บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1-3

“ถ่ายทอดคำสั่งของข้าลงไป จางกวงหมิงคิดก่อกบฏ ขัดพระราชโองการให้ประหารทั้งตระกูล”

พระราชโองการของโอรสสวรรค์ถูกนำไปถ่ายทอดอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าจวนอัครเสนาบดีฝ่ายขวาก็ถูกทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวงบุกเข้าไปอย่างหยาบคาย ไร้ความยำเกรง จับกุมตัวของคนสกุลจางทุกคนไปยังแท่นประหาร

ข่าวนี้ยังไม่รู้ถึงหูของจางชิงหลินที่ยังนอนป่วยอยู่ในตำหนัก นางกำนัลของจางชิงหลินถูกปล่อยตัว และค่อยๆซมซานกลับมายังตำหนักเย่วซินในอีกสองวันถัดมา

“ฮองเฮาเพคะ”

จางชิงหลินค่อยๆปรือตาขึ้น เปลือกตานางหนักอึ้งราวกับมีหินมากดทับ ไม่มีใครดูแลนาง นางนอนป่วยอยู่ในตำหนักคนเดียว คืนอันหนาวเหน็บโหดร้ายที่นางยืนตากหิมะผ่านไปอย่างแสนทรมาน

นางป่วยนอนซมต้องกินยาที่หมอหลวงนำมาวางไว้ให้และไม่ออกไปจากตำหนักอยู่สองวันเต็ม โชคดีที่วันนั้นนางแอบเอาเตาอุ่นมือเข้าไปด้วย ไม่เช่นนั้นนางคงตายไปแล้ว

“พวกเจ้าเองหรือ ลู่เจียว จิวฮุ่ย”

“เพคะ พวกหม่อมฉันกลับมาแล้ว”

“ข้าทำให้พวกเจ้าลำบากแล้ว” จางชิงหลินพูดเสียงแผ่วเบา

“ฮองเฮาอย่าตรัสเช่นนั้นเพคะ เป็นหน้าที่ของพวกหม่อมฉันที่ต้องปกป้องฮองเฮา” ลู่เจียวเอ่ยแล้วพากันร้องไห้

จางชิงหลินขมวดคิ้ว “พวกเจ้าร้องไห้ทำไมกัน”

“ฮองเฮาเพคะ” ลู่เจียวกับจิวฮุ่ยปรึกษากันแล้วว่าต้องบอกเรื่องสำคัญนี้ให้กับจางชิงหลินรู้ “สกุลจางของฮองเฮาถูกฮ่องเต้สั่งประหารหมดแล้วเพคะ”

จางชิงหลินเบิกตากว้าง น้ำตาพลันไหลรินออกมาเป็นสาย ถ้ากลั่นเป็นเลือดได้นางคงกลั่นออกมาเป็นเลือดแล้ว

“เมื่อไร” นางกลั่นเสียงถามออกไป

“เมื่อสองวันก่อนเพคะ เป็นความผิดของพวกหม่อมฉันที่มาทูลช้าไป”

“ท่านอำมหิตยิ่งนัก” จางชิงหลินตัวสั่นสะท้าน หัวใจหนาวเหน็บ “ต่อไปคงถึงตาข้าแล้ว”

พูดจบก็มีขันทีประกาศการมาถึงของสตรีสูงศักดิ์ จางชิงหลินยิ้มเยาะให้กับวาสนาแสนอาภัพ ภักดีคนผิด คิดได้เมื่อสายจริงๆ

“เซียวกุ้ยเฟยขอเข้าเฝ้าฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” เสียงขันทีประกาศ

จางชิงหลินกัดฟันแน่น “ให้นางเข้ามา” จางชิงหลินกัดฟันตอบเสียงต่ำ แววตากล้าแข็งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นางจะไม่มีวันอ่อนแอให้เซียวลี่อินเห็น

เซียวลี่อินเยื้องย่างเข้ามา กวาดตามองอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นสภาพซีดเซียวของสตรีที่เป็นใหญ่ในหกตำหนักแต่อีกไม่ช้าจะต้อยต่ำกว่านาง

“ฮองเฮาเพคะ วันนี้หม่อมฉันมาทูลให้ฮองเฮาทรงทราบว่าฮองเฮาถูกปลดจากตำแหน่งแล้วเพคะ ฝ่าบาททรงทำหนังสือหย่าและมอบหนังสือถอดถอนให้หม่อมฉันถือมาให้ฮองเฮาแล้วเพคะ”

จางชิงหลินรับมาแล้วปาทิ้งกับพื้น

“เราไปทำอะไรให้เจ้า หรือว่าเจ้าอยากนั่งบัลลังก์หงส์นี้มากจนทำร้ายได้แม้กระทั่งผู้มีพระคุณ”

เซียวลี่อินมองหนังสือหย่าที่ตกกระทบพื้นแล้วยิ้มมุมปาก “ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันอยากได้บัลลังก์หงส์ของฮองเฮา หม่อมฉันอยากได้ตำหนักนี้ อยากเป็นใหญ่เหนือสตรีทุกนาง หม่อมฉันอยากอยู่ในจุดที่ฮองเฮาเคยอยู่” นางหยุดพูดครู่หนึ่งก่อนดวงตาวาวโรจน์ขึ้นแล้วเปลี่ยนสรรพนาม “ตั้งแต่เกิดคุณหนูก็ได้เสพสุขมามากพอแล้วก็ควรสละได้เสียที ข้าลำบากมาตั้งแต่วัยเยาว์ ต้องคอยรับใช้คุณหนูไม่เว้นแต่ละวัน ตอนนี้ข้าจะได้เสพสุขบ้างเสียที” จากนั้นเซียวลี่อินก็ปล่อยเสียงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างสาแก่ใจ

“เจ้ามันชั่วช้า เลี้ยงไม่เชื่อง”

“เพคะ”

“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”

เซียวลี่อินยิ้มมุมปาก ก่อนตวาดเสียงดัง “เจ้านั่นแหละ...ที่ต้องออกไป ฝ่าบาทปลดเจ้าออกตำแหน่งฮองเฮาแล้ว เจ้ายังกล้าวางท่าเป็นนายทั้งหกตำหนักนี้อีกเหรอ”

จางชิงหลินแข็งใจลุกขึ้น แม้จะยากเย็นเพียงใดก็ตาม ศักดิ์ศรีในตัวนางที่มีตอนนี้ถูกนางรีดเค้นมาใช้ทุกหยาดหยด

“เซียวลี่อิน ถึงแม้ข้าตายไป ข้าก็จะไม่มีวันละเว้นเจ้าจำเอาไว้”

“ฮองเฮาทรงคิดว่าจะได้กลับมาวังหลวงแห่งนี้อีกหรือเพคะ โชคดีเท่าไรแล้วที่ฮองเฮาไม่ถูกประหารตามครอบครัวไปด้วยแต่แค่ถูกขับออกจากวังหลวงไปเป็นสามัญชน ถ้าหม่อมฉันไม่เห็นแก่ที่เคยเป็นนายบ่าวกันมาก่อน หม่อมฉันจะไม่มีวันให้ฮองเฮาออกไปจากที่นี่อย่างมีลมหายใจ” เซียวลี่อินพูดน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน

จางชิงหลินรักษาสีหน้าสงบเยือกเย็นไว้ได้ แม้ภายในร่างกายจะปั่นป่วนจนแทบจะกระอักโลหิตออกมา นางเลือกที่จะไม่ตอบโต้ เพราะต้องการรักษาชีวิตน้อยๆนี้ไว้

“หม่อมฉันส่งเสด็จแค่นี้นะเพคะ”

จางชิงหลินไม่มองเซียวลี่อินอีก ก็เดินออกมาจากตำหนัก นางสวมชุดสีขาวราบเรียบอยู่แล้วจึงไม่ต้องเปลี่ยนชุดอีก ลู่เจียวกับจิวฮุ่ยรีบเก็บข้าวของตามออกมา เพราะถูกขับออกจากวังตามผู้เป็นนายออกมาด้วย

ร่างกายบอบบางดั่งกิ่งหลิวฝืนลมหนาวเดินออกมาด้วยฝีเท้ามั่นคง นางจำภาพเหตุการณ์เมื่อปีก่อนที่เดินเข้ารับตำแหน่งฮองเฮาได้ดี วันนั้นมีผู้คนมากมายคุกเข่าหมอบคลานตรงหน้า แต่วันนี้ที่นางเดินผ่าน ทุกคนมองนางด้วยสายตาดูแคลน

สองวันที่นางนอนป่วย เหตุการณ์พลิกผันแปรเปลี่ยนมากมาย นางผิดเองที่คิดว่าความจงรักภักดีของนางจะซื้อใจบุรุษผู้นั้นได้

สายลมหนาวพัดผ่านผิวกายแต่ไม่หนาวเท่ากับได้รู้ว่าภักดีกับคนผิดจนไม่ทันระแวงทำให้ครอบครัวต้องพินาศ ชีวิตตัวเองก็แทบรักษาไว้ไม่ได้

รั้วกำแพงสีแดงที่ตั้งตระหง่านแห่งนี้ ถ้าใครไม่โหดเหี้ยมพอก็รักษาชีวิตไว้ไม่ได้ ความจงรักภักดีมีไว้กับผู้มีคุณธรรมไม่ใช่ทรราช นางมีตาแต่หามีแววไม่ ต้องโทษตัวเองแล้วจริงๆ

ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจึน ปี2018

หลินหลินสะดุ้งตื่น ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เมื่อครู่เธอฝันร้ายใช่ไหมฝันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องจริงอย่างไรไม่รู้ เธอรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจเหมือนถูกมือใครมาบีบรัด ฉินซือเฉิงปลดฮองเฮาจางชิงหลินอย่างโหดร้ายแล้วสั่งประหารคนในตระกูล

“อาการหนักแล้ว ฝันเป็นตุเป็นตะ ฝันถึงใครก็ไม่รู้ แต่ทำไม...” หลินหลินยกมือมาวางลงบนอกด้านซ้าย “เจ็บ”

เจ็บปวดใดก็ไม่เท่ากับเจ็บปวดจากการถูกสามีกับเมียน้อยร่วมมือกันหักหลัง เรื่องแบบนี้ใครไม่เจอกับตัวไม่มีทางรู้แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเรื่องในความฝันเป็นเรื่องของเธอที่เจอมากับตัวกันนะ

หลินหลินสาวลูกครึ่งไทย-จีนอายุยี่สิบห้าปี อยู่ในวัยเบญจเพศ พักอาศัยอยู่ในคอนโดในเมืองปักกิ่ง เธอกำลังนั่งแก้ไขบทละครอยู่ที่โต๊ะทำงาน หลังจากที่นักแสดงสาวคนดังยังไม่พอใจกับบทที่เธอเขียนขึ้นมา

ละครเรื่องนี้ทุ่มทุนสร้างมหาศาลแล้วยังได้บริษัทที่เก่งด้านCG (การสร้างภาพเสมือนจริงคอมพิวเตอร์ด้วยกราฟฟิก)ฝีมือระดับเทพมาร่วมงาน หากเขียนบทดีๆ จะต้องดังอย่างแน่นอนโดยเฉพาะถ้าได้ดาราขั้วแม่เหล็กอย่างหลิวโจวซิ่นมาร่วมแสดง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel