ตอนที่ 2-1 พบแล้วอย่างไร ไม่พบแล้วอย่างไร
หลังจากที่ถูกนักแสดงสาวเจ้าบทบาทเล่นงานไปอย่างหนัก หลินหลินแปลงกายเป็นยัยหนอนหนังสือ ค้นคว้าหาหนังสือตำนานจีนมาอ่านนับร้อยเล่ม เธอไล่เปิดอ่านไปก็พบว่ามีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางกับเทพอยู่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ กำลังจะรวบรวมสมาธินั่งอ่าน แต่สายตาเหลือบไปเห็นภาพวาดในหนังสือบันทึกตำนานจีนเล่มหนึ่งซึ่ง ‘ฮุ่ยหมิง’ นักโบราณคดีจีนคนดังเป็นคนนำมาให้ ฮุ่ยหมิงเพิ่งค้นพบพระศพของฮองเฮาพระองค์หนึ่งที่มีข่าวดังไปทั่วโลก
หลินหลินหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาดู ไม่รู้ว่าเธอเปิดหนังสือเล่มนี้ทิ้งไว้ตอนไหน และตั้งแต่เมื่อไร เนื้อหาในหนังสือเขียนถึงจักรพรรดิที่ทำคุณูปการที่มีประโยชน์ต่อแผ่นดินจีน ในหนังสือมีแต่ภาพวาดไม่มีชื่อ เธอจึงไม่รู้ว่าฮ่องเต้พระองค์นี้มีชื่ออะไร รู้แต่ว่าอยู่ในยุคชิง และที่สำคัญฮ่องเต้องค์นี้มีใบหน้าหล่อเหลาเอาการ หลินหลินจ้องอยู่นานจนเผลอยิ้มให้รูปภาพ
‘โอ๊ย ท่าจะบ้าแล้วเรา ยิ้มให้รูปเก่าโบราณก็ได้’
“หล่อขนาดนี้ ถ้าอยู่ยุคนี้ มาเป็นพระเอกละครเถอะ หลินจองเขียนบทให้” ดวงตาที่เริ่มปรือแต่เวลานี้ความหล่อเหลาของอดีตฮ่องเต้ทำให้ดวงตาของเธอสุกใสเปล่งประกายวาววับขึ้นมาทันตา
หลินหลินปิดหนังสือเล่มนั้นลงเพราะต้องรีบแก้บทให้เสร็จ ไม่งั้นโดนผู้กำกับทวงยับ และยังซุป’ตาร์เจ้าปัญหา หลิวโจซิ่นอีกที่เร่งยิกๆอยากอ่านบทอีกครั้งก่อนตัดสินใจว่าจะรับเล่นละครเรื่องนี้หรือไม่ พอเบนไปด้านซ้ายดูปฏิทิน “เดตไลน์ใกล้มา ไม่มีเวลาดูคนหล่อเลย”
“คอยดูนะ คราวนี้ฉันจะเขียนบทให้ดี จนเธอต้องรู้สึกผิด” หลินหลินพึมพำ พอดีกับเสียงฟ้าผ่าด้านนอกหน้าต่างดังเปรี้ยงขึ้น จากนั้นเสียงสายฝนก็เทกระหน่ำ หลินหลินจึงลุกขึ้นตั้งใจจะไปดึงผ้าม่านปิด
“มาตกอะไรตอนคนกำลังขยัน”
ทว่าในตอนนั้นเองที่มีสายฟ้าสายหนึ่งพุ่งเป็นลำตรงมาก่อนจะฟาดลงมาที่หน้าต่าง จากนั้นภาพทุกอย่างก็เบลอก่อนจะหมดสติไม่รู้เรื่องอีกเลย
หลินหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วยความมึนงง อาการหนาวเหน็บอย่างเฉียบพลันแทรกขึ้นมาตามร่างกาย
“ที่ไหนวะเนี่ย” ดวงตาคู่สวยฉายแววตระหนกชัดเจน
ช่วงนี้ชักไม่แน่ใจ การถูกจี้ให้เขียนบทให้ไว สลับกับการถูกแก้บทไปมา อาจทำให้เธอสติแตก จนสร้างโลกขึ้นมาใบหนึ่งขึ้นมาเพื่อหลบหนีผู้กำกับก็ได้
“บางทีฉันอาจบ้าไปแล้วก็ได้”
แต่เมื่อลองหยิกท้องแขนตัวเองก็พบว่า
“โอ๊ย เจ็บ” หลินหลินเบ้หน้า “นี่เรื่องจริง ไม่ใช่ฝัน ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับฉัน” เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ฝันไปดวงตาคู่งามก็กวาดมองรอบๆห้องทันที
ห้องนอนนี้ตกแต่งแบบจีนโบราณ โต๊ะ ตู้เตียงล้วนทำด้วยไม้ชั้นดี หลินหลินก้มมองตัวเอง ชุดที่สวมก็เป็นแบบชุดยาวเหมือนที่สวมในราชวงศ์ชิง
“เรื่องแบบนี้มีแต่ในนิยายขายฝัน แล้วก็ละครพีเรียดย้อนยุคไม่ใช่เหรอ ใครบอกฉันทีว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”
หลินหลินพลันลุกขึ้นจากเตียง ดวงตามองไปมองมาเหมือนหลงมาอยู่ในฉากละครย้อนยุคทว่าเครื่องตกแต่งเสมือนจริง ซ้ำยังงดงามเรียบหรูกว่าฉากที่เซ็ตขึ้นมาเพื่อใช้ถ่ายละคร ร่างเล็กลุกขึ้นอยากออกไปดูด้านนอก พอดีกันกับหญิงสาวสองคนแต่งกายราวกับสาวใช้ในยุคโบราณทำผมทรงฉีดูคล้ายการเกล้าแกะไว้ทั้งสองข้างเปิดประตูเข้ามา
“ฮองเฮาจะเสด็จไปที่ไหนเพคะ” ลู่เจียวถาม ส่วนจิวฮุ่ยก็ประคองผู้เป็นนายสาวกลับเข้าไปในห้อง
หลินหลินยังไม่หายงุนงง จึงเดินตามแรงประคองของจิวฮุ่ยกลับไปนั่งที่ขอบเตียงอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ฮองเฮาจะไปที่ใดเพคะ เวลานี้ด้านนอกหิมะตก หม่อมฉันทำโจ๊กถั่วลิสงมาให้เสวยด้วย เสวยสักหน่อยนะเพคะ”
หลินหลินอ้าปากค้าง ตกใจจนแทบจะลืมจังหวะการหายใจ
“เมื่อกี้เรียกฉันว่าอะไรนะ”
“ฮองเฮา” ลู่เจียวพูดแล้วนึกเสียใจขึ้นมา หรือว่าฮองเฮาของพวกนางยังสะเทือนใจไม่หายจากการถูกขับออกจากวัง แถมครอบครัวยังต้องถูกประหารยกครัว อาจจะไม่อยากให้พวกนางเรียกขานว่าฮองเฮาอีก
“ฮองเฮาคงจะทรงเสียพระทัยมาก ไม่อยากให้พวกเราเรียกว่าฮองเฮาอีก ถ้าเช่นนั้นพวกเราเรียกว่าจางซื่อดีหรือไม่เพคะ”
“ไม่ ฉันไม่ชอบชื่อนี้” หลินหลินตอบทันที ทว่าเมื่อเห็นดวงตาพิศวงของหญิงสาวทั้งสองก็รู้สึกว่าไม่ได้การแล้ว
หลินหลินพลันผุดลุกขึ้นอีกครั้ง หันหลังให้คนทั้งสองเพื่อซ่อนความตระหนกเอาไว้เมื่อครู่ผู้หญิงสองคนนั้นเรียกเธอว่าฮองเฮา ต่อมาก็เรียกว่าจางซื่อคือคำเรียกขานสตรีที่แต่งงานแล้ว แต่เธอไม่ชอบ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือยุคปัจจุบัน2018 ไม่มีระบบศักดินาแล้วเท่ากับว่าเธอไม่ได้อยู่ในยุคปัจจุบันแต่หลงภพหลงชาติกลับมาในยุค...
หลินหลินก้มมองการแต่งกายของตัวเอง การแต่งกายแบบนี้เห็นบ่อยในกองถ่ายละครจีนย้อนยุค เครื่องที่สวมบนศีรษะนั้นโดดเด่นเรียกว่าหมวกเตี้ยน ก่อนพึมพำออกมา ยุคราชวงศ์ชิง
“โอ พระเจ้า เพราะสายฟ้าฟาดนั่นใช่ไหม” ที่จริงฉันเคยเขียนบทแบบนี้บ่อยไป นางเอกในยุคปัจจุบันมีเหตุอะไรสักอย่างทำให้ย้อนยุคไป แล้วเรื่องราวก็จะแฟลชแบคกลับไปกลับมาถึงต้นสายปลายเหตุ แต่นั่นมันบทละครโทรทัศน์ มโนของคนเขียนบทที่ได้รับโจทย์มาให้พาคนดูละครลอยล่องตามจินตนาการ
‘มันไม่จริง’
‘เป็นไปไม่ได้’
‘แต่มันเป็นไปแล้ว’
หลินหลินค่อยๆหันหน้ากลับมา แล้วถามผู้หญิงสองคนนั้นช้าๆ “ข้าชื่อจางชิงหลินใช่หรือไม่”
ทั้งลู่เจียวและจิวฮุ่ยพยักหน้าพร้อมกัน แต่ทำไมชื่อนี้ถึงได้เหมือนกับรายละเอียดในความฝันครั้งก่อน
“ข้าเป็นอดีตฮองเฮาที่ถูกฮ่องเต้ฉินซือเฉิงปลดใช่หรือไม่” พลันสมองขาวโพลนนึกไปถึงความฝันก่อนหน้านี้ ความฝันเป็นเรื่องเป็นราวที่หญิงสาวแอบคิดว่าจะนำมาเรียบเรียงเขียนเป็นเรื่องย่อเสนอพิจารณาทำละครหารายได้เข้ากระเป๋า ไฉนเล่ามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ
ทั้งลู่เจียวและจิวฮุ่ยพยักหน้าพร้อมกันอีกครั้ง
“ครอบครัวของข้าตายหมดแล้ว” หลินหลินโยนหินถามทางเมื่อเห็นสาวใช้พยักหน้า ครั้งนี้นางรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจราวกับนางผ่านเรื่องเลวร้ายมาด้วยตัวเอง จู่ๆหางตากลับมีน้ำตามาคลอหน่วย “แล้วตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหน”
ลู่เจียวเป็นฝ่ายตอบ “ฮองเฮาอยู่ที่บ้านของท่านยายของพระนางเพคะ”
“บ้านของท่านยายข้า”
“ใช่ เพคะ” ลู่เจียวตอบแล้วกระซิบกับจิวฮุ่ย “สงสัยเป็นเพราะพิษไข้หรือไม่ก็เป็นเพราะฮองเฮาสะเทือนใจมากจึงจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้”
หลินหลินได้ยินก็หันไปถาม “ใช่ ข้าป่วย จำอะไรไม่ได้”
“ฮองเฮาทรงหลับไม่ได้สติอยู่สามคืนเต็มๆ พวกหม่อมฉันกลัวว่าฮองเฮาจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้ว...” พวกนางหยุดพูดแล้วพร้อมใจกันร้องไห้ออกมา
“แล้วอะไร กลัวข้าตายจากพวกเจ้าไปอย่างนั้นหรือ” หลินหลินถาม
