ฮองเฮาเขย่าบัลลังก์

137.0K · จบแล้ว
บุษบาบัณ/นศามณี
77
บท
13.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หลินหลิน เด็กหญิงกำพร้าถูกนำมาวางทิ้งไว้หน้าบ้าน อาม่าเฉินเมตตาเลี้ยงดูนางและคอยเป็นแรงบันดาลใจ เมื่อโตขึ้นนางจึงยึดอาชีพเขียนบทละครตามความใฝ่ฝัน ชีวิตของหลินหลินต้องพลิกผันเมื่อซุปตาร์คนดังปฏิเสธบทที่นางเขียนขึ้น และส่งนางย้อนกลับไปในยุคต้าชิง เพื่อแก้ไขทั้งบทละครและเรื่องราวบางอย่าง ที่นั่นหลินหลิน ได้พบกับบุรุษรูปงามที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่อดีตชาติ ท่านอ๋องเก้า ฉินจิ้นเหอ โอ้สวรรค์ ไยต้องแกล้งกัน ส่งนางลงมายืนงงๆ ในดงคนหื่นเช่นเขา! “หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้วเพคะ อยู่ที่บ้านเกิดต้องนั่งเขียนบทกว่าจะได้เงินแต่ละครั้งเมื่อยจะตาย มารับจ้างเป็นฮองเฮาของฝ่าบาทดีกว่า รายได้คงดีกว่ามาก” “กล้าล้อเล่นกับข้าเหรอ ข้าเป็นฮ่องเต้ ไม่ใช่เพื่อนเล่นเจ้า มองข้าแบบนี้หรืออยาก...” “อยากเพคะ มาครั้งนี้ หม่อมฉันมีแผนการ” “เจ้ามันร้ายนัก คิดจะมาเขย่าบัลลังก์ข้าหรืออย่างไร” “ไม่ใช่เช่นนั้นเพคะ ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ที่ดี นำพาแผ่นดินสู่ความเจริญ หม่อมฉันจะทำแบบนั้นทำไม” “แล้วเจ้ามีแผนการอะไร จงบอกข้ามา” เสียงหวานสดใสมีเสน่ห์ชวนให้ลุ่มหลงก้มลงกระซิบเบาๆ ฉินจิ้นเหอมุ่นคิ้วพักเดียวก็หน้าแดงไปหมด “จริงหรือ เจ้าจะกลับมาเขย่าแท่นบรรทมของข้า” “เพคะ” นางออดอ้อนเสียงหวาน กล่าวจบแล้วซบลงบนแผ่นอกกำยำที่อบอุ่นจนนางไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดแคลนความรักแม้แต่น้อย “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอดูฝีมือของเจ้าหน่อยว่าเจ้ามีฝีมือแค่ไหนกัน ขาเตียงของข้าแข็งแรงยิ่งนัก สงสัยเจ้าต้องเหน็ดเหนื่อยมากทีเดียว”

นิยายจีนโบราณนิยายย้อนยุคเกิดใหม่ในนิยายฮ่องเต้ท่านอ๋องข้ามมิติพระเอกเก่งกลอุบายในวังวังหลังหลายตัวตนจีนโบราณรักหวานๆโรแมนติก18+

บทนำ

อาชีพไหนๆ มันก็เหนื่อยหมดทุกอาชีพนั่นแหละ คนที่ไม่เหนื่อยคือคนไม่ทำงาน ‘หลินหลิน’ ได้ยินคำนี้ออกจากปากใครคนหนึ่งซึ่งเธอเรียกมาตั้งแต่จำความได้ว่า ‘อาม่าเฉิน’ เสียดายที่เวลานี้ท่านเดินทางไปสวรรค์ได้หลายปีแล้วจึงไม่รู้ว่าเด็กกำพร้าตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าใครมาวางลืมไว้ที่หน้าบ้านอาม่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเวลานี้ไม่ได้เป็นเพียงเด็กสาวช่างฝันที่มักจะแต่งนิทานเพื่อนำมาเล่าให้คนสูงวัยอย่างอาม่าฟัง 

เวลานี้หลินหลินทำความฝันของเธอสำเร็จแล้วส่วนหนึ่งนั้นหญิงสาวยกให้เป็นความดีของคนติดละครอย่างอาม่า

อาม่าเฉินชอบดูละครเรียกว่าหากเผลอตัวติดตามละครเรื่องไหนแล้วคงถอนตัวได้ยาก ไม่เคยพลาดสักตอน ไม่เพียงแต่ดู แต่อาม่ามักคาดเดาเนื้อหาไปข้างหน้าแล้วมักจะเดาทางถูกเสียด้วย อย่างว่าอาม่าของเธอผ่านโลกมามากจึงมักเดาได้ถูกเสมอ หลายครั้งทำให้หลินหลินที่นั่งดูละครอยู่ใกล้ๆ ต้องหันไปมองพร้อมกับตั้งคำถาม

“ไอหยา หลินเพิ่งรู้ว่าอาม่าแอบไปเขียนบทเอง”

พอถูกสาวน้อยตรงหน้าทักว่าอาม่าเป็นคนเขียนบทเองหรือไง นางฟ้าผู้ใจดีของหลินหลินมักจะมีใบหน้าแต้มรอยยิ้มแห่งความสุขอยู่เป็นนิจแล้วเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงแกมเอ็นดู

“โตขึ้นหลินหลินเขียนบทละครนะ อาม่าจะรอดูละครที่หลินเขียนบทไง”

ดวงตากลมโตสุกใสของสาวน้อยส่งยิ้มหวานไปถึงดวงตา เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นอย่างชอบใจ“แล้วหลินจะทำได้เหรอคะอาม่า”

มือเหี่ยวย่นที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนเอื้อมมาจับมือเล็กๆ แล้วบีบกระชับราวกับส่งทอดกำลังใจ

“หลินจำคำของอาม่าไว้นะลูก ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้หรอก หลินมีสองมือเหมือนคนอื่นมี ทำไมถึงทำไม่ได้เชื่ออาม่าสิ ความสำเร็จสวรรค์ไม่ได้มอบให้กับทุกคน แต่สวรรค์มอบให้กับคนที่ก้าวผ่านความพยายามไปได้เท่านั้น”

“ค่ะอาม่า” เด็กหญิงรับคำมันอย่างเรื่อยเปื่อยที่จริงความสนใจอยู่ที่ขนมมากกว่า มือเล็กๆ เอื้อมไปจิ้ม ‘ขนมจุ๊ยก้วย’ ซึ่งเป็นขนมชนิดหนึ่งที่ใช้แป้งข้าวเจ้าอย่างดีผสมกับน้ำใส่ถ้วยขนาดเล็กแล้วนำไปนึ่งให้สุก ราดหน้าด้วยหัวไชโป๊ผัดตามสูตร เป็นของว่างแสนอร่อยฝีมืออาม่าเฉิน ความอร่อยลิ้นทำให้หลินหลินจิ้มใส่ปากไม่หยุด รอยยิ้มบางๆ คลี่ขึ้นอย่างมีความสุข

“ขนมของอาม่า อร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะ”

อาม่าเฉินมองต้นกล้าอ่อนที่รดน้ำพรวนดินมาตั้งแต่เล็กจนเวลานี้ต้นกล้านั้นเริ่มเติบใหญ่เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเห็นต้นกล้านี้เติบโตได้อีกยาวนานเท่าไหร่ “หลินโตขึ้นให้ตั้งใจทำงาน ให้เหมือนตั้งใจกินนะ”

เด็กหญิงชะงักค้างเมื่อเห็นขนมเหลือชิ้นเดียวในจานแล้วนึกละอายใจที่กินอยู่คนเดียวจนเหลือชิ้นสุดท้าย อาม่ายิ้มให้เด็กหญิงอย่างปราณีแกมเอ็นดู “ชิ้นสุดท้ายแล้ว ถ้ากินไม่หมด แสดงว่าอาม่าฝีมือตก”

หลินหลินกลัวอาม่าเสียใจหากไม่กินให้หมดอาม่าคงผิดผวังแล้วเข้าใจผิดคิดว่าฝีมือตก มือขาวสะอาดยืดแขนไปตรงหน้าแล้วรีบจิ้มขนมจุ๊ยก้วยชิ้นสุดท้ายส่งเข้าปาก พร้อมับผลิยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ในขณะที่ดวงตาทั้งสองหันกลับไปจ้องที่จอสี่เหลี่ยมหนาทึบไม่ได้แบนเรียบเหมือนทีวีจอแบบนในยุคปัจจุบัน โดยไม่คิดเลยว่านั่นคือแรงบันดาลใจให้เธอเลือกทำอาชีพเขียนบทเมื่อเรียนจบ