บทที่ 3
แขกเหรื่อที่รอเวลาอยู่ต่างเริ่มออกเดินไปที่โต๊ะอาหาร เพียงครู่เดียวก็เข้าไปอัดกันอยู่ในห้องนั้น
โบลีนกับไมค์จัดงานเลี้ยงครั้งนี้ขึ้นเพื่อเป็นการเลี้ยงส่งให้จอห์นกับรอนไปในตัว ดังนั้นพนักงานส่วนใหญ่ของบริษัทโฆษณาที่เขาทำงานอยู่จึงมาร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง
ฮาร์ริสัน แอดเดอร์ ประธานบริษัทไฮกลาส กรุ๊ป เดินไปหารอนที่นั่งอยู่บนเท้าแขนเก้าอี้ตัวหนึ่งภายในห้องรับประทานอาหาร มีจานใส่อาหารวางอยู่บนโต๊ะข้างตัว เขาโน้มตัวลงจูบเธอเบาๆที่หน้าผากตามมรรยาทที่ได้รับการฝึกฝนจนชำนาญ รอนรู้จักเขาดีเกินกว่าจะเชื่อว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษเช่นที่แสดงออก
“สวัสดีค่ะคุณฮาร์ริสัน นั่งด้วยกันไหมคะ?” เธอพยักหน้าไปทางเก้าอี้อีกตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่เคียงข้าง “คุณทานอะไรหรือยังคะนี่?”
“อ๋อ..เรียบร้อยแล้ว” เขาจับกลีบกางเกงขณะทรุดตัวลงนั่งและรอนก็เลื่อนตัวจากเท้าแขนลงนั่งในเก้าอี้เคียงข้าง “อาหารมื้อนี้อร่อยมาก ว่าแต่คุณกับจอห์นจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่ล่ะ?”
“พรุ่งนี้ค่ะ คืนนี้เราจะค้างกันที่นี่ อยากคุยกับโบลีนกับไมค์อีกสักคืน”
“น่าตื่นเต้นดีจริงๆ” ฮาร์ริสันจับตามองหน้ารอนราวจะอ่านความรู้สึกอยู่ “นี่คงจะเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตคุณเลยสินะ”
“มันไม่ใช่เพียงแค่นั้นหรอกค่ะ” รอนบอก “ฉันถือว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการผจญภัยในชีวิตทีเดียวนะคะคุณฮาร์ริสัน ยอมรับค่ะว่าตื่นเต้นมากอยากให้มาถึงเร็วๆเสียด้วยซ้ำ”
“ผมดีใจกับคุณด้วยจริงๆ” ฮาร์ริสันพูดยิ้มๆ “เล่าเรื่องบ้านใหม่ให้ผมฟังบ้างสิ ที่จริงผมก็เคยไปเที่ยวเกาะแนนทัคเคทนั่นมาเหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้แน่ชัดว่ามันอยู่ตรงไหนเท่านั้น”
รอนระวังตัวอยู่มากที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะไม่ใคร่แน่ใจว่าฮาร์ริสันต้องการรู้อะไรจากเธอ แต่จอห์นเคยเตือนเสมอให้คอยระวังผู้ชายคนนี้ไว้ เพราะเขาก็เช่นเดียวกับผู้ชายในวงสังคมทั้งหลาย ที่ย่อมจะต้องมีความเจ้าเล่ห์เพทุบายอยู่ไม่น้อย และยิ่งในฐานะประธานบริษัทไฮกลาส กรุ๊ป ด้วยแล้ว ฮาร์ริสันดูจะเป็นบุรุษผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เขาเป็นคนปากหวาน สามารถพิชิตใจลูกค้าได้อย่างง่ายดาย แต่มันคล้ายกับเขาพยายามจะเล่มเกมอะไรบางอย่าง แม้แต่กับผู้ร่วมงานฝีมือดีที่ทำงานร่วมกันในบริษัท หรือแม้แต่กับจอห์นเองเขาก็ไม่เว้น
“มันเป็นบ้านเก่าที่สวยมากทีเดียวละค่ะ” รอนเล่าช้าๆ “รูปทรงแบบบ้านโรมัน มีบันไดทอดจากทางเดินตรงขึ้นไปถึงประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลังเลย หลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้อะไรทำนองนั้น ถ้าคุณเคยไปแนนทัคเคทมาแล้ว ก็คงจะเคยเห็นว่ารูปทรงบ้านเรือนที่นั่นมันเป็นยังไง..โอ..ฉันต้องขอตัวนะคะคุณฮาร์ริสัน โบลีนเก็บโต๊ะพอดีเลย เห็นจะต้องไปช่วยหน่อยจะได้ยกของหวานออกมตั้ง”
“เชิญครับ..เชิญตามสบาย” ฮาร์ริสันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน “จะให้ผมช่วยอะไรด้วยไหมนี่?”
“งั้นก็ช่วยเติมไฟในเตาผิงหน่อยก็แล้วกันค่ะ” รอนตอบอย่างเกรงใจ ไม่กล้าปฏิเสธในความมีน้ำใจของผู้อื่น และมีความสามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้อย่างนิ่มนวลเช่นกัน “ขอบคุณมากนะคะ ทุกคนกำลังสนุกก็เลยไม่มีใครคิดเรื่องนี้”
เธอรีบรุดเดินดิ่งเข้าไปในห้องครัว เอาจานชามที่ถือติดมือวางลงในอ่างที่โบลีนกำลังล้างอยู่ กระซิบกระซาบบอกโบลีนว่า
“แหมนี่..อีตาคนนั้นน่ะเธอเคยคุยกับเขาบ้างหรือเปล่า เหมือนซาตานไม่ผิดเลยนะโบลีน ข้างนอกดูสะอาดหมดจดเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่ข้างในร้ายกาจอย่างกะอะไรดี ฉันไม่เข้าใจเลยนะว่าจอห์นร่วมงานกับเขามาตั้งหลายปีได้ยังไง”
“อย่างน้อย เขาก็ช่วยให้บริษัทก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้น่ารอน” โบลีนว่า “เธอยังไม่เคยพบกับหุ้นส่วนคนหนึ่งของไมค์นี่ ใครๆก็พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยนะว่าอีตาแก่นั่นฉลาดเป็นกรด หัวสมองปราดเปรื่องไม่มีใครเทียบได้ แต่จริงๆแล้วมันก็กรดเราดีๆอย่างที่เขาว่านั่นแหละ หัวรุนแรงก็เท่านั้น ไม่ว่าใครพูดอะไรฉันเป็นต้องพร้อมจะต่อต้านเขาไปหมดทุกเรื่อง การที่เราทำงานหรือสังคมร่วมกับคนอย่างนี้มันก็ดีเหมือนกัน คือต้องคอยแข่งกับพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราเก่งขึ้นยังไงล่ะ”
โบลีนกับรอนช่วยกันเก็บโต๊ะอาหาร โดยมีพนักงานต้อนรับกับนักเขียนโฆษณาอีกสองสาวเข้ามาเป็นผู้ช่วย แต่ดูเหมือนเอริก้าพยายามจะอยู่ห่างทุกคนให้มากที่สุด
“เอาละ เมื่อเรียบร้อยแล้วเราก็เอาของหวานกับกาแฟออกไปตั้งให้พวกเขาได้แล้ว” โบลีนเอ่ยขึ้นในที่สุด
เสียงหัวเราะดังลั่นมาจากห้องรับประทานอาหารเมื่อใครคนหนึ่งเล่าเรื่องขำขันขึ้น ดูเหมือนทุกคนจะอยู่ในอารมณ์เบิกบานแจ่มใสกันทั้งนั้น
“งานวันนี้สนุกมากจริงๆนะโบลีน” รอนเอ่ยกับเพื่อนสาว ซึ่งทำให้โบลีนหันมามองหน้า รอยยิ้มดูจืดลง
“ฉันอยากจะบอกอะไรให้เธอรู้ไว้อย่างหนึ่งนะ คือมันกำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในคืนนี้” โบลีนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อะไรหรือ?” รอนถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ฉันคิดว่า..เอ้อ..มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอก” โบลีนทำท่าเหมือนจะพูดต่อ แต่ก็พอดีกับแขกผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาโอบกอดและทักทายด้วยความประทับใจกับงานเลี้ยงและอาหารอันแสนอร่อยในค่ำวันนี้ โบลีนเบือนหน้าไปทางรอนพูดกับเธอเบาๆว่า “เตรียมตัวไว้หน่อยก็แล้วกัน มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก” จากนั้นเธอก็หันกลับไปพูดกับผู้ชายคนนั้น “โอ..สก็อตต์ ฉันดีใจมากเลยนะคะที่คุณสนุกกับงานของเรา”
รอนเดินออกจากตรงนั้นช้าๆด้วยความพิศวงเต็มหัวใจ จอห์นเข้ามาโอบกอดทางด้านหลังซุกคางลงกับไหล่
“สนุกไหม?” เขาถามเบาๆ
“สนุกมากเลยค่ะ เออ..จอห์นคะ..” รอนตั้งที่จะพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ก็พอดีถูกขัดจังหวะเสียก่อน
ไฟฟ้าในบ้านหลับพรึ่บลง สร้างความตกใจให้กับทุกคน พนักงานต้อนรับถึงกับร้องออกมาและผู้ชายคนหนึ่งพูดเสียงสั่นว่า
“เฮ้ย..อะไรกันวะนี่?”
เป็นครู่กว่าที่ทุกคนจะปรับสายตาให้เข้ากับแสงสลัว ที่สาดส่องออกมาจากเตาผิงและตะเกียงน้ำมันที่จะประดับห้องไว้ เสียงฮาร์ริสัน แอดเดอร์เอ่ยขึ้นว่า
“สงสัยไฟเกิดช๊อตขึ้นละมังไมค์ มีฟิวส์หรือเปล่าล่ะ?”
“อยู่ในห้องใต้ดินแน่ะ จอห์น..คุณมาช่วยผมก่อนดีกว่า”
ซึ่งจอห์นก็ปฏิบัติตามคำขอร้องของเพื่อนทันที ผละออกจากอ้อมแขนของรอน ตั้งใจจะเดินลงไปห้องใต้ดิน
แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักฝีเท้าไว้ด้วยความตกใจ เพราะทันใดนั้นเอง ก็มีร่างดำสูงใหญ่เดินตรงเข้ามาในห้องโถงและตรงมาทางที่เขายืนอยู่ มันเป็นเรือนร่างที่สูงใหญ่มากประมาณ 10 ฟุต เกือบจะชนเพดานห้องโถง ศีรษะที่มีแสงเรืองๆส่ายไหวอยู่ไปมา มีเสียงร้องด้วยความตกใจของแขกเหรื่อที่ชุมนุมกันอยู่ในความมืด แต่แล้วเสียงนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะปร่าๆกึ่งกล้ากึ่งกลัว อย่างไรก็ตาม ร่างนั้นก็ยังคงเดินตรงเข้ามาหาจอห์น ดวงตาคู่สีเขียวเรืองมองจ้องเขาอยู่
“คุณพระช่วย..!” โดนัลด์ ฮู๊ดร้องลั่น “นี่มันอะไรวะ?”
“วู๊ซ์..”เสียงร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วทั้งห้องที่ผู้คนกำลังอยู่ในอาการตระหนก แม้ทุกคนจะพอรู้อยู่ว่า มันมีเรื่องตลกเกิดขึ้นแต่ก็ยังหัวเราะไม่ออกอยู่นั่นเอง
“จอห์น คอนสเตเบิล..” เสียงของซาตานเอ่ยเรียกชื่อเขาขึ้นช้าๆ เป็นเสียงยานคางโหยหวนยิ่งนัก “จอห์น..คอน..สเต..เบิล..”
จอห์นพยายามจับตามองความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่รู้แน่ชัดอยู่ดีว่ามันควรจะเป็นอะไร รู้แต่ว่ามันจะต้องเป็นเรื่องล้อกันเล่น แต่กระนั้นมันก็ยังสร้างความอึดอัดกระวนกระวายให้เกิดขึ้นกับเขาอยู่ดี เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของร่างนั้นต้องการอะไรจากเขา
“จอห์น..คอนสเตเบิล..เราต้องการเจ้า..”ร่างนั้นเอ่ยออกมา
“จอห์น..” รอนเข้ามายืนอยู่ชิดตัวกอดแขนเขาไว้แน่นและจอห์นก็หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงแปร่งปร่าเหมือนเด็กที่กำลังรวบรวมความกล้า ต่อสู้กับสิ่งที่ตนไม่รู้จักอยู่
“จงตามเรามา” ร่างที่เหมือนปิศาจซาตานออกคำสั่งก่อนจะหันหลังเดินนำหน้าออกไป
