บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1-4

ในเวลานี้ที่ช่องโทรทัศน์ต่างแข่งขันเรื่องเรตติ้งกันสูงมากทำให้หลินหลิน ต้องทำการบ้านหนักกว่าเดิม แน่นอนหากละครออนแอร์แล้วได้รับความนิยม เรตติ้งดีทั้งปีหลินหลิน คงจะคิวแน่นแต่หากเรตติ้งตกหัวคะมำเธอคงว่างงานกลายเป็นนักเขียนบทไส้แห้งไปอีกนาน

หลินหลินมีอาชีพเป็นนักเขียนบทที่ผันตัวเองมาจากการเขียนบทความท่องเที่ยวเธอได้รับโอกาสให้เขียนบทร่วมก่อนฝีมือจะเข้าตาผู้จัดละครจากนั้นจึงมีงานเข้ามาเรื่อย งานที่เธอรับผิดชอบอยูในเวลานี้คือการเขียนบทให้กับค่ายละครแห่งหนึ่ง ชื่อเรื่อง ‘ตำนานรักนางจิ้งจอกเก้าหาง’ เมื่อเธอส่งบทให้กับผู้กำกับและทีมงานอ่าน ทุกคนต่างพอใจ ทว่ามีอยู่คนเดียวที่ไม่พอใจคือนักแสดงนำของเรื่องหลิวโจวซิ่น

ว่ากันว่าบทคือหัวใจของการสร้างละคร เมื่อนักแสดงคนดังไม่พอใจกับบทก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้คนเขียนบทปวดหัว แน่นอนหากเป็นนักแสดงหน้าใหม่ย่อมไม่มีปัญหาเรื่องบทให้คนเขียนบทหนักใจ แต่สำหรับนักแสดงขั้วแม่เหล็กแล้ว การเลือกบท เปลี่ยนบท แม้แต่เทคนเขียนบทพวกเขาเหล่านั้นก็ทำได้

‘หลิวโจวซิ่น’ นางเอกซุปตาร์ชื่อดังส่ายหน้า กดยิ้มที่มุมปาก “มีฝีมือเขียนได้แค่นี้เองหรือ ฉันว่ายังไม่ใช่” อีกฝ่ายโยนบทคืนให้เธอนำมาเขียนใหม่ หลินหลินงงจัดในเมื่อก่อนเขียนเธอลงมือหาข้อมูลมาแล้ว ตำนานรักจิ้งจอกเก้าหางเป็นนิทานปรัมปราจะหาความจริงได้จากไหน แต่เธอก็พยายามเก็บรวบรวมข้อมูลมาให้ได้มากที่สุดก่อนจะเขียนบทออกมา

“คุณหลิวรู้ความจริงหรือคะว่าเป็นยังไงถ้าคุณคิดว่าฉันเขียนบทขึ้นมามั่วๆ โดยไร้ความจริง แล้วความจริงจากนิทานปรัมปราเป็นยังไง” เธอถามแม่นักแสดงเจ้าปัญหา เพราะไม่มีใครเคยโยนบทใส่หน้าเธออย่างนี้มาก่อน

“ใช่ ฉันรู้” หลิวโจวซิ่นกอดอกบอก “รู้ลึก รู้จริง แล้วเธออยากรู้ไหมล่ะ”

“งั้นคุณก็บอกฉันมาว่าเรื่องราวที่คุณรู้มาเป็นยังไง ถ้ามีความเป็นไปได้ฉันจะนำมาปรับในบทให้คุณ”

หลิวโจวซิ่นยิ้ม “นั่นเป็นงานของเธอ เธอเป็นคนเขียนบทเธอต้องไปตามหามันเอง”

หลินหลินขมวดคิ้ว “ตามหาที่ไหนคะ ห้องสมุดเหรอ” มีหนังสือเล่มไหนที่เธอพลาดไปหรือไงเกี่ยวกับตำนานจิ้งจอกเก้าหางอย่างนั้นเหรอ

“ไม่ใช่ห้องสมุด แต่ฉันจะส่งเธอไปสถานที่นั้นเอง ไปสัมผัสความจริงด้วยตัวเอง แล้วหวังว่าเธอจะกลับมาพร้อมบทดีๆ ฉันจะได้มีอารมณ์แสดง ไม่ใช่บทป่วยๆ แบบนี้ จบแบบดรามาน้ำตาแตกแบบนี้ ใครเป็นคนสอนเขียนมาไม่ทราบอย่างน้อยด้านการตลาดเธอควรจะรู้ว่าคนดูต้องการความอิ่มอกอิ่มใจ” นักแสดงสาวพราวเสน่ห์โยนบทใส่หน้าเธอแล้วเผยยิ้มประหลาด

“แล้วเทพกับมารมันจะอยู่กันได้อย่างไรในยุคนี้ จบแบบนี้หลินว่าดีแล้วนะคะดาร์กดีออก”

“ถ้าเธอไม่แก้บท ฉันจะไม่เล่น เธอก็เตรียมตัวตกงานได้เลย”

หลินหลินยิ่งงุนงงมากขึ้น จะอ้าปากถามว่าจะส่งเธอไปที่ไหน อีกฝ่ายพูดราวกับตัวเองมีเวทมนต์อย่างนั้นแหละ แต่หลิวโจวซิ่นก็ไม่อยู่ให้ถาม หมุนตัวเดินหนีไปก่อน

“นี่เดี๋ยวก่อนคุณหลิว ฉันไม่เข้าใจ ส่งฉันไปหาคำตอบที่ไหน”

หลิวโจวซิ่นไม่ตอบแต่หันกลับมายิ้มประหลาด

“คุณหลิว!” หลินหลินเรียกแต่หลิวโจวซิ่นไม่สนใจจะฟัง หันหลังเดินไปโดยไม่คิดจะหยุดฝีเท้า ยิ่งหลินหลินไล่ตาม หลิวโจวซิ่นก็ยิ่งเดินเร็วห่างออกไป จนตามไม่ทันกระทั่งขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่แล้วออกไป

“บ้าหรือเปล่า คิดว่าดังแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ เก่งขนาดนี้ไม่เขียนเองเล่นเองไปเลยล่ะ”

หลินหลินถอนใจบางครั้งงานของเธอก็เจอสารพัดอารมณ์ หลังจากคิดถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่คุยกับหลิวโจวซิ่น หลินหลินหมุนปากกาในมือ สมองครุ่นคิดว่าจะแก้ไขบทให้ถูกใจอีกฝ่ายอย่างไร

“ปวดหัว เบื่อจริงๆ ไหนจะปัญหาพวกซุป’ตาร์ ไหนจะต้องยัดโฆษณาแฝงไปในบทให้เนียนๆ นี่ถ้าฉันมีเวทมนต์นะจะสาปแม่พวกดาราเลือกบทให้พวกเธอกลายเป็นนักเขียนบทให้หมดเลย ขี้เกียจแก้โว้ย”

ร่างบางเชิดจมูกขึ้น มือที่สัมผัสปลายเส้นผมเพิ่งรู้ว่าเธอเอาแต่หมกตัวทำงานจนไม่ได้ดูแลเส้นผมมานานเท่าไหร่ “พังๆ หมด งานก็พัง ร่างก็เละ หัวที่ต้องแบกรับตัวละครทุกตัวเอาไว้มันปวดหัวมากแค่ไหน คอยดูฉันดังก่อน อย่ามาอ้อนให้เขียนบทให้เชียว...ชิ” คนบ่นทำปากยื่น กลอกตามองบนแล้วถอนหายใจยาวพรืด

“นี่ถ้าทำอาชีพอื่นได้ ฉันไม่เป็นแล้วย่ะนักเขียนบท”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel