บท
ตั้งค่า

สี่

งิ้วฉากใหญ่

“อ๊าก อึก”

บริวารตัวเล็กของเจ้าอาวาสที่ยืนอยู่รอบนอกอยู่ดีดีก็กรีดร้องและมีท่าทีเจ็บปวด เขาบิดตัวไปมานานหลายชั่วก้านธูปจนกระทั่งกลับมายืนนิ่งในทันใดนั้น

“พวกเจ้าทุกคนต้องตาย ต้องตายเท่านั้น”

บริวารผู้นั้นจ้องเขม็งมองมาทางกลุ่มคนจนกระทั่งสายตาจ้องไปที่จื่อเหยาโดยเฉพาะ

“บ่าวนั่นเป็นอันใดไป”

แม่รองหรือจวนชิ่งตะโกนถามออกไป เบื้องหน้ามีบ่าวส่วนตัวสองคนยืนตัวสั่นพอกันขวางอยู่

คนถูกถามอย่างเจ้าอาวาสทำท่าทางใช้ของในมือยกขึ้นทาบไปทางบริวารผีเข้าผู้นั้นสักครู่จึงเอ่ยตอบ

“เขาถูกวิญญาณร้ายสิงแล้ว คงเป็นเจ้าของไอชั่วร้ายที่ปกคลุมนั่นแหละ ไม่ต้องกังวลไปเดี๋ยวข้าจัดการให้เอง”

จื่อเหยาจ้องมองท่าทางของคนถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง นางเดาว่านี่คงเป็นแผนสองของพวกนักต้มตุ๋น พอเรื่องที่จะใส่ร้ายนางไม่สำเร็จก็หันมาเล่นใหญ่ขึ้น แสร้งว่ามีผีเข้าไปเลย

“อ้าก พวกมันต้องตาย พวกมันต้องตาย”

พูดพลางชี้มาทางที่จื่อเหยาอยู่อีกรอบ และทำท่าจะเดินเข้ามาหานางในทันใด หากไม่ติดว่าถูกน้ำปลุกเสกของเจ้าอาวาสสาดใส่จนร้องโหยหวนเสียก่อน แต่ถึงกระนั้นบริวารที่ถูกผีสิงก็ยังต้านความเจ็บเดินตรงมายังจื่อเหยา จนกลุ่มบ่าวใช้แตกฮือหนีออกจากนางไป ยกเว้นอาเหมยที่ยิ่งเดินขึ้นหน้ามาขวางไว้

“ฮูหยินหลบไปก่อนเจ้าค่ะ วิญญาณร้ายนี้จะทำร้ายท่านเอา” อาเหมยตัวเท่านั้นจะไปสู้แรงบุรุษได้อย่างไรกัน จื่อเหยาว่านางยังตัวสูงกว่าอีกควรต้องเป็นผู้ปกป้องสิถึงจะถูก

“พี่สะใภ้ ท่านหลบมาทางนี้ก่อนเจ้าค่ะ”

จื่อเหยาถูกคนพูดรั้งไปข้างหลังอย่างไม่ทันระวังตัว ทำให้บริวารผีสิงผู้นั้นมุ่งโจมตีนางได้ง่ายขึ้นไปอีก แต่มีหรือที่จื่อเหยาจะยอมให้ใครทำอันใดตนง่ายๆ นางเห็นว่าวิญญาณร้ายพุ่งเข้ามาก็ยกขาขึ้นยันไปเต็มๆกลางอกจนคนถูกถีบหงายหลังไปทันใด

