บท
ตั้งค่า

หก

ทำหน้าที่ฮูหยินท่านแม่ทัพที่ดี

“กฎที่ฮูหยินรองหูจะใช้ลงโทษข้าคือข้อไหนกันหรือ ก่อนข้าจะรับโทษก็จำเป็นต้องรู้ก่อนมิใช่หรือไร”

น่าแปลกใจที่จื่อเหยาไม่อาละวาดเสียงดังอย่างคนไม่ยินยอมไม่พอ ทั้งยังมีท่าทีสุขุมและเอ่ยคำถามเสียงราบเรียบได้อีก กริยาเกินคาดนี้ช่างทำให้อีกคนที่แทบหายใจไม่ทันอยากจัดการท่าทียโสนี้ให้หายไปเสียตอนนี้

“แน่นอนว่าต้องเป็นกฎข้อที่ว่า สะใภ้ที่แต่งเข้ามาไม่ว่ายศฐานะสูงปานใดต้องควรเคารพพ่อและแม่สามี! บ่าวที่อยู่ตรงนี้เป็นพยานได้ว่าเจ้าแสดงท่าทีอย่างไรต่อข้า เจ้าจะกลับคำตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว!”

จื่อเหยายิ้มรับนิ่ง พร้อมพยักหน้ายอมรับในเรื่องมีพยาน ทว่าใครบอกกันว่านางจะกลับคำเล่า คนอย่างจื่อเหยาที่ในชาติที่สองนางถีบตัวจากขอทานสุดต่ำตมจนได้เป็นผู้ช่วยคนสนิทท่านแม่ทัพหาได้เคยพูดจากลับกลอกไม่

นางไม่กลับคำหรอก แต่เพียงจะเล่นคำเท่านั้น...

“เป็นกฎที่ดียิ่ง ตรงตามธรรมเนียมแคว้นเราที่ให้ความสำคัญเรื่องลำดับในเครือญาติมากกว่ายศถาบรรดาศักดิ์ ขนาดฉีเหวินเจี๋ยที่เป็นทั้งแม่ทัพใหญ่และประมุขจวนฉี หากเดินเจอบิดาและมารดาของเขายังต้องหยุดยืนเคารพ และคอยให้ผู้ใหญ่ไปก่อน เหตุใดข้าจะไม่ยึดถือตามกฎนี้เล่า...”

“เจ้ายอมรับแล้วสินะว่าเจ้าผิดจริง เช่นนั้นข้าจะยอมลดโทษโบยให้น้อยลงกึ่งหนึ่งจากโบยร้อยไม้ เป็นโบยห้าสิบไม้ก็แล้วกัน...”

จื่อเหยารีบยกมือโบกบอกปฏิเสธพัลวัน “ไม่ต้องเลย ไม่ต้อง กฎย่อมต้องเป็นกฎ ผู้ที่ทำผิดต้องรับโทษเต็มสิบส่วน”

เวลานี้เป็นเวลาเดียวกับที่อาชิง บ่าวที่ทำหน้าที่ไปนำไม้โบยวิ่งมาพร้อมกับบ่าวบุรุษร่างกำยำหนึ่งคน มีไม้โบยขนาดใหญ่ในมือ

“ฮูหยินรอง มาแล้วเจ้าค่ะ”

“ดะ...” จวนชิ่งอ้าปากพูดยังไม่ทันได้หนึ่งคำ ก็ถูกจื่อเหยาที่เสียงดังกว่าแทรกทันที

“ดีเลย ตามกฎที่ฮูหยินรองบอกมา นางต้องรับโทษโบยจำนวนหนึ่งร้อยครั้งตามกฎ โดยมีพยานเป็นทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ว่าท่านแสดงท่าทีไม่เคารพต่อข้า!”

“นี่เจ้าพูดอันใดกัน! เจ้าต่างหากที่ต้องรับโทษเหตุใดเป็นข้าได้ เจ้าคือสะใภ้ที่แต่งเจ้าจวนฉี ไม่เคารพข้าที่มีศักดิ์เป็นแม่รองของท่านแม่ทัพฉี ทุกคนในที่นี้เป็นพยานได้!”

ไม่เพียงจวนชิ่งเท่านั้นที่งง ทุกคนในที่นี้งงไม่ต่างกัน ท่าทีและความมั่นใจของจื่อเหยาทำให้นางดูไม่ใช่คนทำผิดกฎไปแล้ว

“ฮูหยินรองพูดอีกก็ถูกอีก เจ้ามีศักดิ์เป็นแม่รอง มิใช่แม่ตามสายเลือดของฉีเหวินเจี๋ยเสียหน่อย ข้าที่เป็นถึงท่านหญิงอีกทั้งแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินเอกของเหวินเจี๋ย ยังต้องคำนับเมียรองของอดีตท่านประมุขอีกหรือ มีกฎข้อนี้ในตระกูลฉีด้วยหรือไร โปรดกางหนังสือนั่นมาให้ข้าดูบัดเดี๋ยวนี้ด้วย!”

ทุกคนเหมือนถูกใครเอาน้ำสาดหน้าทันใด ที่แท้ความมั่นใจบนใบหน้าของจื่อเหยาก็มาจากการที่นางมั่นใจว่าตนถูกจริงๆนั่นเอง ซึ่งก็พูดไม่ผิดเสียด้วย คราวนี้คนที่ควรถูกโบยกลายเป็นจวนชิ่งเสียแล้ว

เมียรองที่ไม่ต่างจากเมียน้อยของอดีตท่านประมุขย่อมมีศักดิ์น้อยกว่าสะใภ้ที่แต่งมาเป็นเอกและสามีที่เป็นประมุขจวนขณะนี้อยู่แล้ว จวนชิ่งหาได้เคยคำนับและแสดงท่าทีเคารพจื่อเหยาสักครั้งไม่ดังว่า

“ระเรื่องนั้น อย่างไรข้าก็เลี้ยงดูฉีเหวินเจี๋ยมาแต่เยาว์วัย ย่อมมิศักดิ์ไม่ต่างจากมารดาแท้ๆอยู่แล้ว เจ้าอย่าได้บิดเบือนความจริงนะ! อาชิงให้คนไปจับนางรับโทษโบยเดี๋ยวนี้”

จวนชิ่งต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้จบ อย่างไรที่ตรงนี้ก็มีแต่คนของนาง ส่วนบ่าวของฉีเหวินเจี๋ยก็ไม่น่าเข้าข้างฮูหยินที่เจ้านายพวกเขาไม่เคยไยดีอยู่แล้ว เพียงนางใช้เรื่องที่ตนได้เปรียบจัดการจื่อเหยาตอนนี้ให้จบไป ได้ทั้งแก้แค้นและปิดปากเรื่องที่นางทำพลาดในวันนี้

“เจ้าค่ะ! พวกเจ้ารออันใดอยู่ ไปช่วยกันจับฮูหยินเร็ว!”

จื่อเหยายืนนิ่งอยู่ที่เดิม นางหันมองบ่าวรอบกายที่มีท่าทีลังเลแต่เพียงได้รับการกระตุ้นเล็กน้อยก็วิ่งรีบเข้าหาทำตามสั่ง ดูท่านางจะวัดความหน้าหนาของคนตระกูลฉีน้อยไปเสียแล้ว...

เอาเถอะ เป็นพวกเขาเองนะที่เริ่มใช้กำลังก่อน หากนางใช้กำลังกลับไปบ้างก็อย่าหาว่ารังแกกันแล้วกัน

บ่าวสตรีตัวใหญ่ที่อยู่ใกล้จื่อเหยาที่สุดเดินสาวเท้ามาเพื่อจับแขนนางคนแรก แล้วก็ถูกฝ่ามืออรหันต์ของจื่อเหยาส่งกลับไปทันที ล้มลงบนพื้นร้องโอดโอยน่ารำคาญหูยิ่งนัก แต่คนทำอย่างจื่อเหยากลับมองแล้วเผยสีหน้าเสียดายและผิดหวัง เพราะหากเป็นร่างกายในชาติสองที่นางฝึกวรยุทธิ์มาบ้างแล้วคนที่ถูกหลังฝ่ามือตบบริเวณนี้ต้องมีเลือดกำเดาไหลแล้ว ไม่ใช่แค่มีรอยแดงรูปเจ้าของฝ่ามือค้างอยู่เพียงเท่านี้หรอก

ส่วนบ่าวคนอื่นที่เข้ามาอย่างระมัดระวังก็ไม่วายได้ชิมลูกเตะสาวน้อยหรือไม่ก็หมัดจิ้งโจ้จากจื่อเหยาไปกันพอหอมปากหอมคอ พอที่จะไม่มีใครกล้าเข้ามาหาจื่อเหยาแล้วในตอนนี้

จื่อเหยาก้มลงหยิบไม้โบยที่หนักพอตัวขึ้นมา สายตามองคนต้นเรื่องพร้อมสาวเท้าเข้าใกล้

“นะนี่เจ้า จะทำอันใดขะข้าน่ะ ข้าจะฟ้องแม่ทัพฉีนะ อยะอย่าเข้ามาใกล้ข้า!”

หว่านอิ๋งที่ช่วยประคองนั้นก็มีสีหน้าเกรงกลัวจื่อเหยาที่ก้าวเท้าเข้าหาไม่ต่างกัน น้ำเสียงที่เปล่งออกมาฟังแล้วดูชัดขึ้นกว่าเดิมที่มักจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน

“พี่สะใภ้เจ้าคะ อะเอ่อ ให้อภัยแม่รองด้วยเถอะนะเจ้าคะ นางไม่ทันคิดปะ ไป ท่านอย่าได้ถือสาเลยเจ้าค่ะ”

จื่อเหยายังคงก้าวเดินพร้อมลากไม่โบยตามหลังมา ใครที่ใกล้ก็พร้อมใจกันถอยห่าง ส่วนสองสตรีเจ้านายจวนตระกูลฉีก็ถอยหลังพร้อมเพรียงไปเรื่อยๆอย่างไม่นัดหมาย คนนอกมองมาคงขบขันน่าดูที่คนในจวนฉีเล่นวิ่งไล่จับกันอย่างกับเด็ก

“ฮูหยิน ท่านอย่าได้เปลืองแรงเลยขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะจัดการลงโทษให้อย่างที่เหมาะสมเองขอรับ!”

คนเอ่ยห้ามคราวนี้ คือพ่อบ้านกวงที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา คนไปตามก็คืออาอิง บ่าวคนสนิทของหว่านอิ๋งนั่นเอง

พ่อบ้านกวงนั้นแม้นเป็นบ่าวแต่ก็ได้รับการไว้วางใจจากฉีเหวินเจี๋ยและทุกคนในตระกูลว่ามีสิทธิดูแลจวนสูงที่สุดรองจากประมุขตระกูล เขาคือผู้ช่วยเก่าของมารดาเหวินเจี๋ย สิ่งใดที่พ่อบ้านกวงตัดสินจึงมักถูกคิดไปโดยปริยายว่ามาจากระบบความคิดเดียวกับมารดาของเหวินเจี๋ยที่ตายไปแล้ว

จื่อเหยาอาจสามารถกำราบจวนชิ่งได้ แต่กับพ่อบ้านกวงคนนี้อำนาจอย่างนางดูไม่รู้เลย...

ตามจริงสิ่งที่นางทำไปวันนี้ก็คงพอให้จวนชิ่งไม่กล้าหาเรื่องนางอย่างโจ่งแจ้งแล้ว หากทำมากกว่านี้ก็อาจจะมากเกินไปกลัวคนสงสัยตัวตนของนางได้

“เช่นนั้นความผิดของจวนชิ่งในวันนี้ฝากพ่อบ้านกวงตัดสินอย่างเป็นธรรมด้วย ที่ผ่านมาคนในจวนฉีอาจไม่ยินดีต้อนรับข้า แต่อย่างไรข้าก็คือสะใภ้ที่แต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง เป็นฮูหยินเอกของประมุขจวนไม่ผิดแน่ ควรจัดการควรเคารพเช่นไรก็อย่าได้มีผิดพลาดอีก!”

ก่อนเดินออกมา จื่อเหยาไม่ลืมทิ้งสายตาคาดหวังแกมกดดันให้พ่อบ้านกวงไว้ นางหวังว่าเขาจะจัดการจวนชิ่งให้นางอย่างไม่ดูลำเอียงจนไม่ไว้หน้านางล่ะนะ

ตอนกลับมาเรือนตนเองก็เจออาเหมยคอยอยู่ก่อนแล้ว บ่าวตัวน้อยไม่รู้เรื่องที่เจ้านายของตนเกือบถูกคนโบยจึงไม่มีสีหน้ากังวลใจอันใด ด้วยจื่อเหยาพอเดาอยู่แล้วว่าฉีเหวินเจี๋ยอาจไม่อยู่เรือนนอน นางไปเพื่อให้มั่นใจเท่านั้น การไปที่นั่นก็อาจจะเจอกับใครนางก็คิดไว้บ้าง จึงตั้งใจเลี่ยงให้อาเหมยไปสืบความจากที่อื่นในจวนแทน

หากเป็นบ่าวอย่างอาเหมยไปจุดจบคงไม่สง่างามเช่นนี้หรอก

“บ่าวไปถามความจากสารถีหลายคนเลยเจ้าค่ะ ต่างบอกว่าท่านแม่ทัพไม่กลับจวนเลยตั้งแต่เมื่อวานที่ขี่ม้าออกไปอย่างเร่งร้อน คาดว่าที่ค่ายทหารน่าจะมีเรื่องเจ้าค่ะ”

อาเหมยจัดการจุดไฟตะเกียงรอบห้องหลังจากเอ่ยรายงานเสร็จสิ้น นางปล่อยให้เจ้านายของตนนั่งคิดคนเดียวเงียบๆ พอจัดการรอบห้องเสร็จก็กลับมานั่งรอรับคำสั่งที่พื้นต่อ เวลาผ่านไปราวสองเค่อ จื่อเหยาจึงคิดแผนการต่อมาของตนเองเสร็จ

“พรุ่งนี้ฝากอาเหมยเตรียมกับข้าวหนึ่งสำรับให้ด้วย ข้าจะไปค่ายทหารทำหน้าที่ฮูหยินท่านแม่ทัพที่ดีเสียหน่อย”

เช้าวันต่อมา...

จื่อเหยาออกจากจวนตระกูลฉีด้วยรถม้าจวนคันที่มีป้ายสกุลติดไว้ นางต้องการให้คนทั่วไปและคนที่ค่ายทหารรู้ว่าคนในรถม้ามีสถานะไหนและกำลังไปที่ใด เพื่อให้อย่างน้อยหัวข้อยามเอ่ยถึงหลี่จื่อเหยาก็กลายเป็นนึกถึงว่าคือสตรีของแม่ทัพฉีแทนที่จะเป็นสตรีที่เข้าลัทธิมาร

ตามจริงกำหนดการวันนี้คลาดเคลื่อนจากที่วางแผนไว้เล็กน้อย จากที่คิดว่าจะนำกับข้าวไปให้ฉีเหวินเจี๋ยในตอนเช้าแต่เพราะของมากมายจากพ่อบ้านกวงที่ส่งมาเมื่อเช้าทำให้ต้องอยู่จัดการและเปลี่ยนมาค่ายพร้อมเตรียมมื้อกลางวันแทน

นางพอรู้ว่าเหตุใดพ่อบ้านกวงถึงส่งของมากมายทั้งชุดตัดใหม่ ข้าวของเครื่องใช้เนื้อดีราคาแพง เครื่องประดับ และบ่าวหลายคนมาให้นางในวันต่อมา นี่ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวนางหรือกำลังประจบนางหรอกนะ แต่มันคือการตั้งใจติดสินบนเพื่อปกปิดความลำเอียงของตนเองต่างหาก

จื่อเหยาสามารถพูดได้โดยไม่ต้องให้คนไปสืบเลยล่ะว่าบทลงโทษของจวนชิ่งคงแทบไม่โดนอะไร ขนาดนางที่เป็นถึงฮูหยินท่านประมุขที่เตือนสติเขาไปทีหนึ่งก่อนจากมาแล้วก็ยังแสดงท่าทีเช่นนี้ในวันต่อมา แปลว่าพ่อบ้านกวงผู้นี้เลือกฝั่งเสียแล้ว

จากที่คิดว่าบางทีพ่อบ้านกวงอาจเป็นคนกลางพอเจรจาด้วยเหตุผลได้ ตอนนี้หากจื่อเหยาอยากได้อำนาจฮูหยินใหญ่อย่างที่ควรจะเป็นก็มีแต่ต้องดึงขั้วอำนาจทั้งสองลงมาเท่านั้น

“ฮูหยินเจ้าคะ เราจะยืนรอเช่นนี้ไปอีกนานเท่าไรหรือเจ้าคะ?” เสียงของอาเหมยดังขึ้นเรียกจื่อเหยาให้กลับสู่ความจริงทันใด

ตอนนี้พวกนางมาถึงค่ายทหารแล้ว รถม้าเข้าค่ายมาได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพราะป้ายประจำรถม้า แต่เข้ามาแล้วก็เท่านั้นเอง ทหารยามเฝ้าค่ายปล่อยรถม้าพวกนางเข้ามาแล้วก็จากไปประจำหน้าที่ดังเดิมไร้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ

จื่อเหยามองเม็ดเหงื่อที่ผุดออกตามกรอบหน้าของบ่าวตัวน้อยแล้วก็รู้สึกสงสารปนเอ็นดู แม้นจะร้อนเพียงใดอาเหมยก็ใส่ใจเจ้านายเอาแต่พัดให้นางอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“ไม่ต้องรอใครมารับแล้วล่ะ พวกเขาก็มีงานของพวกเขาเราอย่าได้ไปรบกวนเลย เจ้าตามข้ามาเถอะ”

คราวที่จื่อเหยาคนเดิมมาหาฉีเหวินเจี๋ยที่ค่ายทหารแล้วไม่ได้พบเป็นเพราะเขารู้ว่าฮูหยินที่ตนชังมาหา ครานี้หากเขาไม่รู้ล่ะก็ พอทำงานเสร็จกลับไปที่กระโจมพักอย่างไม่รู้เรื่องราวนางย่อมได้พบเขาเป็นแน่ คิดได้เช่นนั้นก็นำอาเหมยเดินอย่างชำนาญทางไปทางกระโจมพักของแม่ทัพใหญ่ประจำค่ายทันที

“หากไม่ใช่เพราะฮูหยินความจำดีเยี่ยมป่านนี้เราคงต้องเดินหลงท่ามกลางอากาศร้อนเช่นนี้ไปอีกนานเลยนะเจ้าคะ”

แน่นอนว่าเป็นเพราะนางเคยอาศัยที่ค่ายทหารนี้นับปีน่ะสิจึงพาอาเหมยเดินมุ่งมาถึงกระโจมพักของหัวหน้าค่ายถูกเช่นนี้ พอมาถึงเป้าหมายก็พบนายทหารที่ทำหน้าที่เฝ้ากระโจมขวางทางก่อนเข้าไปข้างใน

“ข้านัดกับท่านแม่ทัพไว้ เขาให้ข้ามารอที่กระโจมพัก”

นัดอันใดกัน จื่อเหยาพูดปดไปทั้งนั้นแหละ นางรู้ว่าหากบอกว่ามารอเขาที่กระโจมย่อมไม่ได้เข้าไปแน่ เพื่อให้ได้พบนางก็ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมสักหน่อย

เมื่อเห็นว่านายทหารเฝ้าหน้ากระโจมมีสีหน้าฉงนอาเหมยก็เอ่ยสำทับไปด้วยน้ำเสียงเยินยอ “นี่คือฮูหยินของท่านแม่ทัพเชียวนะเจ้ากล้าขัดขวางหรือ?!”

สีหน้านายทหารเปลี่ยนเป็นหยักยิ้มเยาะฉับพลัน “อ้อ หากเป็นเช่นนั้นข้ายิ่งให้ท่านเข้าไปข้างในไม่ได้เลยขอรับ เชิญท่านกลับไปก่อนเถอะขอรับ”

จื่อเหยารู้สึกเสียใจที่ตนไม่ได้สั่งให้อาเหมยหุบปากก่อนหน้า นางตอนที่ยังเป็นผู้ช่วยของฉีเหวินเจียรู้ดีว่าเขาสั่งให้คนในค่ายเฝ้าระวังไม่ให้หลี่จื่อเหยาใช้อำนาจฮูหยินในค่ายนี้ได้ นายทหารในค่ายรู้กันถ้วนทั่วว่านางคือฮูหยินที่เขาอยากหลีกเลี่ยงเป็นที่สุด

ตอนนี้สิ่งที่จื่อเหยาทำได้ก็คือเดินออกมาพาอาเหมยหลบออกจากคลองสายตาของนายทหารผู้นั้น นางพาอาเหมยไปหลบแดดที่กระโจมว่างกระโจมหนึ่งไม่ไกลจากกระโจมของแม่ทัพมากนัก

“เจ้ายืนรออยู่นี่ก่อนพยายามหลบอย่าให้ใครเห็นนะ เดี๋ยวข้ากลับมา”

นางจะลองไปยังที่ที่เขามักอยู่ในช่วงกลางวันและเข้าพบเขาเสียเลย ไม่คิดเพียงรอคอยโอกาสหรอก ตอนนี้เข้าช่วงสายฉีเหวินเจียต้องกำลังฝึกทหารที่ลานฝึกเป็นแน่ คิดได้ดังนั้นสตรีชุดขาวเรียบสบายตาก็ออกเดินหลบไปตามกระโจมเพื่อไม่ให้เป็นที่ดึงดูดสายตาทหารในค่ายจนคาบข่าวไปบอกเหวินเจี๋ยให้รู้ตัว ทว่าพอมาถึงลานฝึกกลับพบว่าวันนี้ผู้ฝึกกลับเป็นรองแม่ทัพเหลียงเสียได้ มองไปโดยรอบก็ไม่เห็นฉีเหวินเจี๋ยเฝ้าอยู่อย่างเคย

หากไม่ใช่ช่วงที่ต้องเร่งวางแผนรับศึกเหวินเจี๋ยจะต้องเป็นผู้คุมการฝึกเสมอเหตุใดวันนี้เขาไม่อยู่กันนะ...

ในเมื่อไม่อยู่ที่ลานฝึกก็ต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในค่ายนี้ ในเมื่อนางไม่มีงานใดให้ทำเวลาที่เหลือเหตุใดนางจะตามหาเขาในค่ายทหารที่ตนชำนาญทางไม่เจอ!

ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น! จื่อเหยาเชื่อเช่นนี้เสมอ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel