ฮูหยินคนดังแห่งจวนแม่ทัพฉี

154.0K · จบแล้ว
มายุมายูมายา
47
บท
19.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เกริ่น เขาคือหัวหน้าที่นางเคารพมากที่สุดในชาติที่แล้ว แต่ชาตินี้เขาคือผู้ที่ทำหน้าที่สามีได้แย่ที่สุด! อดีตสายลับเช่นนางจึงต้องหาหนทางหย่าเพื่อไปใช้ชีวิตอย่างที่ชาติอื่นไม่มีโอกาสใช้ให้ได้! ....................... นางเกิดมาแล้วสองชาติ และชาติที่สามนี้คือชาติสุดท้ายที่สวรรค์จะให้โอกาสนาง! จากสายลับ ทะลุมิติมายุคจีนโบราณเข้าร่างเด็กน้อย นางถีบตัวขึ้นเป็นคนสนิทของท่านแม่ทัพนามฉีเหวินเจี๋ยได้ ไฉนต้องตายและไปเกิดใหม่ในร่างฮูหยินที่เจ้านายเก่าของนางชังกันเล่า! นอกจากเอาชีวิตรอดให้ได้แล้ว นางยังต้องสืบหาคนร้ายที่ฆ่านางในชาติที่สอง และสาเหตุการตายของเจ้าของร่างนี้อีกด้วย ท่านแม่ทัพจะชังเช่นไรล้วนไม่ใช่เรื่องของนาง… แต่เหตุใดเขาถึงกลายเป็นพยายามเข้าหานางได้กันเล่า! สามี! ท่านชังน้ำหน้าฮูหยินของท่านมิใช่หรือ???

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณนิยายสืบสวนสอบสวนแม่ทัพสายลับนางเอกเก่งข้ามมิติจีนโบราณโรแมนติกนิยายย้อนยุค

บทนำ

กลิ่นเน่าเหม็นลอยเข้าสู่โพรงจมูกทันทีเมื่อร่างไร้ลมหายใจกลับมามีชีวิตและสูดอากาศเข้าร่างกายอีกครา ข้างหูแว่วเสียงตะโกนจากอีกฝั่งของประตูห้องแต่ไม่สามารถฟังออกได้ว่าพูดอันใด คนพูดเหมือนอยู่ไม่ไกลแต่เสียงได้ยินไม่ต่างจากคนกำลังตะโกนบอกคนฟังที่ภูเขาอีกลูกหนึ่ง เสียงแวดล้อมตอนนี้เป็นเสียงวิ้งเต็มหูบ้างก็เป็นเสียงคนพร่ำบ่นไม่เป็นภาษา ดวงตาหนักอึ้งขยับไปมาลูกกระตากลิ้งกวาดจนกระทั่งฝืนลืมตื่นได้ ภาพตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนจากภาพชวนปวดหัว เริ่มชัดขึ้นพร้อมสติและประสาทสัมผัสนึกคิดกลับมาครบถ้วนในที่สุด

หวางฉินหลิง สตรีจากยุคที่ปัญญาประดิษฐ์(AI)กำลังถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อมาแทนที่อาชีพบางอย่าง และส่งเสริมการทำงานบางอย่าง จนทำให้สตรีที่เกิดในเจนวายแล้วเปลี่ยนแปลงตนเองเร็วไม่ทันเอไอ ในสาขาอาชีพที่สุดแสนอันตรายอย่างอาชีพสายลับอิสระไม่สังกัดองค์กรใด บทลงโทษของผู้ทำพลาดในสายอาชีพนี้ก็คือความตายเท่านั้น นางถูกเปิดเผยตัวตนเพราะความสามารถของเจ้าเอไอนี่ล่ะ จนกระทั่งถูกฆ่าปิดปากตาย

ทว่าสวรรค์เหมือนต้องการเยาะเย้ยนางหรืออย่างไรไม่รู้ส่งวิญญาณสายลับผู้นี้มาเกิดใหม่ในยุคจีนโบราณ สมัยที่เมืองจีนยังไม่รวมเป็นแผ่นดินเดียวกัน ส่งนางมาเกิดใหม่พร้อมความทรงจำเดิมและชะตากรรมสุดแทนรันทดไม่ต่างจากชาติที่แล้ว นางเกิดเป็นเด็กกำพร้าหนึ่งในผู้ประสบภัยจากภัยศึกระหว่างแคว้น ต้องหาทางเอาตัวรอดเองจนกระทั่งผลักตัวเข้าไปสู่กองทัพแห่งหนึ่งได้ในวัยสิบห้า นางใช้ความสามารและทักษะสายลับที่มีพิสูจน์ตนเองจนขึ้นเป็นคนสนิทของท่านแม่ทัพฉีผู้รับหน้าที่ป้องกันข้าศึกที่ชายแดนทิศอุดรของแคว้นจ้าว

ในขณะที่ชีวิตกำลังดำเนินไปด้วยดี ชะตากรรมโหดร้ายก็ครอบงำอีกครา นางถูกคนในค่ายอันน่าจะเป็นสายลัยของศัตรูชั่ววางยาลักพาตัวไปเค้นความลับ แต่นางไม่ยอมปริปากก็ถูกฆ่าตายเป็นคราที่สอง จากที่คิดว่าตนคงหมดบุญไม่น่าได้เกิดใหม่อีกแล้วไฉนตอนนี้วิญญาณหวางฉินหลิงถึงมาอยู่ในร่างสตรีอ่อนแรงผู้นี้ได้กัน!

ร่างกายของหวางฉินหลินไม่บอบบางและไร้กล้ามเนื้อเช่นนี้ และก็ไม่เคยคิดจะสวมชุดสีแดงสดพร้อมเครื่องประดับแสนหนักอึ้งทั่วกายเช่นนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อสติกลับมาก็รีบสอดส่ายมองหาคันฉ่องหรือสิ่งที่ทำให้ตนเห็นใบหน้าได้เร็วที่สุด

ใบหน้างดงามสูงส่งเช่นนี้ หากจำไม่ผิด หวางฉินหลิงกำลังอยู่ในร่างของฮูหยินท่านแม่ทัพฉี เจ้านายที่นางเป็นผู้ช่วยคนสนิทให้อยู่นั่นเอง!!!

ฮูหยินที่ท่านแม่ทัพไม่สนใจ

ฮูหยินท่านแม่ทัพพ่วงด้วยตำแหน่งท่านหญิงจากการเป็นพระญาติของฝ่าบาท นาม ท่านหญิงจื่อเหยา

หวางฉินหลิงไม่เห็นใบหน้านี้มานานสิบวันแล้วแต่จำได้ชัดเจนในสมองยิ่ง เพราะก่อนหน้าสตรีผู้นี้แหละคือเจ้าของความวุ่นวายในค่ายทหาร นางคือต้นเหตุให้หวางฉินหลิงมีหน้าที่เพิ่มเติมนอกจากงานในกองทัพ

ก่อนต้องเดาเรื่องราวไปมากกว่านี้ ร่างที่ยืนมั่นคงได้ไม่กี่ชั่วอึดใจก็ต้องเซล้มเพราะเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นก้องหูทั้งสองเสียแล้ว...

...ร่างนี้ยังไม่หมดอายุขัย แต่วิญญาณได้ทำผิดมหันต์

เจ้าวิญญาณที่น่าเวทนาเช่นเจ้า จงรับมันไปก็แล้วกัน ชีวิตนี้ โอกาสคราวนี้ข้ามอบให้เจ้าเป็นคราสุดท้ายแล้ว จงใช้มันให้ดี...

ไม่ผิดแน่ชาติที่สามและชาติสุดท้ายของหวางฉินหลิงผู้นี้กลายมาอยู่ในร่างของฮูหยินเจ้านายที่เคารพรักนามว่า หลี่จื่อเหยา อีกทั้งสถานการณ์ในตอนนี้ก็ดูไม่ธรรมดาเสียด้วย

สภาพข้าวของเครื่องใช้ในห้องปิดทึบแทบไร้แสงที่ หลี่จื่อเหยาคนเดิมอยู่ดูเหมือนถูกจัดไว้สำหรับทำพิธีกรรมบางอย่าง คราบเลือดสัตว์สีแดงที่ถูกวาดไว้เป็นลายอักษรประหลาดบนพื้น ตรงหน้า ผนังด้านหนึ่งมีกระดาษสีเหลืองซีดหลายแผ่นเขียนตัวอักษรไล่ยาวคำที่นางอ่านออกแต่ไม่เข้าใจความหมายแปะอยู่บนผนังอย่างกระจัดกระจาย บนพื้นมีถ้วยชามใส่ซากหนูตายแล้ว ชิ้นส่วนของรากสมุนไพรหลายชนิดและถ้วยเปล่าที่มีเหลือน้ำสีดำติดก้นเล็กน้อยไว้ พอหยิบขึ้นมาดมก็พบว่ากลิ่นนี้ช่างเหมือนกับกลิ่นของของเหลวที่ตกค้างอยู่ในปากของตนตอนนี้ไม่ผิดแน่

ไม่รู้จื่อเหยาคนเดิมทำผิดอันใดจนวิญญาณแตกสลายตายไป หากไม่คิดเชื่อมโยงในสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างเรื่องราวลี้ลับ

ของเหลวที่ค้างอยู่ในปากตอนนี้ก็ดูเป็นปัจจัยที่ต้องใส่ใจไม่หยอก ไม่แน่อาจเป็นต้นตอที่ทำให้จื่อเหยาคนเดิมตายก็เป็นได้

...โถ่เอ้ย ท่านพระเจ้าบนสวรรค์จะมอบโอกาสมีชีวิตในร่างนี้ไฉนไม่มอบความทรงจำของเจ้าของร่างมาด้วยกันเล่า!

นิ่งคิดได้ไม่นานก็ต้องละความสนใจไปยังที่มาของเสียงข้างนอกเสียก่อน เรือนนี้ดูท่าเป็นของจื่อเหยาเพียงผู้เดียวอย่างที่นางได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพฉีแยกอยู่และไม่ยุ่งเกี่ยวกับฮูหยิน แต่ไฉนถึงได้มีแขกเป็นโขยงที่ฟังจากเสียงฝีเท้าและเสียงพูดแล้วมีไม่ต่ำกว่าสี่คนได้กัน!

หากพวกเขาเข้ามาเห็นนางในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นสาบสัตว์ตาย และห้องมีกระดาษเขียนอักษรประหลาดนี้ ฉินหลิงในร่างจื่อเหยาคงมีชีวิตต่อไปอย่างคนปกติอย่างยากลำบากยิ่งกว่าเดิมแน่

ไม่ว่าฮูหยินจากตระกูลหลี่ผู้นี้ตั้งใจจะทำพิธีกรรมอันใดตอนนี้ต้องทำลายหลักฐานทุกอย่างทิ้งก่อน

อีกด้านหนึ่งของจวนตระกูลฉี

“ท่านแม่ทัพเชิญทางนี้เลยเจ้าค่ะ บ่าวเอ่ยเรียกฮูหยิน อย่างไรนางก็ไม่เปิดออกมารับมื้อเช้าอย่างเช่นทุกที ไม่รู้ว่าจะเป็นอันใดไปหรือไม่ บ่าวได้ยินเสียงคนล้มลงพื้นและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดแต่ฮูหยินขัดกลอนประตูไว้เจ้าค่ะ”

ในขณะที่บ่าวอันมีหน้าที่ประจำในการส่งของไปที่เรือนเดินอยู่ปากก็ไม่พูดพูดเลย นางนำเหล่าเจ้านายของจวนมายังเรือนข้างของจวนอันไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาอย่างชำนาญทาง

“มิใช่ว่านางไม่ต้องการพบใครอยู่แล้วหรือ ถึงลงกลอนประตูเช่นนั้น แปลกอย่างไร นางเป็นถึงท่านหญิงย่อมต้องการพื้นที่ส่วนตัวแยกจากเราคนธรรมดาอยู่แล้ว เจ้ามิได้ทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่เสียเวลาเปล่าหรอกนะ”

สตรีในชุดแดงลวดลายงดงามประณีตสุดในสตรีที่ร่วมขบวนตอนนี้ นางคือฮูหยินรองของอดีตท่านประมุข มีนามว่าจวนชิ่ง แม้นไม่ใช่แม่แท้ๆของประมุขคนปัจจุบันอย่างแม่ทัพฉี หรือ

ฉีเหวินเจี๋ย ทว่าความเป็นอยู่ของนางก็เหมาะสมด้วยเพราะเป็นน้องสาวของมารดาแท้จริง ฮูหยินเอกของอดีต มารดาของฉีเหวินเจี๋ยจากไปแล้ว นางย่อมเลี้ยงดูบุตรชายของพี่สาวอย่างดีไม่แพ้บุตรของตน

“บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าเอ่อ จะ...” สีหน้าหวาดกลัวของบ่าวเจ้าของเรื่องใหญ่โตพอเดาได้ว่าคำพูดต่อไปอาจสื่อในทางไม่ดีอย่างแน่นอน

“เจ้าอย่าได้เดามั่วเลย แม่รองเจ้าคะ ลูกว่าอย่างไรท่านพี่เหวินเจี๋ยก็ไม่มีเรื่องด่วนอันใด เขาย่อมต้องมาจัดการเรื่องของสตรีของเขา...”

ขบวนเดินทางของเหล่าเจ้านายจวนฉีหยุดลงทันใดเพราะประมุขจวนหยุดเดินนั่นเอง สายตาดุดันเต็มเปี่ยมด้วยความไม่พอใจของเหวินเจี๋ยมองฉีหวานอิ๋งผู้มีสถานะเป็นน้องสาวของเขาทันที

“สตรีนางนั้นมิใช่คนของข้า เก็บปากเจ้าไว้คุยเรื่องอื่นเถอะ”

แม้ยามปกติเหวินเจี๋ยจะไม่ถนอมสตรีอยู่แล้วแต่เมื่อเขาไม่พอใจ หรือมีคนไปสะกิดใจเรื่องที่เขาต้องแต่งฮูหยินเข้ามาอย่างไม่เต็มใจ ความดุดันที่เขาใช้ฝึกทหารก็จะมาแทนที่ไม่เว้นแม้กระทั่งคนในครอบครัวเช่นตอนนี้

“ข้าขออภัยเจ้าค่ะ ข้าจะไม่พูดเช่นนี้อีก”

บทสนทนาจบลงและพวกเขาก็เดินมาถึงเรือนนอนเป้าหมาย อันเป็นที่อยู่ของฮูหยินเอกหนึ่งเดียวของบุรุษในขบวนนี้

“ฮูหยินเจ้าคะ! ท่านอยู่ข้างในหรือไม่เจ้าคะ?”

“...” เวลาผ่านไปราวสองก้านธูปอีกฝั่งหนึ่งของประตูก็ไม่ตอบกลับมา พอบ่าวผู้นำทางยกมือผลักประตูกั้นก็เป็นอย่างว่า มันถูกลงกลอนจากข้างใน

“หลบไป! เสียเวลาข้าจริง!!!”

ในเมื่อเปิดดีดีไม่ได้มิสู้พังเข้าไปเลยจะได้จบเรื่องนี้เสียที

แอ๊ด...

ประตูห้องที่ทุกคนอออยู่เปิดอ้าออกก่อนที่ฝ่าเท้าของท่านแม่ทัพหนุ่มจะยันลงไป กลิ่นธูปหอมลอยคละคลุ้งพร้อมควันสีขาวโพยพุ่งออกมาราวน้ำหลากไหลลงมาจากเทือกเขา ควันและกลิ่นมากจนทำให้เหล่าคนที่รอข้างหน้าประตูต่างสำลักไม่เว้นแม้กระทั่งแม่ทัพฉีเหวินเจี๋ย

“ควันพวกนี้มาจากข้างใน ...หรือว่าจะเกิดไฟไหม้ขึ้นกันเจ้าคะ?!”

บ่าวผู้นำทางตะโกนเสียงตระหนกตกใจ เสียงดังนี้พาลให้แม่รองหรือหูจวนชิ่งสะดุ้งตาเบิกโพลงและเกือบตะโกนเรียกบ่าวมาช่วยกันดับไฟไปแล้วหากไม่ถูกห้ามด้วยเสียงดุดันเสียก่อน

“พวกไร้หัวคิดเช่นนี้เหตุใดถึงยังอยู่ในจวนข้ากัน ควันนี้เป็นกลิ่นธูปต่างหากเล่า!”

สิ้นเสียงตวาด เหวินเจี๋ยก็ก้าวเดินเข้าหากลุ่มควันอย่างไม่เกรงกลัว ภาพในห้องที่ถูกปิดเบลอด้วยควันค่อยๆชัดเจนขึ้นจนพบจุดกำเนิดกลุ่มควันและสตรีนางหนึ่งนั่งก้มหน้าหันหลังให้ประตูอยู่ ในมือสองข้างกอบกุมกลุ่มธูปที่จุดอยู่ยกไว้เหนือหัว ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้ยินเสียงบ่นพึมพำไม่เป็นภาษา

เอาอีกแล้วอย่างไร บ่าวเจ้าประจำวิ่งมาข้างๆเหวินเจี๋ยจนได้เห็นและได้ยินสิ่งเดียวกันก็ร้องตะโกนอีกครา

“ที่แท้ก็เป็นอย่างที่คิด ฮูหยินใหญ่ท่านบ้าไปแล้ว!!!”

“อี้เหมย เหตุใดเจ้าพูดเช่นนั้น เจ้าอยากถูกกฎตระกูลลงโทษหรืออย่างไร!?”

ฉีหว่านอิ๋งเอ่ยดุเสียงแข็งแต่ก็ไม่น่ากลัวแต่อย่างใด สตรีใบหน้าหวานนิสัยเรียบร้อยเช่นนางยามโมโหออกจะน่าเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งความใจดีกับบ่าวไพร่ของผู้เป็นน้องสาวนั้นต่างจากความไร้ใจของผู้เป็นพี่ชายมากจึงทำให้อี้เหมย บ่าวปากไวยอมเอามือปิดปากส่งสายตาขออภัยและถอยออกไปทันใด

“อิ๋งเอ๋อร์เจ้าอย่าได้เอ็ดนางไปเลย ต้องโทษท่านหญิงผู้สูงส่งนั่นล่ะทำตัวเองจนบ่าวเข้าใจเช่นนั้นไป ไม่ทำหน้าที่ฮูหยินที่ดีไม่พอยังมัวแต่แบ่งชนชั้น หมกตัวทำพิธีกรรมอันใดไม่รู้จนบ่าวในจวนไม่กล้าเข้ามายุ่งเช่นนี้ ดูเอาเถอะพวกเราเข้ามาจนตอนนี้แล้วนางยังทำพิธีอันใดไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ อาเจี๋ยเจ้าจัดการฮูหยินของเจ้าเองเถอะ”

เหวินเจี๋ยนิ่งมองสตรีในชุดสีแดงสดที่หันหลังนิ่งมาสักพักแล้ว ในแววตาของเขามองเหมือนว่าสตรีที่สร้างเรื่องตรงหน้าคือคนแปลกหน้าไม่เกี่ยวกับตน

“ข้ามีเรื่องในค่ายอีกมากให้ต้องจัดการ เรื่องในจวนนี้ใครมีหน้าที่ก็รับผิดชอบไปก็แล้วกัน...”

ไม่ว่าจะคำพูดที่แสดงออกว่าไม่สนใจและน้ำเสียงแสนจะเย็นชาทำให้สตรีในชุดแดงแต่วิญญาณคนใหม่ตัดสินใจว่าควรดำเนินเรื่องอย่างไรต่อได้แล้ว

จื่อเหยาเงยหน้าขึ้นจากการทำเป็นหลับตาตั้งใจท่องคาถามั่วซั่วหันมองคนที่อยู่ด้านหลังอย่างคนเพิ่งรู้ว่าตนไม่ได้อยู่คนเดียว

“อ้าว ข้ามิทราบว่ามีแขกมาเยือน พอดีข้ากำลังสวดส่งให้เหล่าสัตว์น้อยพวกนี้ได้ไปเกิดภพภูมิที่ดีอยู่เลย ขออภัยที่ไม่สนใจพวกเจ้าที่มาใหม่ด้วย”

หากถือเอาตามคำพูดของจื่อเหยาก็พอเห็นความเป็นไปได้อีกแบบหนึ่งเช่นเดียวกัน ไหนจะซากสัตว์ที่ถูกเตรียมกองรวมไว้ตรงหน้า เศษเถ้าสีดำอันน่าจะมาจากการเผากระดาษ และธูปในมือที่ติดจะมากเกินไปหน่อย หากนางใช้ข้ออ้างที่เป็นไปได้อย่างน้อยก็น่าจะพอกลบความคิดที่คนมองมาเห็นของพวกนี้แล้วนึกว่านางทำพิธีกรรมอย่างที่มีข่าวลือออกไป จนแม้นแต่ตอนนางเป็นหวางฉินหลิงในชาติที่แล้วยังได้ยินข่าวนี้

เพื่อชีวิตสุดท้ายที่เลือกไม่ได้ แต่อย่างน้อยเส้นทางเดินนับจากนี้นางยังสามารถเลือกได้อยู่ นางต้องทำลายข่าวลือเรื่องฮูหยินท่านแม่ทัพบ้าให้ได้จะดีที่สุด

“เหอะ ท่านหญิงช่างสร้างสรรค์เสียจริง ท่านจะบอกว่าการกระทำแปลกประหลาดพวกนี้ ท่านทำเพื่อสัตว์เช่นนั้นหรือ ใครเขาจะเชื่อเล่า”

จวนชิ่งมองคนที่ตนเรียกว่าท่านหญิงด้วยสายตาไม่พอใจอย่างไม่คิดปิดบัง แม้นจะถูกฉีหว่านอิ๋งดึงแขนห้ามปรามบ้างแล้วก็ตาม

“หากไม่ใช่แล้วฮูหยินรองหูคิดว่าอย่างไร คิดว่าฮูหยินของท่านแม่ทัพฉีเช่นข้าทำพิธีกรรมชั่วร้ายอย่างนั้นหรือ เอ หรือว่าข่าวลือข้างนอกที่บอกไปว่าข้าหมกมุ่นไสยดำจะมาจาก...”

“อย่าได้ใส่ร้ายข้านะ ท่านหญิงผู้สูงส่งจะทำอันใดก็เรื่องของท่านเถอะ ไปกันอิ๋งเอ๋อร์เราอย่าได้อยู่ในที่ไม่รื่นรมย์เช่นนี้นานเลย”

เจ้านายสองนางเดินห่างออกไปแล้ว จื่อเหยาคนใหม่มองตามจนสุดทายตา

อย่างน้อยที่นางแก้สถานการณ์เปลี่ยนจากกำลังทำพิธีกรรมกลายมาเป็นสวดภาวนาให้สัตว์ก็ช่วยไล่พวกคนสอดรู้และลดความน่าสงสัยลงบ้างนั่นล่ะ ตอนนี้ปัญหาคือบุรุษหน้าขรึมที่ยืนมองมาที่ตนอย่างท่านแม่ทัพฉีตรงหน้าต่างหาก

“...” เจ้านายเก่าผู้นี้ไม่เพียงดุดันตอนทำงาน ตอนมองสตรีของตนก็โหดเช่นนี้เลยหรือนี่ จื่อเหยารับสายตาทิ่มแทงนี้มาแล้วรู้สึกว่ามันจะทำให้ไม่สบายกายและใจมากกว่าตอนสมัยที่นางทำเรื่องนอกเหนือคำสั่งของเขาในชาติที่แล้วเสียอีก

“อะเอ่อ...”

ยังไม่ทันสรรหาคำพูดเอ่ยออกไป บุรุษหน้านิ่งก็หมุนกายเดินจากไปไกลเสียแล้ว

อา ชีวิตใหม่นี้ไม่ง่ายเลย

เหตุใดโอกาสสุดท้ายจากฟากฟ้าถึงต้องกำหนดให้นางมาเกิดใหม่ในร่างฮูหยินที่เจ้านายเดิมของตนเกลียดชังด้วยกัน!