25
ช่วงสายของวันนี้หลังจากผ่านเรื่องราวยุ่ง ๆ คุณนายลออชวนลูกสาวอ้างว่าจะไปหาซื้อของ ถึงแม้ลูกชายกับลูกสะใภ้อาสาจะเป็นคนพาไปก็ไม่ยอม เพราะมีเรื่องที่เพิ่งคิดได้สด ๆ ร้อน ๆ แต่อยากจะปรึกษากับลูกสาวเสียหน่อยเกรงว่าจะพ่ายแพ้หมดรูปอีก...เห็นทีจะประมาทไม่ได้
“เป็นไงคะคุณแม่หนูเตือนแล้ว...ดีนะที่พี่ทิวยอมเชื่อเหมียวไม่ สอบสวนทวนความให้ถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นล่ะก็คุณนายลออก็คุณนาย ลออเถอะ......” ทิวาคุยกับมารดาทันทีที่มาถึงท่าน้ำอันร่มรื่นของวัดใหญ่ในจังหวัดผู้คนไม่มากนักทำให้พูดคุยกันได้เป็นส่วนตัว
“แกนี่ยังไงนะ...ในวัดในวายังกล้าว่าแม่เดี๋ยวนรกก็กินกบาลเอาหรอก”
“แล้วคุณแม่พามาคุยที่นี่ทำไมล่ะคะ” ลูกสาวถามอย่างอ่อนใจ สงสัยมารดาของเธอจะว่างเกินไปต้องบอกให้พี่ทิวปั้นเจ้าตัวเล็กหลาย ๆ คนให้คุณนายลออหัวหมุนจะได้ไม่เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แบบนี้อีก
“ก็ที่นี่สงบดีอีกอย่างนะ...แผนจะได้ไม่รั่วไหลยังไงล่ะแต่จะว่าไป แม่เหมียวนั่นไม่รู้หรอกว่าโดนฉันแกล้งน่ะ” เธอพูดแล้วก็หัวเราะขำ....เออ...ขำตัวเองนี่แหละเกือบโดนเด็กถอนหงอกแล้วไหมล่ะ ที่เป็นแบบนั้นเพราะเธอประมาทเกินไปแค่นั้นเอง
“แน่ใจหรือคะคุณแม่” ทิวาไม่ได้คิดอย่างนั้น แม้ดูภายนอกเหมียวจะแลดูเป็นเด็กสาวใสซื่อแต่เธอไม่ใช่คนโง่แน่นอนเหลือก็แต่ว่าจะฉลาดดีหรือฉลาดแกมโกงเท่านั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ใจเช่นกัน....
“อืม...เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอก” คนเป็นแม่บอกพลางคิดหนัก
“หรือว่าเราจะเลิกยุ่งกับครอบครัวเขาดีไหมคะ ให้พวกเขาตัดสินใจกันเอง พี่ทิวก็ใช่จะโง่เขลาเบาปัญญาเสียที่ไหนไม่อย่างนั้นคงเสร็จแม่มาลีไปตั้งแต่ครั้งโน้นแล้ว” ทิวานึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่มีส่วนทำให้มารดาไม่เร่งรัดพี่ชายให้กลับไปอยู่ที่บ้าน
“จริงสิ ! พูดถึงแม่มาลีป่านนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว...ฉันว่าจะลองพูดกับตาทิวให้กลับไปอยู่บ้านดีไหม”
“ก็ดีนะคะ แต่เกรงว่าพี่ทิวจะไม่ยอมน่ะสิคะคุณแม่”
“อืม....แกว่าตาทิวรักเมียเขาไหม”
“ไม่รู้สิคะ ถ้าบอกว่าหลงน่าจะใช่” เท่าที่เห็นน่าจะเป็นอย่างนั้นดูเหมือนจะคลั่งรักด้วยซ้ำ แต่ด้วยระยะเวลาน้อยนิดที่เจอกันจึงไม่อยากเชื่อว่าพี่ชายของเธอจะใจง่ายขนาดนั้น
“ช่างเถอะ...จะรักหรือหลงก็ดีทั้งนั้น ฉันจะเอายัยแมวเหมียวเป็นตัวประกัน”
“คุณแม่ !.....” คิดอยู่แล้วเชียวว่ามารดาจะต้องหาทางสร้างเรื่องใหม่แน่นอน
“ทำไมต้องเสียงดังด้วยนะ ฉันไม่ได้เอาพี่สะใภ้หล่อนไปฆ่าแกงเสียที่ไหนล่ะ”
“แล้วคุณแม่จะทำยังไงคะ อย่าบอกนะว่าจะเอาตัวขึ้นรถกลับบ้านด้วยกันดื้อ ๆ อ่ะ พี่ทิวได้โกรธตายเลย”
“จะบ้าเหรอ !.......เถอะน่าแกคอยดูฝีมือฉันก็แล้วกัน” คุณนายลออยิ้มอย่างมีเลศนัยมั่นใจว่าคราวนี้ต้องสำเร็จแน่ ส่วนทิวาก็ได้แต่เอาใจช่วยเธอจะดีใจมากหากพี่ชายจะกลับไปอยู่บ้านเสียที.....
ปางไม้
“หมอออออ........กลับบ้านเถอะจ้ะเย็นแล้ว” เหมียวไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้หมอทิวจึงไม่ปล่อยให้เธออยู่บ้านคนเดียวทั้งที่แม่กับน้องสาวของเขาไม่อยู่ เธออุตส่าห์ตั้งใจจะทำอาหารจานเด็ดพิชิตใจแม่ผัวเสียหน่อย.....
“จะรีบไปไหนล่ะ รอดูตะวันตกดินด้วยกันก่อน” เขาพาเหมียวแวะจุดชมวิวระหว่างทางกลับบ้านและชวนเธอลงมานั่งมองขอบฟ้าด้วยกัน
“แต่หนูต้องกลับไปเตรียมอาหารการกินให้แม่ผัวนี่จ๊ะ...” หากเป็นเวลาปกติเธอคงรู้สึกดีกับบรรยากาศโรแมนติกแบบนี้ไม่น้อย
“ถามจริง ๆ เถอะ นี่เธอไม่โกรธแม่ฉันหรือไง” เขาดึงคนข้าง ๆ ขึ้นมานั่งตักและกอดไว้หลวม ๆ
“โกรธเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ” เธอถามโดยไม่ได้เหลียวกลับไปมองแต่ ทิ้งน้ำหนักตัวลงพิงอกกว้างอย่างเต็มใจ
“ตกลงว่าเธอไม่รู้ หรือว่ารู้แล้วไม่โกรธกันแน่”
“บางทีการไม่รู้ก็ทำให้ไม่มีเรื่องต้องโกรธ ไม่ดีหรือจ๊ะ” เหมียวยิ้ม ละไมพร้อมกับมองไกลสุดลูกหูลูกตาอย่างผ่อนคลาย บางทีเขาอาจจะ กำลังลำบากใจเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางสงครามย่อม ๆ ระหว่างเมียกับแม่ ....หมอน่ารักจริง ๆ ที่ใส่ใจความรู้สึกของเธอ
“ฉันโชคดีจริง ๆ” หมอทิวกระชับอ้อมกอดพร้อมกับวางคางลงบนลาดไหล่บอบบางแบบนี้จะไม่ให้เขาลุกขึ้นมาปกป้องเจ้าหล่อนได้ยังไง
“โชคดีที่ได้เหมียวเป็นเมียใช่ไหมจ๊ะ....”
“หลงตัวเอง”
“แล้วใช่ป่ะล่ะ”
“ไม่ใช่ !” ก็ว่าจะชมแต่หมั่นไส้จึงแกล้งดับฝันกันซะอย่างนั้น
เหมียวเอี้ยวตัวหันขวับกลับไปมองเจ้าของตักตรง ๆ
“งูยยยย......ทำไมเป็นงั้นล่ะ อย่าบอกนะว่าโชคดีที่มีเมียโง่อ่ะ....อ๊ะ !...” เหมียวยกมือขึ้นคลำหน้าผากเพราะโดนเคาะเอาดื้อ ๆ
“เมียฉันแกล้งโง่.....”
“หมออออ.......” เหมียวแหงนหน้าทำคออ่อนราวกับไม่มีกระดูก
“ไม่ต้องมาทำใสซื่อ ยังไงก็อย่าแกล้งคุณนายลออหนักมือนักล่ะเดี๋ยวกรรมจะตามสนอง วันหน้าเธอจะเจอลูกสะใภ้แสบเข้าบ้าง” เขาบอกเธออย่างเอ็นดูพลางคีบจมูกเล็กโยกอย่างมันเขี้ยว....
“แหม....ก็ลูกสะใภ้ของหมอเหมือนกันแหละ” พูดแล้วก็ทำตาพองแก้มป่องใส่
เมียใครวะ......จะน่ารักเกินไปแล้ว หมอทิวก้มลงไปจูบริมฝีปากนุ่มอย่างอดใจไม่ไหว
“อื้อ....อ่อย....” เหมียวผลักอกเขาออกเต็มแรงก่อนจะโวยวายเสียงดังราวกับกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง…ก็อายนั่นแหละที่โล่งออกอย่างนี้ใครมาเห็นเข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ตะวันตกดินไปแล้ว...หมอทำหนูอดดูอ่ะ”
“ก็ไหนว่าไม่อยากดู”
“หนูไม่ได้พูดสักหน่อย”
หมอทิวอมยิ้มเมื่อเห็นพวงแก้มแดงปลั่งของยัยตัวแสบจนต้องตัดใจพากันเดินกลับมาที่รถและขับกลับบ้านด้วยหัวใจที่เบิกบาน ไม่เช่นนั้นคงได้ทำเรื่องที่ต้องอายฟ้าดินกันแน่ ๆ
