผู้ชายร่างสูงในสภาพเสื้อแขนยาวพับศอก รับกับทรงผมบ่งบอกความง่ายๆ สไตล์เขา ไม่ต้องอะไรมาก...ลวกๆ ประมาณนั้น เธอไม่รู้ว่าเขาได้จัดทรงมันบ้างหรือเปล่า ยอมรับว่าดูดีนะ แต่ขัดหูขัดตาเหลือเกิน

“มันคงไม่ใช่กามเทพแผลงศร หรือพรหมลิขิตบันดาลหรอก” เขาก็ยังคงพูดต่อไปอย่างขำๆ ทำนองทุ้มต่ำในลำคอ

“แน่นอน...เพราะมันคือนรกส่งมา ทำไมคุณแม่ไม่บอกก่อนคะ งั้นหนูไม่มาแน่ๆ” เธอหันไปแขวะมารดาเพื่อน บ่งบอกว่าไม่ชอบใจผู้มาเยือนใหม่ ใครชอบใจก็บ้าแล้ว...ผู้ชายนิสัยแย่คนนี้

“กำลังจะบอกว่า หัวหงอกสองคนเป็นนรก?”

“โหยคุณยาย หนูไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย อย่าแปลเจตนาหนูผิดสิคะ” เธอว่าอย่างกระเง้ากระงอด เมื่อถูกคุณยายดวงว่าเข้าให้

“จะทะเลาะกันไปทำไมนักหนา เดี๋ยวก็ได้กันขึ้นมาจะยุ่งเอานะ ลูกดกเลี้ยงไม่หวาดไม่ไหว” ผู้เป็นยายที่มีวาจาการหยอกล้อไม่เหมือนใคร ก็ยังคงเย้าต่อ

“รับประกันเลยครับว่า...ผมไม่หน้ามืดตามัวแน่ๆ” เขาพูดพร้อมส่ายหน้าเมื่อหันมามองผู้ที่นั่งตรงข้าม

“เหอะ เรียกว่ามิบังอาจเอื้อมถึงจะดีกว่านะ”

“พระเจ้า อะไรดลจิตดลใจเข้าข้างตัวเองเนี่ย”

“ดอกฟ้าอย่างฉัน ไม่มีวันหันไปมอง...ผู้ชายห่ามๆ แบบนายหรอก นี่ขนาดจะเรียกพี่ยังกระดากเหลือแสน!”

“พระเจ้าอีกรอบ ดอกฟ้า? รับรองว่าพี่จะไม่ยอมเป็นหมาวัดแน่ๆ ให้ตายเถอะเหลือล้าน!”

“พอได้แล้วตากร แกล้งน้องอยู่ได้” กัลยารีบปรามแต่หาได้จริงจังนัก นอกเสียจากแอบหวังอย่างขำๆ ในการต่อความที่ไม่สิ้นสุดของคนทั้งคู่

“อื้อหือ แห้ว...นี่มันอร่อยจัง เพิ่งเคยชิมครั้งแรก แหม...หวานแปลกๆ ดีแฮะ” เขาคว้าตะโก้แห้วที่อยู่ตรงหน้าปาริตามาเป็นของตัวเองอย่างไม่เกรงใจ อีกทั้งยังเอ่ยชมขนมทำนองล้อเธออีกต่างหาก ไม่ได้สนใจมารดาที่ห้ามปรามแต่อย่างใด

“คุณปริมคะ ลองชิมขนมครกสูตรใหม่ดูมั้ยคะ สูตรนี้คุณดวงท่านคิดขึ้นเองเลยนะคะ” ป้าแม่บ้านร่างท้วมเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำใจ พร้อมวางถาดขนมครกที่วางประกบคู่เอาไว้อย่างเรียบร้อยสวยงาม ท่ามกลางสายตาสองคู่ที่มองกันอยู่อย่างไม่มีใครยอมใคร

“ขนมครก...หมายถึงคนรักกัน คนโสดอย่างน้องปริม เห็นทีจะชิมไม่ได้หรอกครับ” คนที่ปากไวก็ยังคงกล่าวต่อ ไม่ได้สนใจเลยว่าเธอจะหน้างอใส่เขาแค่ไหน... เขาเองก็ประหลาดใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้ปากหมาสม่ำเสมอ...และมันก็เป็นกับเธอคนเดียวด้วย

“พูดอย่างกับนายมีแฟนอย่างนั้นแหละ” เธอแขวะเขาต่อ พร้อมๆ กับใช้ส้อมจิ้มขนมครกพอดีคำเข้าปากไป แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดไหน เรื่องกินก็ยังคงดำเนินไปได้เสมอ...สำหรับเธอ ปาริตา

“พูดแล้วจะหาว่าโม้ ระดับนี้แล้ว เพียงนิ้วกระดิก สาวๆ ก็วิ่งมาหาแล้ว”

“ผู้หญิงหรือหมา ทำไมถึงง่ายจัง”

“คนไม่มีเสน่ห์ไม่มีวันเข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก” เขาว่าพร้อมกับจิ้มขนมครกชิ้นสุดท้ายมาเป็นของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันนั้น ซ่อมจากฝั่งตรงข้ามก็จิ้มมาพร้อมกันพอดี... ศึกเพื่อชิ้นสุดท้ายนี้จึงบังเกิด

“ฉันหยิบก่อนนะ” เธอส่งเสียงเฉียบขาดพร้อมสายตาบาดจิต พิชิตขนมครกเต็มที่

“แต่บังเอิญว่า... พี่แย่งชิงมันมาได้พอดี” เขายิ้มอย่างภาคภูมิใจ ให้กับขนมครกชิ้นสุดท้ายในมือ... เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมอยากจะแย่งชิงหนักหนาทั้งๆ ที่เขาก็โตขนาดนี้แล้ว

“ส่งมันคืนมาเดี๋ยวนี้!” ความที่ไม่เคยยอมใคร ทำให้เธออยากได้สิ่งที่ต้องการกลับมา

“เดี๋ยวป้าจัดให้ใหม่นะคะไม่ต้องแย่งกันค่ะ” ขณะที่ป้าแม่บ้านกำลังกุลีกุจอจัดขนมให้คนทั้งคู่ใหม่ สายตาของผู้เป็นใหญ่ก็ส่งสัญญาณมาว่า ไม่ต้องหรอกนะ...ปล่อยให้แย่งกันไป และแอบส่งยิ้มพอใจให้กัน

“อื้อหือ อร่อยเป็นบ้า” เขากัดหนึ่งคำไปอย่างหน้าตาเฉย พร้อมกับเอ่ยชมอย่างน่าหมั่นไส้

“นายมันไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษในตัวบ้างเลยหรือไง ฉันเกลียดนาย...อุ๊บ!” ปาริตาพ่นคำด่าอย่างไม่ยั้ง...แต่ขนมครกแสนอร่อยชิ้นสุดท้าย กลับมาทลายคำด่าเหล่านั้น เหลือเพียงความหวานนุ่มลิ้น

“เป็นไง อร่อยเป็นบ้ามั้ย” สายตายียวนรับกับผมยับยู่ยี่ มันจะทำให้เขาดูดี...ถ้าเขาไม่มีวาจาแย่

“อี๋ ขนมนี่นายกัดมันเข้าไปแล้วใช่มั้ย”

“ถ้าคาย โดนจูบแน่” เพียงแค่คำขู่กับแววตาเชิงดุจริงจังทำให้เธอกลืนขนมครกแสนหวานลงไปอย่างง่ายดาย แค่กินขนมชิ้นเดียวกับเขาเธอยังจะแทบคาย ถ้าโดนจูบเธอไม่ขาดใจตายหรอกเหรอ?

“เป็นยังไง ลองอธิบายรสชาติขนมครกสูตรใหม่ให้ยายฟังหน่อยสิ” เสียงเอ่ยที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้คนที่เกือบทำสติหล่นหายกลับคืนมาได้อีกครั้ง

“รสชาติใช้ได้นะครับ แต่ผมว่าที่จะพิเศษก็คงจะเป็นความนุ่มลิ้นของแป้ง แล้วก็ความดูดดื่มอยากกินซ้ำแล้วซ้ำอีกของอะไรบางอย่างที่แทรกซึมลงไปที่ดูน่าสนใจมาก เคล็ดลับใหม่หรือเปล่าครับ” ปาริตาต้องหันไปมองทันที เมื่อเธอไม่เคยเห็นบุคลิกจริงจังของเขามาก่อน ผู้ชายมาดกวนยียวนประสาท พูดจาไม่ได้เรื่องได้ราว ตอนนี้กำลังกล่าวถึงอาหารด้วยถ้อยคำที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่า เขาจะพูดได้ดีขนาดนี้ ไม่สิ...พูดได้ดีมาก

“หนูปริมล่ะ ว่ายังไง” เมื่อโดนโยนคำถามมาอย่างซึ่งหน้าและไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เธอใจเต้นรัวขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอจะเอาอะไรไปตอบล่ะ ก็เมื่อตอนที่เธอกลืนมันลงไป

ไม่สิ...ตั้งแต่ลิ้มรสครั้งแรก เธอสัมผัสได้แต่ความแปลกในแววตาเขา ไม่ได้รับรสชาติใดๆ จากขนมครกเลย และที่แปลกประหลาดกว่าก็คือเธอจดจำรสชาติก่อนหน้านี้ของขนมครกชิ้นก่อนที่กินเข้าไปไม่ได้เลยด้วย

“ก็อร่อยดีค่ะ” เธอว่าอย่างไม่สบตาใคร

“แค่อร่อยเองเหรอ” คำถามที่เหมือนจะล้ออยู่ในที ทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก

“ก็ปริมบรรยายออกมาได้ไม่เก่งเหมือนคนบางคนนี่คะ”

“ให้ผมเดา ยายคงจะใช้แป้งมันที่ผลิตเองใช่มั้ยครับและยิ่งไปกว่านั้น เป็นมันคัดสรรพิเศษจากไร่ของผมซะด้วย” เขาไม่ได้สนใจคำประชดประชันที่เธอเอ่ย และยังหันไปวิเคราะห์รสชาติที่มาของขนมครกต่อด้วย ทำให้เธอได้เห็นอีกมุมของเขาขึ้นมาเวลาจริงจังก็จริงจังแบบไม่มีเล่น มันทำให้เขาน่ามองขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“และขอเดาต่อว่า คนผลิตก็คือคุณแม่ผู้แสนเก่งของผม” เขากล่าวชมพร้อมรอยยิ้ม

“สมกับที่เป็นที่ปรึกษาด้านอาหารคนใหม่ของวงการจริงๆ เลยนะ” คุณดวงเอ่ยชมจากใจจริง ก่อนหันไปมองปาริตาผู้ซึ่งทำปากเหยียดใส่เขา อย่างคนมีอคติ

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่คิดว่า...ไม่ควรสักแต่ว่ากิน ไม่ใช่ชิมแค่ลิ้น...แต่ควรจะกินให้ลึก เพราะว่าอาหารบางอย่างเนี่ยมันสื่ออะไรได้มากกว่าคำว่าอิ่มหรือแค่อร่อย” เขาหันมามองเธอกลับอย่างหมิ่นประมาทต่อ

“ไม่ต้องมาแดกดัน ฉันแค่คิดว่า...คำว่าอร่อยเป็นคำที่ดีสุดไม่เยิ่นเย้อ ไม่เพ้อฝัน อร่อยก็อร่อยไม่เห็นต้องพูดอะไรให้มากความ” แม้เธอจะไม่ได้คิดแบบนี้จริงๆ แต่เธอก็จำต้องพูดออกไปเพื่อว่า จะต้องชนะเขาให้ได้

“สิ่งที่เราพูดมาเมื่อสักครู่ ช่วยขยายความคำว่า สักแต่ว่ากิน ได้ดีมาก ขอบคุณนะ” เขาว่าพร้อมใช้ส้อมจิ้มกล้วยแขกสูตรเด็ดที่ถูกวางลงใหม่แบบร้อนๆ และยังถูกหั่นเป็นท่อนๆ ประดับด้วยใบเตยที่ถูกทอดจนกรอบ

กลิ่นหอมของมันทำให้คนที่ถูกต่อว่า ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่า... กล้วยแขกที่ถูกจัดวางไว้บนจานใบตองที่ถูกสานอย่างประณีต

“อื้อหือ กรอบมากเลยค่ะ กรอบนอกนุ่มในแถมยังหอมใบเตยเคล้ากลิ่นมะพร้าว ตั้งแต่เคยลิ้มกล้วยแขกมา นี่ถือว่าเป็นรสชาติแปลกใหม่ ที่ลงตัว กลมกล่อมแล้วแบบดีไปหมดเลยอ่ะค่ะ” เธอบรรยายตามใจคิดด้วยรอยยิ้มเพลินตา จนคนที่ค่อยเคี้ยวกล้วยแขกแล้วใช้ลิ้นค่อยๆ ไล้ตามที่เธอบรรยายออกมา มองเธอตาปรอย...แบบไม่รู้ตัว

“เป็นยังไงบ้างตากร รสชาติเหมือนอย่างที่น้องว่ามั้ย” กัลยาเอ่ยขึ้นเหมือนดึงสติบุตรชาย ที่ตอนนี้สายตาจดจ้องไปที่ริมฝีปากคนตรงข้ามอย่างไม่อยากจะละไปไหน

“ผมว่ากรอบไปหน่อย แสดงว่าตอนที่เอาลงน้ำมันทีแรกน้ำมันกำลังเดือดพล่านจัด ทำให้ข้างนอกกรอบแต่ข้างในไม่ได้รับความร้อนเต็มที่”

“อันนี้เขาเรียกเยอะแล้ว บรรยายอย่างกับทำเป็น”

“แน่นอน ใครเขาจะพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้กัน คนที่ทำแบบนั้น...แถวบ้านพี่เรียกมั่ว”

“ฉันไม่ได้มั่วนะ!”

“แบบนี้สำนวนไทยเขาเรียก เผือกอยากโดนเผา... เขาไม่ได้ว่า ก็เป็นบ้ามารับซะงั้น”

“สำนวนไทยบ้านนายสิ สำนวนบ้านป่าซะมากกว่า”

“อื้อ บ้านป่าแล้วไงอ่ะ ดูถูกเหรอ?” สายตายียวนแต่ออกแนวชวนตำหนิ ทำให้เธอได้สติขึ้นมา เธอหันไปมองทางกัลยาแล้วรีบยกมือไหว้

“ไม่เป็นไรหรอก ทานขนมกันต่อดีกว่า มีอีกหลายอย่างเลยนะ ถ้าทานไม่หมด...ครั้งหน้าอดไม่รู้ด้วยนะ” เธอรีบสงบวาจา แต่แววตายังคงแผงฤทธิ์ใส่คนตรงข้ามต่อ เขาเองก็พอเขาจิ้มขนมเอามาฝั่งตัวเองหมด อยู่ในโหมดไม่มีใครยอมใคร จนผู้ใหญ่ทั้งสองได้แต่ซ่อนรอยยิ้ม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel