7
“หมอทิวเป็นคนดีจริง ๆ จ้ะ เรื่องนี้พี่ยืนยันได้ ว่าแต่เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงเหรอ เหมียวอยากเล่าให้พี่สาวคนนี้ฟังไหมจ๊ะ”
“อยากสิจ๊ะ” เธอสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีที่อีกฝ่ายมอบให้ผ่านแววตาเป็นประกายสดใส ที่เคยคิดว่าอยู่คนเดียวในโลกสงสัยจะไม่ใช่เสียแล้ว.....เธอนึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์พ่อแม่ที่ตายจากยามที่เธออธิษฐานอ้อนวอนขอตอนที่ท้อแท้แทบจะสิ้นหวัง แม้กระทั่งความอดทนของตัวเองที่กัดฟันดิ้นรนจนได้มาพบกับคนดี ๆ ในวันนี้
กอหญ้าฟังเรื่องราวจากปากของเด็กสาวแล้วยิ่งเห็นใจ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไร้ซึ่งคนปกป้องต้องดิ้นรนเอาตัวรอดแต่ก็ซวยซ้ำซ้อนต้องหนีเสือปะจระเข้หากเธอไม่ตัดสินใจเสี่ยงครั้งใหญ่ปีนรั้วข้ามมาขอความช่วยเหลือจากผู้ชายข้างบ้านที่ไม่เคยรู้จักกันได้แต่มองห่าง ๆ คิดเอาเองว่าเขาน่าจะเป็นคนดี ป่านนี้คงจะตกเป็นเหยื่อของลุงใจทรามที่ไม่ครั่นคร้ามต่อบาปบุญคุณโทษ.....
“หมดทุกข์หมดโศกเสียทีนะ ต่อไปนี้น้องเหมียวของพี่จะพบแต่ความสุข” เธอโอบกอดน้องสาวต่างสายเลือดอย่างปลอบโยน
“จ้ะพี่หญ้า เหมียวคิดว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่เจอกับพวกพี่ ๆ แต่เหมียวทำตัวไม่ถูกเลยจ้ะ”
“หืม...เหมียวกังวลเรื่องอะไรอีกหรือจ๊ะ”
“คือว่า......เหมียว” ถึงจะแก่นกล้าแต่เหมียวก็เขินเป็นเหมือนกันนะ
“หืม.....คืออะไรจ๊ะบอกมาเถอะ......”
“แบบว่า” เหมียวลืมตัวขยุ้มกระโปรงจนมันร่นขึ้นมาแทบจะเปิดหมดก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดออกไปได้....... “ถึงยังไงหมอทิวก็ยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเหมียวอยู่ดีถึงเขาจะเป็นคนดี...แต่ว่า....เอ่อ....ถ้าให้หนูแก้ผ้าอยู่กันสองคนหนูอายจ้ะ” เธอพูดจบก็ยกมือปิดหน้า......ก็เรื่องมันน่าอาย.....โอ้ยตาย ๆ ๆ เหมียวพูดอะไรออกไปเนี่ย....
กอหญ้ากลั้นขำ เธอเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเชียวล่ะในเมื่อน้องสาวออกปากมาขนาดนี้แล้วมีหรือพี่หญ้าจะไม่ช่วย
“ถ้าอย่างนั้นเหมียวอยู่ที่นี่กับพี่ก่อนดีไหมจ๊ะ เอาไว้ให้ปรับตัวคุ้นเคยกันก่อนแล้วค่อยย้ายไปอยู่กับพี่หมอ”
“หนูอยู่ที่นี่ได้จริง ๆ หรือจ๊ะ” เธอเปิดหน้าถามอย่างตื่นเต้น
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ขึ้นอยู่กับเหมียวนั่นแหละอยากกลับไปกับสามีหรือเปล่า” คนเป็นพี่สาวยิ้มล้อ....
“เอาแบบที่พี่หญ้าบอกดีกว่าจ้ะ”
“ได้เลย....พี่หญ้าจัดให้” เธอเห็นสองแก้มแดงปลั่งกับรอยยิ้มโล่งใจของอีกฝ่ายแล้วนึกเอ็นดูในความตรงไปตรงมาแต่มีชีวิตชีวามากมายอย่างนี้สิถึงจะเหมาะกับผู้ชายที่ทนเหงามาทั้งชีวิต....
19.00 น.
นายใหญ่เจ้าของอาณาจักรบ้านไร่ภูผาหญ้าหวาน พาเพื่อนรักย้ายมานั่งดื่มกินรอเจ้าสาวที่ลานงานเลี้ยงหน้าบ้านเรือนไทยตั้งแต่แดดร่มลมตก อีกฝ่ายใจจดใจจ่อหันคอมองแทบจะเคล็ด จนภูผารำคาญต้องลุกเปลี่ยนที่นั่งให้หมอทิวคนบ้าเห่อก่อนที่จะเสียอาการมากกว่านี้
“ใจเย็น ๆ ไอ้ทิว”
“ทำไมป่านนี้ยังไม่ออกมา กูว่ากูเข้าไปดูหน่อยดีกว่า”
“น้อย ๆ หน่อย ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ สาว ๆ เขากำลังแต่งตัวกัน เชื่อกูเหอะเดี๋ยวก็มาแล้ว” ภูผารู้เพราะเมียสั่งให้เขาส่งคนไปรับช่างแต่งหน้าทำผมมาให้ตั้งแต่บ่ายคงตั้งใจจับแม่ตุ๊กตาของไอ้ทิวแต่งตัวให้สวยเป็นนางฟ้าเลยล่ะมั้ง......โถ...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยแค่นี้ไอ้หมอก็จะคลั่งตายอยู่แล้ว.....
“กูแค่เป็นห่วง”
“ห่วงใคร.....เมียกูเหรอ...เออใช่กำลังท้องอยู่ด้วย” ภูผาแกล้งพูดเหมือนไม่รู้ใจ
“ไอ้ภู.!...”
“อะไรของมึง” ภูผาเห็นสายตาของเพื่อนก็พอเดาได้ว่าคงเป็นอย่างที่คิด เขาเหลียวไปมองด้านหลังจึงได้เห็นเจ้าสาวในชุดกระโปรงบานสีครีมแลดูสวยน่ารักผิดตา แต่พอหันหน้ามาจะแซวเพื่อนรักเสียหน่อยก็เห็นมันวิ่งแจ้นไปแล้ว.......เฮอะ ! เมื่อก่อนใครบอกว่าไม่อยากมีเมียวะ......
หนุ่มใหญ่ฉีกยิ้มกว้าง เดินเข้าไปหาเจ้าสาวราวกับคนอื่น ๆ หลุดจากคลองสายตาเหมือนว่ามีกันและกันเพียงสองคน
“เอ่อ.....หนูสวยไหมคะ” เธอรู้สึกขัดเขินคิดอะไรไม่ออกก็ถามโง่ ๆ ไปอย่างนี้แหละไม่เคยรู้สึกลิ้นพันกันมือไม้เกะกะเท่าวันนี้เลย
“สวยมาก คนหรือนางฟ้าครับเนี่ย....” หมอทิวถือวิสาสะเข้าไปกุมมือนุ่มนิ่มเอาไว้เขาหุบยิ้มไม่ได้เลยรู้สึกเหมือนว่าถูกหวยรวยเบอร์ก็ไม่ปาน
“เมื่อเช้าหมอยังคิดว่าหนูเป็นผีอยู่เลยนะจ๊ะ เปลี่ยนใจเร็วจัง” เธอแกล้งว่าแต่ยิ้มนัยน์ตาพราวการที่เขาวิ่งหนีจนเสียอาการพร้อมกับสั่งให้เธออยู่กับที่จะไม่ให้คิดว่าเขากลัวผีแล้วจะให้คิดว่าอะไร
หมอทิวมองรอยยิ้มของเหมียวแล้วเริ่มจะตาลาย....ตาย ๆ ๆ ถ้าจะน่ารักขนาดนี้กลับบ้านกันเลยดีกว่าไม่ต้องเสียเวลากินล้งกินเลี้ยงแล้ว…….
“แหมพี่หมอ เดี๋ยวนี้น้องกอหญ้าไม่สวยแล้วเหรอค๊า.......” คนท้องโตที่ยืนหัวโด่อยู่ข้าง ๆ อดแซวไม่ได้คนอะไรไม่เก็บอาการบ้างเลย ทำอย่างกับรักและผูกพันกันมาเนิ่นนาน ใครจะเชื่อว่าเพิ่งเจอกันเมื่อเช้านี้เอง
“สวยครับสวย......” เขาตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะรีบหันกลับมาเพราะเกรงว่าผู้หญิงตรงหน้านี้จะหายไป แล้วตื่นขึ้นมาพบว่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่เช้าเป็นเพียงแค่ฝันไป.....