นางเข้าใจกายวิภาคมนุษย์ดี ด้วยความที่ร่างกายจื่อเหยานี้ผอมบางแรงย่อมน้อย หากนางยันที่ช่วงท้องแรงเท่านี้ก็ทำไห้เพียงเขาจุกเล็กน้อยไม่ทำให้คนถูกถีบกระเด็นได้ แต่หากเลื่อนถีบให้สูงขึ้นหน่อย เลือกจุดที่ไม่ใช่จุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย แม้ต้องยกเท้าสูงแต่ท่าถีบนี้จะทำให้แรงเพียงน้อยนิดส่งผลต่อคนร่างสูงใหญ่มากกว่า ทำให้เขาล้มหงายหลังได้อย่างเช่นตอนนี้

“อ้ะ ข้าตกใจจนขาลั่นน่ะ เจ้าวิญญาณร้ายนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง”

คนที่มองมาอ้าปากค้างไปแล้ว คำว่าน่ากลัวเพิ่งออกมาจากปากคนที่เพิ่งล้มร่างสิงของวิญญาณร้าย คนถูบไม่ควรพูดว่าน่ากลัวมิใช่หรือ?

เจ้าอาวาสวัยกลางคนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มือก็ยกขึ้นลูบหน้าอกตนเองทำราวกับว่าตนคือคนที่ถูกถีบกลางอกเมื่อครู่เช่นนั้นแหละ

“ท่านเจ้าอาวาส ข้าจ้างท่านให้มากำจัดไออัปมงคลนะเหตุใดยืนนิ่งช่วยอันใดไม่ได้เช่นนั้น!”

จวนชิ่งตวาดเสียงดัง สีหน้านางหวาดหวั่นยิ่งกว่าใคร รวมถึงคำพูดเมื่อครู่นั้นทำให้จื่อเหยาตระหนกไปชั่วครู่ ความน่าจะเป็นใหม่เข้ามาให้จื่อเหยาพิจารณาแล้ว

ท่าทางหวาดกลัวของจวนชิ่งตอนนี้ไม่ดูเหมือนกำลังเสแสร้งแต่อย่างใด เหมือนคนหวาดกลัวจริงๆ เช่นนั้นแล้วนักต้มตุ๋นทั้งสามก็หลอกจวนชิ่งมาอีกทีหรือ นางคิดว่าจวนชิ่งจ้างคนมาเพื่อทำลายชื่อเสียงนางให้มากกว่าเดิมเสียอีก...

“นั่นสิ ท่านเจ้าอาวาสเจ้าคะ ท่านจะทำอันใดก็รีบทำเถิดอย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย”

ฉีหว่านอิ๋งที่พยุงจวนชิ่งเอ่ยสำทับ ความกดดันจากคนสองคนนี้ทำให้เจ้าอาวาสหันไปพยักหน้ากับบริวารทั้งสองลับๆ แล้วคนที่กำลังจุกอยู่ที่พื้นก็ชักดิ้นชักงออีกครา คราวนี้มันลูกขึ้นอย่างองอาจไล่สายตามองทุกคนอย่างอาฆาตแค้น แล้วมาหยุดที่จื่อเหยาเป็นคนสุดท้าย

“เจ้าเป็นสตรีของบุรุษโหดเหี้ยมผู้นั้น ข้าต้องฆ่าให้ตาย!!!”

น่าแปลกที่คราวนี้บริวารผีสิงผู้นั้นพุ่งตัวไปทางอื่นแทนที่จะพุ่งมาหาจื่อเหยา กลุ่มคนในจวนฉีแม้กลัวแต่ก็วิ่งตามอย่างไม่รู้ตัวพร้อมเกาะกลุ่มกันไป จื่อเหยาเร่งฝีเท้าเดินตามไปเรื่อยๆจนในหัวนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาทำให้เกิดความรู้สึกหวาดผวาทันที

“สั่งให้องครักษ์กั้นไม่ให้ใครออกไปนอกจวนได้เดี๋ยวนี้!”

ปลายทางที่บริวารผีสิงวิ่งไปคือหน้าจวนไม่ผิดแน่ ที่น่าสงสัยคือเหตุใดอยากจัดการจื่อเหยาแล้วต้องทำเรื่องอย่างกับต้องการสิ่งอื่นด้วยกัน ขอให้สิ่งที่นางคาดเดาผิดคาดไปเถอะนะ

แม้นว่าจื่อเหยาจะสั่งให้คนกั้นไม่ให้ใครออกไปแล้วแต่ด้วยความที่ไม่มีใครเชื่อนางจึงเกิดเหตุการณ์เช่นตอนนี้ได้!

ที่หน้าจวนตระกูลฉีจากที่เคยเงียบสงบ ตอนนี้มีชาวบ้านเรือนเคียงมากมายมาออล้อมไว้หมด เพราะเสียงร้องตะโกนหลายประโยคของบริวารเจ้าวาสผีสิงผู้นั้น

“แม่ทัพฉีมันต้องตาย ทำอะไรไว้อย่าคิดว่าคนไม่รู้ ข้ากลับมาสิงร่างเพื่อชำระแค้นให้พี่น้องทหารทุกคนแล้ว ฮ่า ฮ่า คนผู้นั้นมันอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ...”

จื่อเหยาที่ตามออกมานิ่งไปชั่วครู่ เพราะเรื่องราวเริ่มใหญ่โตขึ้นจนไม่น่าใช่เพียงต้องการโจมตีนางเท่านั้น คำพูดของบริวารผีสิงเปลี่ยนจากพูดว่าจะฆ่านางกลายเป็นการแฉท่านแม่ทัพฉีทางอ้อมเสียแล้ว เรื่องที่พูดออกมาชาวบ้านที่มาออเพื่อดูความเป็นไปอาจมีใจโน้มเอียงเชื่อสิ่งที่พวกมันต้องการแน่

จื่อเหยาจะเรียกใช้เหล่าองครักษ์จวนทีก็ไม่เห็นมีใครสนใจฟังคำสั่งของนาง นี่เป็นคราแรกของการย้อนมาในร่างท่านหญิงจื่อเหยาเลยกระมังที่รู้สึกว่าอำนาจของฮูหยินท่านแม่ทัพสำคัญยิ่ง การที่นางไม่มีอำนาจอันใดก็เหมือนปลาบนบกที่ใกล้ตายเท่านั้น

เจ้าอาวาสวัยกลางเข้าร่วมการแสดงงิ้วอีกครา เขาโหมโลงเรื่องราวว่าบริวารหนุ่มที่พูดเรื่องราวเหล่านี้อยู่คือวิญญาณอาฆาตที่อยู่ในจวนตระกูลฉี ยิ่งเขาทำทีไล่ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดมากขึ้นไปอีก ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะส่งผลเสียต่อเจ้านายเก่าอย่างแม่ทัพฉีชื่อ เสียงที่สะสมมา การเสียสละตนทุ่มเทในการปกป้องชาวเมืองทิศอุดรไว้ก็สามารถสลายได้ในพริบตา

ในเมื่อนางใช้อำนาจคุมคนตระกูลฉีไม่ได้ก็ได้แต่ต้องลงแรงด้วยตัวเอง...

ในขณะที่กำลังจะออกตัวไปจัดการ ก็ถูกหว่านอิ๋งวิ่งออกไปเบื้องหน้าก่อน นางออกคำสั่งเรียกองครักษ์จวนให้ออกไปจับตัวบริวารผู้นั้นทันที แต่คนที่แสร้งถูกผีสิงก็แรงเยอะเกินจนทำให้เบื้องหน้าวุ่นวาย อีกทั้งจื่อเหยาก็คิดว่าวิธีจับตัวคนก่อเรื่องเข้าไปเลย หาใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีไม่

หากใช้กำลังจัดการคนข้างในจวนก่อนออกมาสร้างเรื่องนั้นควรทำแต่พอเกิดเรื่องเช่นนี้แล้วจะเป็นการยิ่งส่งเสริมความเข้าใจผิดเสียมากกว่า นางคิดว่าควรจัดการแก้ความสงสัยของชาวบ้านที่ตอนนี้น่าจะลังเลใจไปแล้วเสียก่อน

“หว่านอิ๋ง! อย่าเพิ่งให้คนของเราใช้ความรุนแรงกับบริวารที่มีวิญญาณร้ายเข้าสิงผู้นั้นเลย ข้าว่าเราให้บ่าวไปนำน้ำปลุกเสกในเรือนข้ามาจัดการเจ้าวิญญาณร้ายที่สิงอยู่ดีกว่า อย่างไรตรงนี้ท่านเจ้าอาวาสก็คุมมันอยู่ส่วนเราก็ช่วยอีกแรงแล้วกัน”

จื่อเหยาเอ่ยเสียงดัง อย่างน้อยเจ้าอาวาสต้องได้ยิน แน่นอนว่าเขาก็คงชอบเช่นกันที่มีเวลาได้แสดงงิ้วเพิ่มขึ้นตามที่ได้รับว่าจ้างมา

“พี่สะใภ้มีน้ำปลุกเสกหรือเจ้าคะ?”

หว่านอิ๋งเอ่ยถามอย่างฉงน จื่อเหยาพยักหน้าให้และหันไปเอ่ยกับบ่าวหนึ่งเดียวของตน

“อาเหมยเจ้านำองค์รักษ์สักคนไปหยิบน้ำปลุกเสกของข้ามา...” จากนั้นก็ก้มลงใกล้หูของอาเหมยเพื่อพูดสิ่งที่ได้ยินกันสองคนเท่านั้น “เข้าห้องแสร้งไปหยิบขวดอันใดมาก็ได้แต่สำคัญคือไปต้มน้ำเดือดมาหนึ่งหม้อแล้วรีบนำมาให้ข้าที่นี่”

บ่าวตัวน้อยยิ้มรับคำและรีบวิ่งจากไปเพื่อทำตามคำสั่ง ใช้เวลาราวหนึ่งเค่อก็มีหม้อน้ำต้มเดือดมาอยู่ในมือของอาเหมยที่ยืนข้างๆจื่อเหยาแล้ว

“นั่นท่านจะทำอันใดน่ะ นะนั่นมันน้ำต้มสุกนะ!!!”

เสียงตะโกนของหว่านอิ๋งช่วยจื่อเหยาได้ดีเชียว เพราะตอนนี้ทั้งเจ้าอาวาสและบริวารสองคนที่กำลังเล่นสมบทบาทหันมาสนใจทางพวกนางเจ้าของจวนมากกว่าสร้างเรื่องหลอกลวงให้ชาวบ้านเชื่อแล้ว

“หาใช่น้ำต้มสุกแต่เป็นฤทธิ์ของน้ำปลุกเสกของข้าต่างหาก ข้าจะออกแรงช่วยท่านเจ้าอาวาสไล่วิญญาณตนนั้นออกจากบุรุษผู้นั้นเอง อ้อ ท่านเจ้าอาวาสหลีกหน่อยเจ้าค่ะ น้ำปลุกเสกนี้หากเป็นคนถูกไปจะร้อนลวกและแสบจนแทบขอชีวิต แต่หากถูกคนที่วิญญาณเข้าสิงแล้วมันจะหนีไปและไม่เป็นภัยต่อร่างคนที่มันสิงสู่เจ้าค่ะ”

สีหน้าจริงจังของจื่อเหยาทำให้ตัวละครทั้งสามหน้าซีดไปตามๆกัน บริวารที่ทำทีพูดพร่ำเรื่องราวเลวร้ายของแม่ทัพฉีก็ยังสงบปากสงบคำทันใด

จื่อเหยาบอกแล้วว่านางเป็นผู้ช่วยของนักต้มตุ๋นเก่า ทักษะการปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อให้เชื่อมโยงกับสิ่งที่เป็นอยู่เพื่อโน้มน้าวใจคนให้เชื่อตามที่พูดนั้น จื่อเหยาผู้นี้ถนัดยิ่งนัก

...เทคนิคการจัดการเหล่านักต้มตุ๋นที่กุเรื่องราวมาเพื่อทำลายชื่อเสียงแม่ทัพฉีนั้น จื่อเหยาก็จะใช้เรื่องราวโกหกอีกทีเพื่อจัดการเช่นกัน เค้าเรียกกลยุทธิ์ ใช้พิษต้านพิษ นั่นล่ะ

“เดี๋ยวๆ ข้าขอจัดการไล่วิญญาณร้ายด้วยวิชาขั้นสุดท้ายก่อน รับรองว่ามันต้องรีบออกไปแน่”

จื่อเหยาฟังคำเอ่ยห้ามของเจ้าอาวาสปลอมแต่นางก็สาวเท้าเข้ามาร่างสิงของวิญญาณไม่หยุด ท่าทางคุกคามไม่หยุดยั้งของจื่อเหยาทำเอาบริวารหนุ่มที่แสร้งวิญญาณเข้าวิ่งหนีหลบจนลืมท่าทางไร้สติอย่างที่ควรจะเป็นตอนแสดงว่าตนมีวิญญาณสิงทันใด สีหน้าตื่นตกใจกลัวว่าตนเองจะถูกน้ำร้อนราดแสดงออกมาเป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าทุกคน

“น้ำปลุกเสกนี่ได้ผลดียิ่งกว่าวิชาของท่านเจ้าอาวาสที่แม่รองหามาอีกนะเจ้าคะ ดูสิเพียงข้าเอาไปใกล้ร่างที่วิญญาณร้ายสิงอยู่ก็มีท่าทางคล้ายคนมีสติขึ้นมาทันใดแล้ว ทำราวกับว่ากลัวน้ำปลุกเสกนี้เสียอย่างนั้น ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!”

ไม่ทันขาดคำ บริวารที่แสร้งมีวิญญาณร้ายสิงก็กระตุกทั้งกายอย่างหนักครู่หนึ่งแล้วล้มหมดสติลงบนพื้นไป ฟื้นมาอีกทีก็ทำทีเป็นจำอันใดไม่ได้เป็นการบอกว่าวิญญาณออกจากกายเสียแล้ว

“โอ วิญญาณออกไปเสียแล้ว ดียิ่งนัก”

เจ้าอาวาสเดินเข้ามาทางเหล่าเจ้านายในจวนฉีอีกรอบ ก่อนเอ่ยต่อมา “วันนี้เราได้ไล่ไอวิญญาณร้ายที่จวนท่านแม่ทัพฉีได้แล้วก็คงต้องขอตัวก่อน...”

การอยู่ตรงนี้นานไปเสี่ยงเรื่องต้มตุ๋นของตนจะถูกเปิดโปงได้ เจ้าอาวาสปลอมจึงคิดว่าตนควรรีบจากไปเดี๋ยวนี้ ทว่ามีหรือจื่อเหยาจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ

“ในเมื่อเกิดเหตุการณ์มากมายเกี่ยวกับไอวิญญาณร้าย ข้าว่าอย่างน้อยก็ต้องรบกวนให้ท่านเจ้าอาวาสแถลงไขหน่อยเถอะว่าวิญญาณร้ายผู้นั้นคือใคร ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดมันถึงได้พูดถึงสามีของข้าราวกับโกรธแค้นมากมายเพียงนั้น พวกเราเหล่าชาวบ้านที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงหากไม่รู้ที่มาของวิญญาณร้ายเกิดอยู่ดีดีมันไปสิงที่จวนอื่นเผื่อจะได้ช่วยแก้ไขได้ น่าจะดีกว่ากระมัง”

จากที่ตอนแรกชาวบ้านมาเพื่ออยากรู้อยากเห็นเท่านั้นแต่พอฟังจากจื่อเหยาพูดมาจึงต้องการรู้เพราะมันชักเริ่มเกี่ยวกับตนเองแล้วนั่นล่ะ

“เรื่องนั้นไว้ข้าจะไปศึกษาเพิ่มก่อนแล้วจะแจ้งพวกท่านมาอีกรอบก็แล้วกัน เรื่องนี้ซับซ้อนเกินกว่าจะสรุปได้ในเร็ววัน”

เมื่อไล่ต้อนอย่างไรเจ้าอาวาสปลอมก็ทำทีจะจากไปเสียให้ได้ ก็ต้องเป็นนางเองแล้วที่แถลงไขล้างมลทินให้แม่ทัพฉี

“เจ้าอาวาสพูดกำกวมเช่นนี้ทำให้ข้าคิดไปว่าวิญญาณร้ายที่ท่านบอกนั้นไม่รู้ว่าจะมีจริงไม่กันแน่! เมื่อครู่เพียงน้ำร้อนธรรมดาหาใช่น้ำปลุกเสกอย่างที่ข้าเอ่ยก็สามารถไล่ผีสางออกจากการสิงร่างคนได้แล้ว นอกจากท่าทางบ้าบอเมื่อครู่พวกเจ้ามีสิ่งใดมาพิสูจน์หรือไม่ว่าพวกเจ้าคือเจ้าอาวาสและวิญญาณที่พูดให้ร้ายท่านแม่ทัพมีจริง!”

นางไม่ทราบที่มาว่าแม่รองไปหาเจ้าอาวาสพวกนี้จากที่ใด แต่นางมั่นใจว่าพวกมันคือนักต้มตุ๋นฝีมือปานกลางเท่านั้น การกระทำทั้งหมดตบตาได้เพียงแต่คนที่กำลังอยู่ในภวังค์ของความสับสนและหวาดกลัว เพียงจื่อเหยาแถลงไขแจ้งความจริงคนที่มีหัวคิดไม่หลงงมงายย่อมกระจ่างถึงความจริงในใจได้อย่างง่ายดาย

“ข้าเป็นถึงเจ้าอาวาสเหตุใดต้องแถลงไขด้วย นะนี่มันหยามเกียรติเกินไปแล้ว ข้าไม่ยอมให้ถูกดูถูกไปมากกว่านี้แน่ หากจวนพวกเจ้ามีผีร้ายสิงอีกก็อย่ามาเรียกข้าก็แล้วกัน พวกเราไปเถอะ!!!”

เมื่อสู้ไม่ได้ก็รีบเผ่นทันที แน่นอนว่าองครักษ์จวนผู้รู้หน้าที่รีบขวางทางหนีทันที

“เรื่องนี้ไม่ใช่ข้าหรือใครในที่นี้ตัดสินได้หรอก ไว้เจ้าไปคุยกันในศาลก็แล้วกัน...”

เมื่อเหล่านักต้มตุ๋นถูกรวบจับแล้ว ชาวบ้านที่มามุงก็แยกย้ายไปโดยพลันเช่นกัน เหลือเพียงเจ้านายและบ่าวในจวนฉีเท่านั้นเอง ก่อนที่จื่อเหยาจะกลับเรือนเพื่อไปพักผ่อนหลังจากเจอเรื่องเหนื่อยมาแต่สาย นางก็หยุดเอ่ยเตือนสติคนต้นเรื่องเสียหน่อยก่อนเดินผ่านไป

“เรื่องนี้ข้าไม่รู้ว่าฮูหยินรองต้องการจะทำอันใดข้าหรือว่าท่านแม่ทัพฉี อย่างไรตระกูลฉีก็เกือบถูกท่านทำลายชื่อเสียงไปด้วย คราวหลังท่านต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนกว่านี้หน่อยนะ...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel