9
“ฮื่อ....พี่หมอโกรธใครเป็นที่ไหนกันล่ะ ....แต่เอ๊ะ !” พูดได้แค่นั้น สายตาของกอหญ้าก็เหลือบเห็นสามีลงจากท้ายรถมอเตอร์ไซด์คันเก่า ของลุงคนงาน ส่วนหมอทิวนั้นซ้อนท้ายสาววัยรุ่นหน้าตาจิ้มลิ้มมาเชียว เธอไม่รู้จักและไม่คุ้นหน้าอีกต่างหาก
“สองหนุ่มนั่นไปไหนมาแต่เช้านะ....” กอหญ้าวางมือจากสิ่งที่ทำถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเดินเร็ว ๆ ไปรับหน้าสามีถึงหัวบันไดบ้านส่วนเหมียวก็รีบเข้ามาประคองเกรงว่าคนท้องจะสะดุดหกล้มหกลุกไปทั้งที่ในใจเดือดปุด ๆ เพราะหมอทิวไม่ได้ลงจากมอเตอร์ไซด์แล้วเดินมาเหมือนคุณภูผาเสียที่ไหน แต่กลับยืนพูดจายิ้มหัวกับสาวคนนั้นตั้งนานก่อนจะเดินหน้าบานตามเข้ามา....
“พี่ภู เกิดอะไรขึ้นหรือคะ.....พวกพี่ออกไปไหนมาแต่เช้า” กอหญ้าถามสามีด้วยความงุนงงผสมร้อนใจเพราะดูจากสภาพทั้งคู่แล้วเหมือนยังไม่ได้นอนหรือไม่ก็ออกไปฟัดกับตัวอะไรมาสักอย่าง เสื้อผ้าขะมุกขะมอมเต็มๆไปด้วยฝุ่นโคลน
“ไปดูวัว/ไปดูช้าง” ภูผากับหมอทิวตอบไปคนละทิศละทางส่งผลให้คนถามคิ้วขมวดเริ่มเม้มปากอย่างไม่พอใจสายตาที่มองสามีแสดงความผิดหวังอย่างรุนแรง...
“เมียจ๋าเข้าไปคุยกันที่ห้องเถอะพี่อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะแย่”
คนเป็นสามีเดินตรงเข้ามาโอบประคองคนท้องให้กลับขึ้นห้องอย่างมีพิรุธ ในขณะที่กอหญ้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลจึงยอมเดินตามหวังจะไปซักฟอกกันบนห้องสองคนถ้าตอบไม่เคลียร์ล่ะน่าดู.....
หมอทิวยืนงงเหมือนโดนทุบหัว...... ไอ้ภูนะไอ้ภูไม่เห็นเหมือนที่คุยกันไว้เลยนี่หว่า......ไหนล่ะที่บอกว่าเมียจะรีบเข้ามาเอาอกเอาใจเพราะกลัวสาวอื่นจะคว้าเอาไปที่ไหนได้...... นอกจากยัยแมวเหมียวจะไม่ถามสักคำแถมยังสะบัดก้นหนีกูอิ๊ก....แล้วต้องทำยังไงต่อวะเนี่ย....ไอ้เชี่ยภู...กลับมาก่อนสิโว้ย......หนุ่มใหญ่เพิ่งเคยมีเมียได้แต่ยืนหันรีหันขวางจนกระทั่งแมวเหมียวเดินลงเรือนจะออกนอกเขตรั้วอยู่รอมร่อถึงเพิ่งจะได้สติวิ่งตามลงไป
“เหมียว....เหมียว........หยุดก่อนนนน......” หมอทิวร้องตะโกนเรียกเมียสาวตั้งแต่ยังวิ่งตามมาไม่ถึงด้วยซ้ำ.....แต่เธอทำเหมือนคนหูดับไม่มีชะงักแม้แต่น้อยยังสับขาก้าวย่างฉับ ๆ เหมือนอยากจะรีบหนีไปให้พ้น ๆ
“เดี๋ยว.....เหมียวจะไปไหน...” ในที่สุดหมอทิวก็คว้าแขนเล็กเอาไว้ได้เสียที ตัวแค่เนี่ยเดินไวฉิบ.....
“ปล่อยจ้ะ....เหมียวรีบ” เธอเบือนหน้าหนีไปอีกทางไม่อยากให้เขาเห็นหน้าตาเธอตอนนี้
“หืม....จะรีบไปไหน”
“ไปให้พ้น ๆ จากที่นี่ไงจ๊ะ....หมอมีแฟนแล้วก็ไม่บอก”
“ไม่ให้ไป ฉันไม่มีใครทั้งนั้นนอกจากเหมียวคนเดียว” หมอทิวดึงร่างเล็กเข้ามากอดเอาไว้แน่น....หมดกันกู....อุตส่าห์วางแผนมาทั้งคืน.....เขาคิดอย่างเสียดายแต่จะปล่อยให้เหมียวไปยิ่งทนไม่ได้ใหญ่
เธอแอบยิ้มเอ็นดูทูนหัวของเหมียว เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย....ถ้าหมอเป็นนักแสดงก็คงต้องไปเรียนมาใหม่.........
“แต่ผู้หญิงคนที่มาส่งหมอเมื่อเช้าเขา....ฮือ ๆ ๆ” เธอบีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นกับบ่ากว้างทำอย่างกับกำลังจะโดนแย่งของรัก.....ถึงจะยังไม่รักแต่เขาก็เป็นหลักเดียวในชีวิตที่เธอจะไม่ยอมเสียให้ใครเด็ดขาด ไม่ว่าใครคนนั้นจะสวยใสเหน้าอกหน้าใจใหญ่กว่าเหมียวก็ไม่ยอม.....
“เด็กคนนั้นเป็นลูกสาวคนงาน” เขาบอกเสียงนุ่มพลางกอดปลอบอย่างอ่อนโยน....... หมอทิวยืนกอดเธออยู่อย่างนั้นเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรมากกว่านี้ยิ่งเสียงร้องทวีความรุนแรงขึ้นก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก…..โชคดีที่ยังเช้าอยู่มากจึงไม่มีใครผ่านไปผ่านมาให้ได้อาย
“แล้วไงคะ ทำไมหมอต้องยิ้มต้องหัวเราะกับเขาด้วยล่ะ” เหมียวงอแงร้องไห้ไม่หยุดลองทำตัวงี่เง่าให้สุดอยากรู้ว่าสามีของเธอจะโกรธใครไม่เป็นจริง ๆ ใช่หรือเปล่า แล้วเขาจะทนเธอได้หรือไม่
“ไม่มีอะไรกันจริง ๆ จ้ะเห็นกันตั้งแต่เด็กตัวเล็ก ๆ สาบานได้” เขายืนยันหนักแน่นเมื่ออีกฝ่ายผละถอยออกไปยืนเงยหน้ามองมาน้ำตากลบตา
“จริง ๆ นะจ๊ะ”
“จริงที่สุดเลยจ้ะ วันนี้กลับบ้านกันนะ” เขาได้โอกาสชวนกลับทื่อ ๆ ...ไม่มีแผนบ้าบอให้บานปลายไปเปล่า ๆ
“แต่ว่าหนู.....” เหมียวลังเล...เธอหวงเขา เธอไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้ใครในขณะที่เธอก็ไม่กล้าที่จะชิดใกล้ในแบบผัวเมียเพราะรู้สึกว่ายังเร็วเกินไป เรื่องนี้จึงทำให้เธอคิดหนักถึงแม้จะพิสูจน์ได้ว่าผู้ชายคนนี้มีดีหลายอย่างก็ตามที
“ฉันรับรองว่าจะไม่บังคับฝืนใจในเรื่องที่เธอกังวล”
“งั้นตกลงจ้ะ” เธอยิ้มหน้าบานเมื่อเขาพูดเหมือนเข้ามานั่งอยู่กลางใจว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่....แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย….
