6
ณ บ้านไร่ภูผาหญ้าหวาน
หมอทิวพาเหมียวมาถึงตั้งแต่บ่ายแลเห็นคนงานช่วยกันจัดงานเล็ก ๆ อย่างฉุกละหุก แต่ยังอุตส่าห์ทำเวทีเตี้ย ๆ เอาฟ่อนฟางวางต่อท่อนไม้เรียงรายต่างเก้าอี้ ดูไปดูมาก็น่ารักดี เข้ากับซุ้มยาดองสูตรพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ของคนงานที่นี่ มีโหลยาดองตั้งวางเรียงรายเป็นแถว เหมียวอดที่จะเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ไม่ได้
“โอ้โห...แต่ละสูตรนี่เด็ด ๆ ทั้งนั้นเลยหมอ” เธอเห็นชื่อยาดองแล้วสยอง “นึกดูสิคะถ้าคนเมามีเรี่ยวแรงมากดั่งกำลังช้างสารหรืออาจหาญเหมือนม้ากระทืบโรง...โด่ไม่รู้ล้ม...อี๋....นารีรำพึง......อืม...อันนี้ค่อยเบาหน่อย...แต่เอ๊ะ....สาวน้อยร้อยผัว.......” เหมียวอ่านไล่ไปทีละโหลทำตาโต ๆ อย่างตื่นเต้น
“พอเลยเหมียว ห้ามชิมเด็ดขาด” เขาต้องปรามไว้ก่อน เพราะดูว่าเจ้าหล่อนจะสนใจซุ้มนี้เป็นพิเศษ
“โหลไหนจ๊ะ......หนูว่าจะลองสาวน้อยร้อยผัว....” เธอยิ้มยั่วแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จึงโดนมะเหงกเขกกลางหน้าผากเข้าให้…..
“อูยยยยยย....หมอใจร้าย” มือบางคลำหน้าผากป้อย ๆ เธอไม่ได้คิดจะชิมจริง ๆ สักหน่อย รู้หรอกน่าว่ามันไม่อร่อยเพราะเมื่อก่อนพ่อลองให้เหมียวชิมตอนนั้นถึงกับวิ่งไปล้างลิ้นกันเลยทีเดียว ส่วนพ่อก็หัวเราะจนพุงกระเพื่อม...... บอกว่าจะได้รู้ไว้ จะได้ไม่อยากไปลองนอกบ้านให้มันอันตรายเปล่า ๆ นั่นแหละสิ่งที่พ่อชาวนาสอนเหมียวไว้.....และมันก็ได้ผลจริง ๆ ซะด้วย.....
“หนูพูดเล่นนิดเดียวเอง” เธอบ่นหงุงหงิงพลางมองหมอทิวด้วยสายตาตัดพ้อ.......
“เข้าไปในบ้านดีกว่า เดี๋ยวพาไปรู้จักคุณกอหญ้าภรรยาของนายภูอยากรู้อะไรก็ถามเขาได้”
“คุณกอหญ้านี่ดุไหมจ๊ะ”
“ไม่รู้ ไปดูเอาเอง”
เหมียวหน้าเสียวาดภาพว่าคงจะได้เจอคุณนายเจ้ายศเจ้าอย่างเพราะมีสามีเป็นถึงเจ้าของที่ดินกว้างขวางสุดลูกหูลูกตาแบบนี้ คิดไปก็เริ่มหวั่นใจ
หมอทิวได้แต่อมยิ้มรุนหลังเรือนร่างบอบบางให้ก้าวเดินไปด้วยกัน ผ่านใครก็ยิ้มทักทายให้ บางคนก็ออกปากแซวกันซึ่ง ๆ หน้าส่วนเหมียวก็ยกมือไหว้กราดทุกคน.......เมียใครวะน่ารักจริง ๆ .....พ่อหนุ่มคลั่งรักยืดอกยิ้มกริ่ม
“สวัสดีค่ะพี่หมอ....ต๊าย !....ไปล่อลวงลูกสาวใครมาคะเนี่ยเหมือนตุ๊กตาน่ารักมาก.....” กอหญ้าเอ่ยถามแจ้ว ๆ ตั้งแต่เห็นทั้งคู่โผล่เข้าประตูมาแล้ว เธอวางมือจากทุกสิ่งแทบจะวิ่งมาหาน้องเหมียวเพราะตื่นเต้นอยากเห็นหน้าตั้งแต่สามีกลับมาเล่าให้ฟัง
“สวัสดีค่ะคุณกอหญ้า” เหมียวประหม่าเล็กน้อยแต่ก็ใจชื้นขึ้นมาเป็นกองที่อีกฝ่ายไม่เป็นอย่างที่วาดภาพเอาไว้
“พี่หญ้าจ้ะน้องเหมียว ไม่เรียกคุณกอหญ้านะจ๊ะ”
“ค่ะพี่กอหญ้า” เหมียวยิ้มกว้าง เป็นบุญของเธอจริง ๆ ที่พาให้มาเจอคนดี ๆ แบบนี้
“มาเหนื่อย ๆ ไปนั่งพักก่อนดีกว่า”
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ ให้หนูไปช่วยในครัวก็ได้นะคะ”
“ได้ ๆ งั้นเราทำอาหารกันไปคุยกันไปก็ดีเหมือนกัน” กอหญ้ายิ้มทุกอย่างเข้าล็อค
“แต่ว่าเหมียวทำอาหารได้ไม่กี่อย่าง รบกวนพี่หญ้าสอนด้วยนะจ๊ะ”
“ได้เลยน้องรัก....พี่หมอตามสบายนะคะ” กอหญ้าจัดการกันหมอทิวออกจากภรรยาตัวน้อยเสร็จสรรพ
หนุ่มใหญ่รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย ทั้งผัวทั้งเมียทำตัวเป็นก้างขวางคอกีดกันกูจังไม่เข้าใจหรือไงว่าคนกำลังเห่อ....ไม่อยากแยกจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว......เอิ่ม....คิดได้ไงวะจะอ้วก......พอรู้สึกตัวก็เก็บอาการอย่างมิดชิดแต่ก็อดมองตามหลังลูกแมวน้อยของเขาตาละห้อยไม่ได้.....รู้สึกสังหรณ์แปลก ๆ ...........
เหมียวแปลกใจแทนที่จะถูกพาเข้ามาในครัวอย่างที่คุยกันไว้ แต่พี่หญ้ากลับจูงมือเธอขึ้นเรือนมาที่ห้องใหญ่ห้องหนึ่งพอเข้ามาข้างในแล้วก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นห้องนอนเจ้าของบ้านมองแต่พอมองผ่าน ๆ ไปที่เตียงนอนที่มีผ้าม่านโปร่งบางกั้นไว้เธอถึงกับหน้าร้อนซู่รีบเบือนหน้าหนีกลับมามองพี่หญ้าเหมือนเดิม
“เราไม่ไปทำอาหารกันแล้วหรือจ๊ะ”
“เอาไว้ก่อนก็ได้ มาเลือกชุดที่จะใส่คืนนี้ดีกว่าจ้ะ” คนมากวัยกว่าอมยิ้มให้กับความไม่เดียงสาของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าพลาดท่ายังไงถึงได้ถูกพี่หมอล่อลวงรวบรัดเอาได้
เหมียวก้มมองตัวเองที่สวมเดรสแขนกุดคอปาดเรียบ ๆ สีฟ้าแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ เธอเลือกชุดที่ดีที่สุดมาแล้วแต่มันได้แค่นี้จริง ๆ
“ชุดนี้ของเหมียวก็สวยจ้ะ แต่พี่ว่าวันพิเศษแบบนี้แต่งให้มันอลังการหน่อยดีไหมจ๊ะ”
“แล้วแต่พี่หญ้าเถอะจ้ะ”
“ดีมาก อีกเดี๋ยวช่างทำผมแต่งหน้าจะเข้ามาพี่หญ้ารับรองว่าเหมียวจะต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในวันนี้เลยจ้ะ” กอหญ้าให้ความเมตตาเด็กสาวตรงหน้าเหมือนที่เธอใครได้รับจากคุณบัวบูชาในวันนั้น......เพราะรู้ดีว่ามิตรภาพที่ส่งต่อด้วยความจริงใจของใครสักคนสามารถดลบันดาลความอุ่นซ่านในหัวใจให้กับคนที่ได้รับไม่มากก็น้อย
“เหมือนฝันเลยจ้ะพี่หญ้า” สายตาเหม่อมองสองมือประคองอยู่ข้างแก้มพร้อมกับรำพึงออกมาเบา ๆ ........ “เมื่อเช้าหนูยังนั่งแอบอยู่ข้างโอ่งอนาคตเหมือนอยู่ในอุโมงค์ที่ดำมืด แต่ตอนนี้หนูกำลังจะได้แต่งงานกับคนดี ๆ อย่างหมอทิวจริง ๆ ใช่ไหมจ๊ะพี่หญ้าที่หนูเห็นอยู่ตอนนี้คือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จริง ๆ ใช่ไหมจ๊ะ” เธอถามซ้ำ ๆ ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง
