บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

“คุณนี่กล้าดีจังเลยนะ” เอริก้ายิ้มระรื่นอยู่กับจอห์น “เก่งแล้วก็กล้ามากอย่างที่ฉันไม่อยากเชื่อเลย”

จอห์นยิ้ม รู้สึกภูมิใจอยู่บ้างที่ได้รับคำชมกึ่งยกยอ แต่ไม่ใช่เพราะท่าทางยั่วยวนกวนเสน่ห์ของเอริก้าแน่ แม้ว่าหล่อนจะนอนร่วมเตียงอยู่เสมอมาจนเกิดความเบื่อหน่าย แต่น่าจะเป็นเพราะการที่หล่อนเข้าใจที่เขากล้าจะพูดคุยกับหล่อนอย่างเปิดเผยต่อสายตาคนอื่นเช่นนี้ เอริก้าไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าบางครั้งหล่อนจะทำให้ใครๆคิดว่าหล่อนเป็นอย่างนั้นก็ตาม

เอริก้าเพิ่งเข้ามาทำงานกับเอเยนซี่แห่งเดียวกับจอห์นได้ประมาณเดือนกว่า เป็นคนมีฝีมือที่เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรได้อย่างรวดเร็ว หล่อนมีความปรารถนาอันสูงส่งเช่นเดียวกับจอห์น คืออยากเป็นศิลปินเต็มขั้น สามารถทำมาหากินจากฝีมือของตนเองและเฝ้าแต่ตั้งความหวังไว้ว่า สักวันหนึ่งความฝันจะเป็นจริง

ตอนที่จอห์นขอแต่งงานกับรอนนั้น เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เธอเป็นผู้หญิงที่พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์ศฤงคาร ออกจะเป็นเรื่องน่าแปลกอยู่ที่ว่า เขากลับมีความรู้สึกว่า เงินทองเหล่านั้น มันเป็นภาระอันยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน ถ้าเธอยากจนกว่านี้เขาจะไม่ลังเลใจเลยที่จะขอให้เธอกัดก้อนเกลือกินกับเขา หางานอะไรก็ได้ทำ เพียงเพื่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอด

แต่เมื่อรอนมีเงินมากมายออกอย่างนี้ เขามีความรู้สึกว่า มันเป็นความจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์ว่า เขาไม่ต้องการเป็นผู้ชายที่เกาะเมียกิน มันเป็นอะไรบางอย่างที่เขาทนไม่ได้

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงเข้าทำงานกับบริษัทโฆษณา แม้ว่าเงินเดือนที่ได้รับจะไม่มากนัก แต่จอห์นก็มีความรู้สึกอยู่ว่า นี่คือสิ่งที่เขาแสดงให้รอนเห็นว่าเขารักเธอจริง

แต่ชีวิตสมรสระหว่างเธอกับเขามันได้ผ่านเลยมาจนถึงจุดที่ต่างรู้ว่า ต่างผูกพันในกันและกันจนไม่อาจพรากจากกันได้อีก และมันถึงเวลาแล้วที่เขาจะตัดสินใจว่า ควรจะเริ่มต้นทำงานอย่างจริงจังเสียที

และค่ำวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อกลับมาถึงบ้าน จอห์นก็พูดกับรอนอย่างจริงจังว่า

“ผมจะลาออกจากงาน อยากลงมือทำงานที่ใจรักให้มันเป็นเรื่องเป็นราวเสียทีนะรอน”

“จริงหรือคะจอห์น?” รอนยอมรับว่าเธอพลอยตื่นเต้นยินดีไปกับเขาด้วย “ถ้าอย่างนั้นคุณก็เริ่มลงมือวางแผนได้แล้วละค่ะว่าจะทำอะไร”

รอนสนับสนุนให้กำลังใจเขาอย่างเต็มที่ ลงนั่งปรึกษาหารือและวางแผนสำหรับงานที่จะทำอยู่จนดึกดื่น พร้อมที่จะช่วยแต่งเติมความฝันของสามีให้กลายเป็นความจริงขึ้นมา รอนรู้ว่าเธอจะต้องมีความสุขมากกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

“นั่นหมายความว่าผมจะไม่มีรายได้ส่วนตัวอย่างน้อยก็ 5 ปีทีเดียวนะรอน” จอห์นพูดด้วยน้ำเสียงบอกความกังวล

“เงินน่ะเขามีไว้ให้ใช้นะคะจอห์น ถ้ามีแล้วไม่ใช้จะมีทำไม?” รอนกลับย้อนถาม

จอห์นรักรอนที่เธอเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะเข้าใจในทุกสิ่ง ไม่เคยสร้างเงื่อนไขให้เขาต้องหนักใจเลย และรอนเองก็รักจอห์น ที่เขาไม่รังเกียจกับการใช้เงินของเธอเมื่อถึงคราวจำเป็น ไม่ดื้อรั้นที่จะพิสูจน์ความรักที่เขามีต่อเธอด้วยการทำงานกับบริษัทโฆษณาได้เงินเดือนไม่พอยาไส้นั่นอีกต่อไป

ในระยะหลังๆ จอห์นเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาอยากจะไปให้พ้นเสียจากเมืองนี้ พ้นจากสังคมอันหรูหราที่ผู้คนในแวดวงคอยแต่จะใช้สายตาตัดสินในการกระทำของกันและกัน ไม่อยากเห็นหน้าค่าตาแม้แต่คนรู้จักที่เดินผ่านกันบนท้องถนนเสียด้วยซ้ำ

สิ่งที่เขาต้องการคือการใช้ชีวิตอิสระ ไม่ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ใดอีกต่อไป ไม่ต้องต่อสู้กับบรรยากาศกดดัน ไมต้องอยู่ในโลกธุรกิจที่มีแต่สวมหน้ากากเสแสร้งแกล้งทำดีต่อกัน เขาต้องการเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของชีวิต ต้องการแสดงออกทางพลังความคิด สติปัญญา อันจะเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ในการตัดสินใจครั้งนี้

ดังนั้น ตลอดฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนนั้น เขากับรอนจึงเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามเมืองในชนบท เพื่อจะหาสถานที่เหมาะสมที่จอห์นจะปักหลักทำงานที่ตั้งใจไว้ต่อไปได้

ในที่สุด สองสามีภรรยาก็เห็นพ้องต้องกันว่าแนนทัคเคท เป็นที่ๆเหมาะที่สุด เพราะมันแทบจะถูกตัดขาดออกจากแผ่นดินใหญ่โดยสิ้นเชิงก็ว่าได้ อยู่เลยไกลออกไปในมหาสมุทรประมาณ 30 ไมล์ และที่นั่นจอห์นกับรอนได้ตัดสินใจซื้อบ้านเก่าแก่หลังหนึ่ง และทั้งสองก็จะย้ายไปอยู่ที่นั่นอาทิตย์นี้แล้ว

ตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านไป ชีวิตสมรสที่โรยราลงบ้างกลับเข้มข้นรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิด เป็นคู่ชีวิตที่มีลมหายใจเดียวกันอย่างแท้จริง จอห์นพารอนไปตามสถานที่ต่างๆที่เคยไปมาแล้วเมื่อครั้งที่แรกรักกันใหม่ๆ เพื่อรื้อฟื้นความทรงจำแต่หนหลัง ขณะเดียวกันก็นับเวลาถอยหลังไปด้วย สำหรับการที่จะได้ไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่ซื้อไว้

เพราะฉะนั้น ต่อให้มีสาวน้อยอย่างเอริก้าอีกร้อยคน ก็ไม่มีวันที่จะสร้างความหวั่นไหวให้เกิดขึ้นกับรอนได้แม้แต่น้อย

“ฉันเองก็กำลังคิดอย่างคุณเหมือนกันนะคะจอห์น” เสียงเอริก้ากำลังพูดกับเขาอยู่ “ฉันกำลังคิดอยากจะลาออกจากงานเหมือนกัน อยากเป็นจิตรกรเต็มขั้นเสียทีและยิ่งมาเห็นคุณตัดสินใจแบบนี้ก็ยิ่งอยากจะลาออกเร็วขึ้น”

จอห์นมองเลยร่างเอริก้าไปยังรอนที่นั่งเอนอิงอย่างสบายอยู่กับพื้นห้องหันหลังให้กับเตาผิงและพบว่าเธอกำลังมองมาทางเขาอยู่ จึงส่งยิ้มไปให้และรอนก็ยิ้มตอบกลับมาอย่างเข้าใจ มันทำให้จอห์นต้องขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอที่ประทานความโชคดีให้เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงที่แสนดีเช่นเธอ

ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อน จอห์นอาจจะอ่านรอยยิ้มของรอนว่ากำลังเยาะหยันเขาอยู่ก็ได้ ตอนที่อยู่ร่วมกันใหม่ๆนั้น เขายอมรับว่ามันมีอะไรหลายอย่างในตัวรอนที่เขาไม่พอใจเลย โดยเฉพาะกับการที่เธออยู่ในโลกอย่างมีความสุข ไม่ดิ้นรนไม่อยากต่อสู้กับอะไรทั้งสิ้น

เขาไม่อยากให้เธอเป็นผู้หญิงที่แสนดีถึงขนาดนั้น อยากจะเห็นเธอแสดงความคิดเห็นเพื่อดิ้นรนต่อสู้ให้ชีวิตอยู่รอดบ้าง หรืออย่างน้อยก็ทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการมา แต่เธอช่างมีชีวิตที่สงบสุขเสียเหลือเกิน อยู่กับเงินและงานเย็บปักถักร้อยที่เธอรัก

รอนมีหัวศิลป์ในเรื่องนี้อย่างมากมาย เธอสามารถเขียนลายออกแบบปักลวดลายได้สวยสดงดงามลงบนผ้าที่จัดเตรียมไว้เป็นชุดอย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย ตั้งแต่ผ้าปูโต๊ะ ผ้าเช็ดปาก ผ้าคลุมเตียง ผ้าม่านและอื่นๆ นับแต่ลายดอกไม้ใบหญ้าไปจนขั้นที่ต้องใช้ศิลปะเพื่อการออกแบบ

แม้จะมีห้างร้านติดต่อเข้ามาเพื่อซื้องานฝีมือดังกล่าว แต่รอนก็ทำงานอย่างประณีตบรรจงใช้เวลานานมาก จนเกินกว่าที่จะยึดเป็นอาชีพได้ ยิ่งกว่านั้นเธอก็จะทำแต่เฉพาะงานที่อยากทำเท่านั้น จอห์นเคยแปลกใจเสมอเมื่อได้เห็นว่ารอนไม่ได้แคร์เลย ว่างานที่เธอทำขึ้นนั้นจะขายได้หรือไม่และไม่เคยสนใจกับการแสดงออกถึงความชื่นชมที่ผู้อื่นมีผลงานของเธอเลย

พ่อแม่ของรอนเสียชีวิตไปก่อนหน้าที่จอห์นจะได้พบและรู้จักเธอ แต่สิ่งที่เขาเรียนรู้ทั้งจากที่เธอเล่าและเท่าที่ประมวลได้จากเพื่อนฝูงของครอบครัวเธอนั้นก็คือ พ่อแม่ของรอนเป็นผู้ดีมีตระกูลสูงผู้มั่งคั่งด้วยธนสารสมบัติ ดังนั้นทัศนคติที่มองดูบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน จึงเป็นไปในลักษณะที่ขาดความสนใจ จะผูกพันอยู่ก็แต่เฉพาะบุคคลที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันเท่านั้น ซึ่งรอนได้รับสายเลือดนี้มาโดยตรง เธอจึงเป็นกุลสตรีที่มีความพอใจมีความสุขอยู่กับตนเองและจอห์นก็ไม่เคยสงสัยในความรักที่เธอมอบให้เขาแม้แต่น้อย

“จะยังไงก็ตามทีเถอะนะ” เขากล่าวกับเอริก้า “ผมอยากแนะนำคุณไว้สักหน่อยว่า ก่อนจะตัดสินใจลาออกจากงาน คุณควรคิดให้รอบคอบเสียก่อน เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะทำ มันเหมือนกับเราก้าวออกจากดาวเทียมออกไปสู่อวกาศนั่นแหละ ไม่มีอะไรที่เราจะยึดถือเป็นหลักได้” เขามองหน้าหญิงสาวอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพูดต่อว่า “และคุณก็ยังสาวหรือที่ถูกคุณก็ยังเด็กอยู่มาก ผมน่ะต้องใช้เวลาหลายปีทีเดียวตอนที่ฝึกเขียนรูป แต่ถึงแม้ว่าผมจะอยากเขียนรูปมากสักแค่ไหน ผมก็ยังมีงานอื่นที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลา มันไม่ได้ดังใจสักที แต่ตอนนี้ผมกำลังเคาะสนิมพวกนั้นออกหมดแล้ว ผมยอมรับนะว่าการไปครั้งนี้ ผมจะต้องคิดถึงบอสตันมาก คิดถึงงานที่เคยทำ คิดถึงบริษัท..”

“จริงหรือนี่ที่นายกำลังจะบอกว่า คิดถึงพวกเราทุกคน..น่าประทับใจเป็นบ้าเลย..” โดนัลด์ ฮู้ด ที่เดินเข้ามาข้างหลังยกแขนขึ้นพาดไหล่จอห์นไว้อย่างรักใคร่ เขาเป็นอาร์ติสท์ของบริษัทโฆษณาที่มีผลงานมากมาย ประการสำคัญก็คือเป็นคนนิสัยดี แม้บ่อยครั้งจะพ่นลมหายใจกรุ่นกลิ่นเหล้าใส่หน้าเพื่อนๆอยู่บ่อยครั้งก็ตาม

“อา..ผมคิดถึงคุณเป็นพิเศษอยู่แล้วละเพื่อน” จอห์นว่า สังเกตเห็นอยู่ว่าโดนัลด์ยืนไม่ตรงนักจึงพยุงไปทางห้องรับประทานอาหาร “ผมชักหิวแล้วสิ เราหาอะไรใส่ท้องกันก่อนดีกว่า” เขาหันไปยิ้มให้เอริก้าเป็นเชิงขออภัยที่ต้องแยกตัวออกมาเฉยๆอย่างนี้ ซึ่งหล่อนก็ยิ้มตอบอย่างเข้าใจ เพราะทุกคนในบริษัทล้วนรู้จักนิสัยของโดนัลด์ดีและรักเขากันทุกคน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel