บทที่ 4
แม้จอห์นจะไม่มั่นใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตนเอง แต่กระนั้นเขาก็ยังเดินตามออกไป รู้สึกใจมาเป็นกองเมื่อรอนเดินตามมาในระยะใกล้ชิด และทางเบื้องหลังของเธอนั้น เขาสัมผัสความรู้สึกอยู่ว่า คนอื่นๆก็กำลังเดินตามมาเป็นพรวนด้วยเช่นกัน ทุกคนอยู่ในอาการเงียบกริบซึ่งก็สร้างความกลัวให้เกิดขึ้นได้ไม่น้อยเลย ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีเสียงตะโกนหยอกล้อ จะมีก็แต่เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากที่ติดตามมาในความมืด
ปิศาจตนนั้น..หรือจะเป็นอะไรก็ตาม ที่เดินเลี้ยวไปตรงมุมห้องโถงและหายตัวเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งจอห์นรู้ว่าเป็นห้องทำงานของไมค์
แต่ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงไปจนหมดสิ้น โต๊ะทำงานของไมค์ถูกเลื่อนไปตั้งชิดผนัง มีเก้าอี้พับเข้ามาตั้งรายเรียงไว้ มีเทียนคู่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนชั้นเหนือเตาผิง และในตอนนั้นเองที่จอห์นสังเกตเห็นว่า ตรงสุดปลายห้องมีจอขนาดใหญ่ขึงไว้เต็มผนังห้อง
ปิศาจตนนั้นหายตัวเข้าไปเบื้องหลังฉากพับแบบจีน ศีรษะที่มีแสงเรืองส่ายไหวอยู่เหนือฉาก
“ทุกคนจงนั่งลง” อีกครั้งหนึ่งที่ปิศาจออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกบ่งบอกถึงความมีอำนาจ “และเจ้า..จอห์น คอนสเตเบิล จงนั่งลงในเก้าอี้ตัวหน้าสุด”
แม้ห้องทำงานของไมค์จะเป็นห้องที่จอห์นคุ้นชินอย่างที่สุด แต่ทว่า ในค่ำคืนวันนี้บรรยากาศมันแปลกเปลี่ยนไป แต่กระนั้นเขาก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งด้วยการทรุดตัวลงนั่งในเก้าอี้ตัวหน้าสุด โดยมีรอนนั่งลงเคียงข้าง ยังคงจับแขนเขาไว้แน่น ในบรรยากาศอันน่าอึดอัดนั้น มีเสียงหัวเราะแผ่วๆ เสียงกระซิบกระซาบพูดจากัน ขณะที่แขกคนอื่นๆต่างทรุดตัวลงนั่งในเก้าอี้พับตัวถัดๆไป
“จอห์นคะ คุณพอจะรู้บ้างไหมว่านี่มันอะไรกัน?” รอนกระซิบถาม ซึ่งก็เช่นเดียวกับแขกเหรื่อคนอื่นๆที่กำลังถามซึ่งกันและกันอยู่
“ไม่รู้เลย” จอห์นพูดเสียงกร้าว “รู้แต่ว่ามันจะต้องเป็นเรื่องตลกอะไรสักอย่างเท่านั้น”
“ฉันไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลยนะคะ”
จอห์นโอบไหล่เธอไว้ รั้งร่างรอนเข้ามากอด
“ไม่ต้องกลัว บอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องล้อกันเล่น คุณลืมไปแล้วหรือว่าวันนี้เราจัดปาร์ตี้ขึ้น เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีเรื่องสนุกๆให้ดูแน่” เขาพยายามลดความกระด้างในน้ำเสียงลง แต่ก็ออกจะลำบากอยู่ไม่น้อย เมื่อเบื้องหน้านั้นคือศีรษะเรืองแสงที่ส่ายไหวพยักพเยิดอยู่ และขณะนี้แสงเรืองที่ปากและดวงตาก็สว่างวาบขึ้น
“ทุกคนได้นั่งสบายดีกันแล้วหรือยัง?” ปิศาจเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม “แล้วคุณล่ะจอห์น คอนสเตเบิล ยังสบายดีอยู่หรือเปล่า?”
“ผมสบายดี” จอห์นตอบไปตามเพลง
“ถ้าอย่างนั้น ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไปเราจะให้ท่านทั้งหลายได้ชมการแสดงชุดพิเศษสุด..จอห์น คอนสเตเบิล จงระวังชีวิตท่านไว้ให้ดี..!”
มีเสียงฮัมดังขึ้นเบาๆ เมื่อเครื่องกลไกบางอย่างเริ่มเดิม เมื่อจอห์นหันไปมองทางด้านหลังของห้องก็เป็นฮาร์ริสัน แอดเดอร์ กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับเครื่องฉาย มีเสียงเพลงชวนสยองดังกระหึ่มขึ้น
และทันใดก็มีภาพปรากฏขึ้นบนจอเบื้องหน้าเป็นตัวอักษรสีดำที่เขียนเป็นลวดลายยักเยื้องทางอยู่กับแบ๊คกราวนด์สีแดงสด เป็นข้อความว่า
“จอห์น คอนสเตเบิล ปิศาจแห่งฮัลโลวีน”
ภาพเปลี่ยนไปพร้อมกับเสียงเพลงแผ่วหวาน บรรเลงโดยไวโอลิน ข้อความบนจอภาพอ่านได้ความว่า
“อดีตแห่งปิศาจฮัลโลวีน..จอห์น คอนสเตเบิล เข้าร่วมงานกับไฮกลาส กรุ๊ป”
ภาพที่ปรากฏบนจอต่อมานั้นสดสวยด้วยสีสันประกอบด้วยเสียงเพลงไพเราะ สไลด์นั้นแสดงให้เห็นภาพตอนที่จอห์นเข้าทำงานกับไฮกลาส กรุ๊ปใหม่ๆ เขากำลังนั่งทำงานอยู่ตรงโต๊ะทำงานตัวสูง ถือปากกาอยู่ในมือ กำลังออกแบบห้องครัวทันสมัย อาร์ติสท์สาวสวยผมยาวโน้มตัวอยู่ด้านหนึ่งของโต๊ะเขียนแบบ ปลายดินสอจิ้มอยู่ด้านบนสุดของภาพที่จอห์นกำลังเขียน ส่วนฮาร์ริสัน แอดเลอร์กับโดนัลด์ ฮู้ด ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง มือของฮาร์ริสันวางอยู่บนบ่าจอห์น มันเป็นภาพที่บ่งบอกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมของผู้ที่ทำงานรวมกัน
“ฮ่า..”โดนัลด์ ฮู้ดร้องออกมาพร้อมกับปรบมืด ในสภาพที่กำลังมึนเมาอยู่นั้น เขาได้ช่วยทำลายความตึงเครียดในบรรยากาศให้สลายลง และทุกคนก็เริ่มปรบมืดส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างพออกพอใจ มีเสียงคลิกดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมีตัวอักษรสีดำบนพื้นแดงปรากฏขึ้น
“ปัจจุบัน ปิศาจฮัลโลวีน จอห์น คอนสเตเบิล เมื่อทำงานอยู่กับไฮกลาส กรุ๊ป”
เสียงเพลงในจังหวะร๊อคดังกระหึ่มขึ้น ภาพสไลด์เปลี่ยนไป ดูเหมือนจะเป็นภาพที่เพิ่งถ่ายเมื่อไม่นาน โดยที่เขาไม่รู้ตัว ขณะดูภาพนี้อยู่จอห์นก็นึกออกทันทีว่า ผู้ที่ถ่ายภาพนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอริก้า เพราะมีอยู่วันหนึ่งที่หล่อนเดินพล่านไปทั่วทั้งบริษัทพร้อมกับกล้องในมือ บอกกับใครต่อใครว่ากล้องไม่มีฟิล์ม หล่อนเพียงแต่อยากจะแสดงท่าช่างภาพสมัครเล่นเท่านั้น
ในจอภาพดังกล่าว จอห์นอยู่ในเสื้อเชิ้ตลายทางถลกแขนถึงข้อศอก กำลังคุยอยู่กับโดนัลด์ ฮู้ดและเพื่อนร่วมงานอีก 2 คนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เรือนผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเหยิง บางปอยปรกลงบนหน้าผากทำให้ดูอ่อนวัยลงมาก สีหน้าเขาบ่งบอกความสุขที่ได้ทำงานที่ใจรัก จอห์นอดยิ้มไม่ได้ บางครั้งการที่เราได้เห็นภาพอันน่าดูของตนเองก็ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้มาก
“รูปนี้คุณหล่อจัง” รอนกระตุกแขนเขาเบาๆ ขณะที่มีเสียงปรบมือ เป่าปากดังขึ้น
สไลด์เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้มีข้อความว่า
“อนาคตของปิศาจแห่งฮัลโลวีน จอห์น คอนสเตเบิล อำลาจากไฮกลาส กรุ๊ป”
เสียงเพลงเปลี่ยนเป็นทำนองเศร้าสร้อยเช่นที่ใช้บรรเลงในงานศพ ประกอบด้วยแสงออร์แกนเศร้าวังเวง กลองที่ตีในจังหวะช้าๆ การขับร้องประสานเสียง บรรยากาศเหมือนร่วมอยู่ในพิธีศพไม่มีผิด
มีภาพหนึ่งปรากฏขึ้นบนจอ เป็นร่างของชายหนุ่มที่คล้ายจอห์นมาก เพียงแต่จอห์น คอนสเตเบิลคนนี้นอนคว่ำหน้าอยู่บนบาทวิถี แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่า หลวมโพรกเนื้อตัวสกปรก เรือนผมเปลี่ยนเป็นสีเทารุ่ยร่าย ใต้ดวงตาเป็นขอบสีเขียวคล้ำ ที่อยู่ใกล้ตัวเขาคือป้ายที่มีข้อความเขียนไว้ว่า
“ภาพเหมือนและทิวทัศน์ราคา 1 ดอลล่าร์”
ตรงปลายเท้าคือกำแพงอิฐที่มีรูปแขวนไว้หลายชิ้นด้วยสีสันแปลกประหลาด ตรงพื้นข้างศีรษะคือหมวกเก่าๆใบหนึ่ง มีเหรียญหย่อนลงไว้
ทันทีที่เห็นภาพนี้เข้า จอห์นมีความรู้สึกเหมือนมีใครตวงหมัดเข้าใส่หน้าท้องอย่างรุนแรง รอนกอดแขนเขาไว้แน่น
“จอห์น..” เธอกระซิบเสียงพร้า ทั้งห้องเงียบกริบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด
“ไอ้ฉิบหาย..!” ไมค์ตะโกนก้องขึ้นในความมืด
จอห์นแทบจะหมดสิ้นทั้งขวัญและกำลังใจ มันคล้ายกับมีใครสักคนหนึ่งที่มีอำนาจเหนือชีวิตได้ทำนายวันแห่งอนาคต ที่จะมีแต่ความพินาศขึ้นมาให้เขาได้เห็นอย่างแจ้งชัดถนัดตา มันทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกสาปแช่ง ด้วยภาพดังกล่าวนั้น เขาอยากระโดดเข้าไปชกจอให้ทะลุ
แต่ก่อนที่เขาจะทันทำอะไรลงไปอย่างใจคิด สไลด์ก็เปลี่ยนไป มีตัวอักษรปรากฏขึ้นว่า
“ปิศาจแห่งฮัลโลวีน หมายเลข 2 เมื่อจอห์น คอนสเตเบิล กลับมาร่วมงานกับไฮกลาส กรุ๊ป”
อีกครั้งหนึ่งที่มีภาพจอห์นยิ้มร่าอย่างมีความสุขขณะนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมเพลงที่บรรเลงประกอบเปลี่ยนเป็นจังหวะร๊อคอีกครั้ง คราวนี้ผู้ชมต่างปรบมืดเป็นจังหวะตามไปด้วยกึกก้อง พร้อมกันนั้นสไลด์ตัวอักษรที่ปรากฏตามมามีข้อความว่า
“เราเสียดายคุณมากจอห์น และยินดีต้อนรับคุณกลับมาทุกเมื่อ ด้วยความปรารถนาดีจากไฮกลาส กรุ๊ป”
เสียงเป่าปากปรบมือดังกึกก้องขึ้น บนจอภาพว่างเปล่า พร้อมกันนั้นแสงไฟก็สาดสว่างขึ้นอีกครั้ง แขกที่มาร่วมงานต่างลุกขึ้นจากที่นั่ง บางคนยังปรบมืออยู่ ความตึงเครียดจางหายไปโดยสิ้นเชิง
“ฝีมือเจ้าฮาริสันแน่เลย ไอ้ระยำ” จอห์นพึมพำกรอกหูรอนด้วยความโมโห “อยากต่อยหน้าแม่งมันนัก”
“จอห์นนี่” รอนบีบแขนเขาแน่น “ไม่มีอะไรหรอก เขาทำไปด้วยความตั้งใจดีแท้ๆนะ ฉันรู้ค่ะว่ามันเป็นอะไรที่ไม่เข้าท่ามาก แต่ก็เข้าใจว่าที่เขาทำก็เพราะอยากแสดงให้คุณเห็น ว่าเขาเสียดายมากที่ต้องเสียคุณไปมันก็เท่านั้น”
“หมายความว่าคุณเองก็รู้เรื่องนี้ด้วยอย่างนั้นเรอะ?” จอห์นหันมาตวาดใส่ ดวงตาลุกวาว
“ไม่รู้เลยนะจอห์น สาบานได้” รอนรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาโกรธมากขนาดนี้ “จอห์นนี่คะ อย่าโมโหเลยนะ ฉันรู้แต่เพียงว่าที่เขาทำกันขึ้นมานี่ ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายความรู้สึกของคุณหรอก”
“คุณไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นยิ่งกว่าคำสาปแช่ง ผมว่าคุณเองก็ย่อมจะต้องรู้อยู่แก่ใจนะรอน เอาละ ผมเห็นจะต้องไปพูดกับมันให้รู้เรื่อง..” เขาขยับจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่รอนจับแขนเขาไว้แน่น
“ไม่ค่ะจอห์น ใจเย็นๆสิคะ ฉันคิดว่าคุณกำลังจะเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้วนะ”
“ให้ตายสิรอน นี่มันอะไรกัน..ทำไมเวลาเกิดเรื่องขึ้นคุณจะต้องพยายามหลบหนีหรือไม่ก็หลีกเลี่ยงเสียทุกครั้ง ทำไมไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันบ้าง?” เขาว่าใส่หน้ารอนอย่างเดือดดาล
แต่รอนไม่มีเวลาทีจะตอบคำถามนั้น เราะขณะนี้ฮาร์ริสัน แอดเดอร์ กำลังเดินไปหน้าห้อง ขณะเดียวกันหัวของปิศาจก็เคลื่อนออกมาจากเบื้องหลังฉากจีน เมื่อมีไฟแสงสว่างเช่นนี้ ทุกคนจึงได้เห็นว่า ปิศาจตัวสูงใหญ่นั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนขาไม้ มีผ้าสีดำห่อหุ้มคลุมไว้ทั้งตัว ตรงส่วนศีรษะทำจากพลาสติกสีขาวโปร่งแสง ดวงตากับปากฉาบไว้ด้วยสีสะท้อนแสง
