ตอนที่ 6 เกินรับไหว[2]
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ตื่นนอนก็ล้างหน้าล้างตา ระหว่างรับอาหารเช้าหานว่านอี้เห็นชุยเทียนหนิงดูอ่อนเพลีย ขอบตาดำคล้ำทั้งที่ได้ย้ายไปนอนบนเตียงแล้วแต่เหตุใดจึงมีท่าทางเช่นนี้จึงเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“คุณชายชุย ท่านนอนไม่หลับหรือเจ้าคะ”
“แม่นางหาน เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าข้านอนไม่หลับเล่า” ชุยเทียนหนิงวางตะเกียบในมือลงแล้วเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“ข้าเห็นท่านดูอ่อนเพลียและขอบตาดำคล้ำ คลับคล้ายคนที่นอนหลับไม่สนิทจึงได้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเจ้าคะ”
“เพียงเกรงว่าจะหลับลึกและเผลอไปล่วงเกินแม่นางเข้าจึงทำให้ข้าเกร็งตัวทั้งคืนเท่านั้น แม่นางไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้านั้นยังแข็งแรงดี” ชุยเทียนหนิงเอ่ยตอบเสียงเรียบ ไร้ซึ่งอารมณ์ ท่าทางเรียบนิ่ง ทั้งที่ข้างในนั้นกำลังเต้นเร่าจนยากจะข่มกลั้น แต่ด้วยเป็นอาจารย์มานานจะมาตกม้าตายในตอนนี้ก็ใช่ที่ แต่คงไม่รู้ว่าใบหูของตนเองนั้นแดงลามไปถึงลำคอแล้ว
“อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง เช่นนั้นท่านก็กินให้เยอะ ๆ ผัดเนื้อสามสหายนี่อร่อยมากเจ้าค่ะ”
หานว่านอี้ร้องรับในลำคอก่อนจะคีบชิ้นเนื้อลงไปวางไว้บนถ้วยข้าวของอาจารย์หนุ่มแล้วอมยิ้มด้วยความเอ็นดูกับคำตอบของชายหนุ่มตรงหน้า
แท้จริงแล้วเขาเพียงแค่เขินอายเท่านั้น ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก
หานว่านอี้และชุยเทียนหนิงหลังจากที่เสร็จสิ้นมื้อเช้าก็เดินทางต่อไปยังเมืองผาซาน ซึ่งซุนเล่อแจ้งว่าวันนี้ไม่เกินค่ำก็ถึงเมืองผาซานแล้ว ทำให้หานว่านอี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากในความทรงจำของร่างนี้ เมืองผาซานเป็นเมืองที่นางอาศัยกับบิดาและมารดาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หลังจากบิดาเสียชีวิตก็ย้ายไปอยู่กับตระกูลไต้ตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบปี นางยังจำภาพช่วงชีวิตวัยเด็กที่นี่ได้ไม่ลืมเลือน
“แม่นางหาน ท่านคิดจะทำอย่างไรเมื่อไปถึงเมืองผาซานแล้ว” ชุยเทียนหนิงเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถม้า เป็นการเดินทางที่ไม่เร่งรีบเพราะต้องคอยระวังครรภ์ของหานว่านอี้ด้วย
“ข้าจะกลับไปอยู่บ้านเดิมเจ้าค่ะ ข้าจะไปเริ่มต้นใหม่ที่นั่น”
“เช่นนั้นข้าจะไปส่งแม่นางที่บ้านของเจ้าก่อน แล้วจึงเดินทางไปยังสำนักฝูเถา” ชุยเทียนหนิงเอ่ยสรุปความให้ฟัง
“ขอบคุณอีกครั้งนะเจ้าคะ ที่ช่วยเหลือข้ามาตลอดการเดินทาง”
